เห็นทีการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ว่า ปี 2556 โรคไข้เลือดออกจะระบาดรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ท่าจะเป็นจริงเสียแล้ว เพราะจากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 15 พ.ค. พบจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมรวม 30,886 ราย เสียชีวิต 36 ราย กว่าร้อยละ 50 เป็นเด็กวัยเรียน จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าปี 2555 กว่า 3 เท่าตัว
แม้ ศ.คลินิก พญ.ศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางด้านโรคไข้เลือดออก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะออกมาให้ข้อมูลว่า โอกาสป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกของเด็กและผู้ใหญ่จะเท่าๆ กัน แต่เด็กเล็กที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก ทำให้ต้องดูแลและรักษาเป็นกรณีพิเศษ
โดยลักษณะอาการนั้นจะมีไข้สูงลอย 2-7 วัน มักไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูกไหล อาจมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีผื่นแดงตามร่างกาย มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟันผิดปกติ หรือเด็กบางรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจมีอาการช็อก ซึ่งสังเกตได้ยาก เนื่องจากยังรู้สติดีอยู่ แต่จะดูอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ข้อสังเกตคืออาการช็อกจะตรงกับวันที่ไข้ลง หรือไข้ต่ำลง
ทั้งนี้ ศ.คลินิก พญ.ศิริเพ็ญ เปิดเผยว่า หากเฝ้าสังเกตและพบเห็นอาการบ่งชี้ว่า อาจเป็นอาการนำของภาวะช็อกควรรีบนำตัวเด็กเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญอย่างเร่งด่วน ซึ่งมีทั้งหมด 9 อาการด้วยกัน ดังนี้
1. ไข้ลงหรือไข้ลดลงแต่ยังไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ อาทิ เบื่ออาหาร ไม่ค่อยเล่น และอ่อนเพลีย
2. คลื่นไส้ อาเจียน ตลอดเวลา
3. ปวดท้องมาก
4. มีเลือดออกมาก เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
5. พฤติกรรมของเด็กเปลี่ยนไปจากปกติ
6. กระหายน้ำตลอดเวลา
7. ร้องกวนมากในเด็กเล็ก
8. ตัวเย็นชื้น สีผิวคล้ำลง หรือตัวเป็นลายๆ
9. ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ถ่ายปัสสาวะนานเกิน 4-5 ชั่วโมง
สำหรับวิธีในการเตรียมความพร้อมก่อนไข้เลือดออกระบาดหนัก ศ.คลินิก พญ.ศิริเพ็ญ แนะนำว่า ต้องช่วยกันกำจัดยุงลายซึ่งเป็นแหล่งแพร่เชื้อไข้เลือดออก ด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายตามภาชนะที่มีน้ำขังที่อยู่ในบ้านหรือรอบๆ บ้าน รวมถึงต้องป้องกันและดูแลเด็กให้ห่างไกลโรคไข้เลือดออกด้วย โดยการใส่เสื้อผ้าแขนยาวและกางเกงขายาว หรือนอนหลับในห้องที่ติดมุ้งลวดมิดชิด ทาสารกันยุงที่ปลอดภัย เช่น ตะไคร้หอม ระดับครัวเรือนควรกำจัดแหล่งน้ำขังตามสถานที่ต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ในครัวเรือนและอุปกรณ์ซักล้างควรคว่ำหรือปิดฝาให้เรียบร้อย เปลี่ยนน้ำรองขาโต๊ะหรือในแจกันทุกสัปดาห์ หรือผสมเกลือ หรือตรวจสอบรอบบริเวณบ้าน รางระบายน้ำบนหลังคาว่ามีแอ่งขังน้ำหรือไม่ และการป้องกันในระดับชุมชน ต้องร่วมมือกันในการรณรงค์กำจัดแหล่งน้ำขังภายในชุมชนปีละ 2-3 ครั้ง หรือพ่นยาฆ่าแมลงในเขตชุมชนปีละ 2-4 ครั้ง เป็นต้น
เพียงเท่านี้ ทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ก็ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกอย่างแน่นอน