xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีสิทธิต่อสัญญาBTS แจงกทม.เข้าข่ายผิด4กฎหมาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“ดีเอสไอ” แจง มหาดไทย ย้ำอำนาจชัดกทม.ไม่มีสิทธิต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอส เตรียมเสนอเป็นคดีพิเศษ 27 กพ.นี้ ใช้กฎหมาย 4ฉบับเอาผิด “ส.ส.เพื่อไทย” เล็งยื่นศาลรธน.ถอด2ส.ส.กทม.ปชป.แทรกแซงงานผู้ว่าฯ กทม.ย้อนเกร็ด "ดีเอสไอ" เอาผิดมาตรา157

วานนี้(28 พ.ค.55) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีร้องเรียนกรุงเทพมหานครต่อสัญญาสัมปทานให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส โดยมิชอบ ภายหลังกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือชี้แจงอำนาจการต่อสัญญาเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า การทำหนังสือชี้แจงอำนาจของ รมว.มหาดไทยทำให้เรื่องดังกล่าวมีมูลความผิด จึงขอเรียกร้องให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเพื่อสอบสวนต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวมีข้าราชการระดับสูงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องรวมถึงมีประเด็นผูกพันงบประมาณแผ่นดินที่ต้องสูญเสียให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว พร้อมกันนี้เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการ กทม. แสดงความเป็นผู้นำด้วยการออกมาชี้แจงรายละเอียดการทำงานว่าเหตุใดจึงไม่ทำสัญญาโดยตรงกับบีทีเอส แต่ดำเนินการผ่านบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด รวมถึงกรณีที่ระบุว่าการต่อสัญญาดังกล่าวจะได้ประโยชน์กว่า 6,000 ล้านบาท

ด้านนายธาริตกล่าวว่า การที่กระทรวงมหาดไทยทำหนังสือชี้แจงตามข้อสอบถามของดีเอสไอในประเด็นอำนาจการทำนิติกรรมของ กทม. โดยยืนยันว่าอำนาจการต่อสัญญาเป็นของ รมว.มหาดไทย กทม.ไม่มีอำนาจ ส่งผลให้สรุปได้ว่าคดีมีมูลข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับเป็นคดีพิเศษในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มขั้นตอนการสอบสวนโดยเปิดโอกาสให้ผู้ว่าฯกทม.และผู้เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป

เบื้องต้นกรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย 4 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ที่ให้อำนาจ รมว.มหาดไทย ดำเนินการ 2.ประมวลกฎหมายอาญา 3.พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.) ร่วมทุน กรณีมีการตัดตอนต่อสัญญาโดย กทม. ทำให้ไม่จำเป็นต้องผ่านคณะรัฐมนตรี และ 4.พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) เนื่องจากมีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธนายง ไม่เปิดโอกาสให้แข่งขันราคา

ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายชนินทร์ รุ่งแสง และน.ส.รัชดา ธนาดิเรก ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าให้กับบีทีเอสว่า การแถลงข่าวของส.ส.กทม.ทั้ง 2 คนเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น น่าจะเป็นการรับงานมาจากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ทั้งนี้ การแถลงข่าวในวันดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. อาจจะเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266 ได้ ดังนั้นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้วินิจฉัยให้ส.ส.ทั้ง 2 คนสิ้นสุดความเป็นสมาชิกภาพส.ส.

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้กทม.ได้หารือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับดีเอสไอ ตามมาตรา 157 ฐานละเลยหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากมีการชี้นำความผิดของ กทม.ในการต่อสัญญาว่าจ้างการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส 30 ปี ทั้งที่ยังไม่สอบสวนข้อมูลให้ครบถ้วน

ดีเอสไอควรสอบสวนด้วยความเที่ยงธรรม ตรวจสอบทุกประเด็นตามข้อกฎหมายก่อนส่งความเห็นให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย แทนการเปิดประเด็นทางการเมืองและเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ทางกทม.และพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การให้ความเห็นในลักษณะชี้นำไม่ควรมีในเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม การดำเนินการใดๆ ต้องเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม และพิจารณากฎหมายทุกฉบับด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่เบี่ยงเบนข้อเท็จจริง

ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการตรวจสอบการเซ็นสัญญาบีทีเอสขณะนี้มีการตั้งธงไว้ก่อนแล้ว ทำให้หลายฝ่ายไม่ยอมทำความเข้าใจต่อเหตุผลที่ กทม.ชี้แจง แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วประชาชนจะเข้าใจได้ว่าใครทำหน้าที่เอนเอียง สำหรับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะไม่ออกมาแถลงตอบโต้ประเด็นทางการเมืองอีกต่อไป โดยจะเน้นการลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสถานีบางหว้า ส่วนประเด็นทางการเมืองจะให้ทางพรรครับมือเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น