เล็งร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน เอาผิดดีเอสไอ ขณะที่ข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เครียดถูกการเมืองสั่งต้องเอาผิด กทม.ให้ได้ ขณะที่ “ธีระชน” อัด “จิรายุ” ไร้ศักดิ์ศรี
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า กทม.เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ 2.ประมวลกฎหมายอาญา 3.พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน กรณีมีการตัดตอนต่อสัญญาโดยกทม.ไม่จำเป็นต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ 4.พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) เนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้แข่งขันด้วยการประกวดราคา ว่า กทม.ยังขอยืนยันว่า กทม.ไม่ได้แตะ ต่อ แก้ หรือขยายสัญญาสัมปทานแต่อย่างใด และ กทม.ก็ดำเนินการตามอำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 281 ที่ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ รวมถึงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครแต่หากกระทรวงมหาดไทยต้องการที่จะนำสัมปทานไปบริหารเอง กทม.ก็ยินดี
"เรื่องนี้เขามีธงอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ถูกสั่งให้ดำเนินเป็นขบวนการ เราทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ร้องไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการ เพราะถือเป็นสิทธิเฉพาะบุคคล เช่น เคที ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานให้แน่นหนา ขณะเดียวกันในท้ายที่สุดแล้วขบวนการตรวจสอบต่างๆ จะไปสิ้นสุดที่ ป.ป.ช.และศาลยุติธรรม ซึ่ง กทม.ยังคงมีความเชื่อมั่นในตุลาการ” นายธีระชน กล่าว
ส่วนที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงว่า นายชนินทร์ รุ่งแสง และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับงานจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ในการชี้แจงกรณีการต่อสัญญาจ้างบีทีเอสซีนั้น เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 โดยจะยื่นอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทั้ง 2 คนหมดสมาชิกสภาพ ส.ส.นั้น นายธีระชน กล่าวว่า ถามว่า การที่ นายจิรายุ หรือแม้แต่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงหรือให้สัมภาษณ์เป็นการรับงานให้มายุ่งกับเรื่องนี้หรือไม่ จะแถลงอะไรก็ขอให้นึกถึงศักดิ์ศรีเพราะทั้งนายธนินทร์ และ น.ส.รัชดา ก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับ นายจิรายุ ทุกประการ ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ
รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งด้วยว่า ขณะนี้ข้าราชการประจำระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำลังถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองจากกรณีการต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้ากับบีทีเอสซี ซึ่งไม่ว่าเรื่องนี้จะดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างไรแต่สำหรับดีเอสไอแล้วเป็นธงที่ถูกสั่งลงมาให้กล่าวหา กทม.กระทำผิดกฎหมาย 4 ฉบับข้างต้น
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า กทม.เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยดำเนินการ 2.ประมวลกฎหมายอาญา 3.พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุน กรณีมีการตัดตอนต่อสัญญาโดยกทม.ไม่จำเป็นต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ 4.พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) เนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้แข่งขันด้วยการประกวดราคา ว่า กทม.ยังขอยืนยันว่า กทม.ไม่ได้แตะ ต่อ แก้ หรือขยายสัญญาสัมปทานแต่อย่างใด และ กทม.ก็ดำเนินการตามอำนาจตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 281 ที่ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ รวมถึงพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครแต่หากกระทรวงมหาดไทยต้องการที่จะนำสัมปทานไปบริหารเอง กทม.ก็ยินดี
"เรื่องนี้เขามีธงอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ถูกสั่งให้ดำเนินเป็นขบวนการ เราทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ร้องไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการ เพราะถือเป็นสิทธิเฉพาะบุคคล เช่น เคที ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานให้แน่นหนา ขณะเดียวกันในท้ายที่สุดแล้วขบวนการตรวจสอบต่างๆ จะไปสิ้นสุดที่ ป.ป.ช.และศาลยุติธรรม ซึ่ง กทม.ยังคงมีความเชื่อมั่นในตุลาการ” นายธีระชน กล่าว
ส่วนที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงว่า นายชนินทร์ รุ่งแสง และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รับงานจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ในการชี้แจงกรณีการต่อสัญญาจ้างบีทีเอสซีนั้น เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 โดยจะยื่นอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทั้ง 2 คนหมดสมาชิกสภาพ ส.ส.นั้น นายธีระชน กล่าวว่า ถามว่า การที่ นายจิรายุ หรือแม้แต่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงหรือให้สัมภาษณ์เป็นการรับงานให้มายุ่งกับเรื่องนี้หรือไม่ จะแถลงอะไรก็ขอให้นึกถึงศักดิ์ศรีเพราะทั้งนายธนินทร์ และ น.ส.รัชดา ก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับ นายจิรายุ ทุกประการ ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องของการเมืองล้วนๆ
รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งด้วยว่า ขณะนี้ข้าราชการประจำระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กำลังถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองจากกรณีการต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้ากับบีทีเอสซี ซึ่งไม่ว่าเรื่องนี้จะดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างไรแต่สำหรับดีเอสไอแล้วเป็นธงที่ถูกสั่งลงมาให้กล่าวหา กทม.กระทำผิดกฎหมาย 4 ฉบับข้างต้น
