ASTVผู้จัดการรายวัน - ดีเอสไอ ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.-บริษัท กรุงเทพธนาคม-บีทีเอส แจงกรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าภายใน 18 มิ.ย.นี้ ชี้ แนวโน้มเข้าข่ายลงนามสัญญาไม่ถูกต้อง สัญญาเป็นโมฆะ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกรุงเทพมหานคร ลงนามต่อสัญญาขยายสัมปทานการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ ระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของกรุงเทพฯ ว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงต่อดีเอสไอ ว่า กทม.ไม่มีอำนาจในการลงนามดังกล่าว ดังนั้น ดีเอสไอได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวน มีความเห็นว่า ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจง และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ดีเอสไอจึงได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน คือ ผู้ว่าฯ กทม., บริษัท กรุงเทพธนาคม และ บีทีเอส แสดงเหตุผลการลงนามต่อสัญญาโดยกำหนดให้ทำหนังสือชี้แจงกลับมาที่ดีเอสไอภายในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลและเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 27 มิ.ย.หากในชั้นนี้ทั้ง 3 หน่วยงานไม่ประสงค์จะชี้แจงก็ไม่เป็นไร หากบอร์ด กคพ.มีมติรับเป็นคดีพิเศษดีเอสไอจะมี
“การที่ รมว.มหาดไทย ยืนยันอำนาจหน้าที่ถือเป็นสารสำคัญ มีแนวโน้มเข้าข่ายไม่ถูกต้องตามกฎหมาย การลงนามต่อสัญญาดังกล่าวไม่ถูกต้อง และอาจทำให้สัญญาเป็นโมฆะ ทั้งนี้ ดีเอสไอยังไม่ได้ตรวจสอบเบื้องลึกไปในรายละเอียด ว่า มีการทำสัญญาไม่เป็นธรรมหรือไม่ เกิดประโยชน์หรือไม่ ทั้งที่อายุสัมปทานยังเหลืออีกหลายปี เนื่องจากพบความผิดจากการลงนามในสัญญาทั้งที่ไม่มีอำนาจแล้ว”นายธาริต กล่าว
ทั้งนี้ หนังสือชี้แจงจาก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ที่ส่งถึงดีเอสไอ กรณี กทม.ดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชน ระบุว่า ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 กำหนดให้กิจการรถรางเป็นอำนาจหน้าที่ของ รมว.มหาดไทย ทั้งนี้ หนังสือด่วนที่สุด ที่ มท 1101/5607 ลงวันที่ 25 มี.ค.2535 ไม่ใช่การมอบอำนาจในการอนุมัติสัมปทานให้กับกทม.อำนาจในการอนุมัติให้สัมปทานกับบีทีเอส ยังเป็นของ รมว.มหาดไทย การเห็นชอบแต่งตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น เพียงเพื่อให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติกิจการ ควบคุมดูแลดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานเท่านั้น ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ที่มีผลเป็นการแก้ไขหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานเดิมที่ รมว.มหาดไทย ได้อนุมัติไว้ โดยเฉพาะการขยายอายุสัญญา หรือการขยายเส้นทางใหม่ ที่ไม่ได้รับอนุมัติจาก รมว.มหาดไทย ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อสัญญา ดีเอสไอจึงส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม.ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส และบริษัท กรุงเทพธนาคม เพื่อขอทราบความเห็นเกี่ยวกับสัมปทานระบบขนส่งมวลชนของ กทม.ซึ่งเกี่ยวพันกับอำนาจของ รมว.มหาดไทย
ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความถูกต้อง ซึ่งเมื่อเรื่องถึงที่สุดแล้วจะอยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.และศาล อย่างไรก็ตาม กทม.ได้มีการชี้แจงไปยังคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของไทย คือ คณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงการคลัง ซึ่งดู พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งต่างมีใจความว่า กทม.ไม่ได้ขยายสัมปทานให้กับบีทีเอสซี แต่เป็นการต่อสัญญาจ้างเดินรถเท่านั้น ดังนั้น ตนเองจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนบางคนไม่เข้าใจเสียที ฉะนั้น การดำเนินการใดๆ ก็ตามของคนที่ดำเนินการนั้นก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองด้วย