ปชป.ออกหน้าแทน กทม.เล็งฟ้องเอาผิดดีเอสไอ ข้อหาชี้นำมาตรา 157 ก่อนได้ข้อมูลบีทีเอสครบ ให้ ป.ป.ช.พิจารณา
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานและกำกับโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ว่า ตนได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า กรณีการจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส กทม.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาสัมปทาน พร้อมทั้งยืนยันว่า กทม.ไม่ได้มีการแตะ ต่อ หรือขยายสัญญาแต่อย่างใด จากนี้จะมีการรายงานผลการประชุมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมว.มท.) รับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรณีดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นการเมือง ทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนตนและผู้ว่าฯ กทม.จะถอยห่างออกมา เพื่อลงพื้นที่แก้ปัญหาระบบขนส่งที่ยังมีปัญหา และการเตรียมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสถานีบางหว้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พรรคพิจารณาเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการชี้นำโดยที่ยังไม่ได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน ซึ่งในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ปชป.จะหารือเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับดีเอสไอ ที่ถือว่ามีความผิด ป.อาญา มาตรา 157 ข้อหาชี้นำโดยยังไม่สอบสวนข้อมูลให้ครบถ้วน และมาตรา 21/1 ดีเอสไอต้องสอบสวนด้วยความเที่ยงธรรม ตรวจสอบทุกประเด็นข้อกฎหมายก่อนทำความเห็นให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้พิจารณาภายใน 30 วัน แทนการเปิดประเด็นทางการเมืองและเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง
“หลายฝ่ายเข้าใจหมดแล้วว่า กทม.ไม่ได้ต่อสัญญาสัมปทาน แต่ยังมีบางคนที่ได้รับมอบธงจึงยังไม่เข้าใจ ซึ่งประชาชนรับรู้ได้ว่าใครมีความเอนเอียง ส่วนหนังสือปกขาวจะขึ้นเว็บไซต์ และแจกให้สื่อมวลชนก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม และสัปดาห์หน้าจะนำไปวางตามสถานที่ราชการต่างๆ อาทิ สำนักงานเขต เป็นต้น” นายธีระชน กล่าว
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการติดตั้งลิฟต์เพื่อคนพิการที่สถานีรถไฟฟ้า ตนได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง ตรวจสอบว่ากทม.สามารถดำเนินการได้เลยหรือไม่ หรือต้องขอความเห็นชอบจาก รมว.มท.ก่อน