xs
xsm
sm
md
lg

พท.โอ่ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองยิ่งใหญ่ นัดหารือในพรรคจันทร์นี้-ปัดเกี้ยเซี้ย “บิ๊กบัง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
"เพื่อไทย"นัดพลพรรคประชุมหารือร่าง พ.ร.บ.ปรองดองจันทร์นี้ “จิรายุ” ยกเป็นร่างกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ ปัดเกี้ยเซี้ย “พล.อ.สนธิ” ขณะเดียวกันเตรียมตั้งทีม กม.เกาะติดคดีอีสต์วอเตอร์บริจาคเงินช่วยน้ำท่วมผ่าน ปชป. พร้อมเล็งเสนอตัดงบฯ กรุงเทพมหานคร 30% โวยให้สัญญาสัมปทานเดินรถไฟฟ้า BTS กับ BTSC 30 ปี

วันที่ 26 พ.ค. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เสนอเรื่องร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาว่า พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุม ส.ส.ในวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ เพื่อทำความเข้าใจใน พ.ร.บ.ดังกล่าวซึ่งหากมีการบรรจุวาระ ในสัปดาห์นี้จริงก็จะจัดตัว ส.ส.ผู้อภิปราย

ส่วนแนวคิดใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ แม้จะมีเพียง แค่ 8 มาตรา แต่พรรคมองว่าเป็น พ.ร.บ.ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการก้าวไปข้างหน้าของประเทศไทย จะมีก็เพียงแต่ผู้สูญเสียผลประโยชน์ จากการปรองดอง หรือประเทศสงบและเดินหน้าได้เท่านั้นที่จะออกมาคัดค้าน

ทั้งนี้ เพราะ พ.ร.บ.ปรองดองตนเห็นว่า เป็นสิ่งดีกว่าการปฏิวัติ เพราะตอนยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ไม่เคยถามประชาชนเลย แต่เมื่อบ้านเมืองวุ่นวายมานานกว่า 6 ปี ทำไมบางคนจึงไม่ออกมา เสนอแนวคิดเรื่องการปรองดองของคนในชาติบ้าง และการนำเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่สภาฯถือว่าเป็นการถามตัวแทนประชาชน ซึ่งหากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถอภิปรายในแง่มุมต่างๆ ได้ แต่ก็ควรจะอยู่บนหลักความจริงว่าที่ผ่านมาหลัง 19 กันยายน 49 แต่ละเรื่องล้วนแต่ทำจากแรงจงเกลียดจงชังคนไม่กี่คน แต่ทำประเทศวุ่นวายได้ เช่น การทำงานของ คตส. ซึ่งหากในมาตรา 5 นั้นตนก็จะขออภิปรายว่าไม่ใช่การล้างความผิด แต่กระบวนการพิจารณาเรื่องต่างๆ ในยุคนั้น ควรจะมาจากประบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐานไม่ใช่มาจากแรงอาฆาตพยาบาทซึ่งอาจจะต้องนำคดีต่างๆ มาพิจารณาใหม่และให้กระบวนการยุติธรรมปรกติของประเทศทำ

“พรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าไม่เคยเกี้ยเซี้ยกับอดีตผู้นำปฏิวัติ และไม่เคยเห็นว่า พล.อ.สนธิเดินทางไปพบใครในต่างประเทศ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตี พล.อ.สนธินั้น ก็อยากฝากไปว่าอย่าไปผลักอกให้ พล.อ.สนธิ ติดข้างฝา เพราะคนอย่างนายทหารระดับสูงเช่นนี้คงกำความลับอะไรในช่วงพรรคประชาธิปัตย์หวานชื่นในยุคปฏิวัติไว้เยอะ วันนี้ขอให้มองประเทศเป็นที่ตั้งบ้าง ลดความโกรธ ความเกลียดลงบ้างประเทศจะเดินหน้าไปแข่งขันกับต่างชาติได้”

นายจิรายุกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา 3 คนเพื่อติดตามกรณีบริษัท อีสต์วอเตอร์ไปบริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากทราบมาว่ามีนักกฎหมายภายในพรรคประชาธิปัตย์ได้ท้วงติงว่าการรับเงินจากบริษัทดังกล่าวเข้าบัญชีพรรคนั้นสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายอาจถึงขึ้นยุบพรรค จนต้องทำให้มีการประชุมหาทางออกและเร่งนำเงินไปบริจาคให้สำนักนายกรัฐมนตรีในที่สุดหลังเก็บไว้เดือนเศษ

ทั้งนี้ ทีมกฎหมายได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงพักเงินไว้นานถึง 1 เดือน และการไปบริจาคต่อนั้นถือความผิดสำเร็จแล้ว เพราะรับมา 1 ล้านไปบริจาคต่อ 1 ล้านในระยะเวลา 1 เดือน ทางการเงินย่อมมีดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินคงไว้ในบัญชี ซึ่งหากคิดตามเรตธนาคารร้อยละ 3.5 ก็จะมีถึงจำนวนเงินถึงปีละ 35,000 บาท เลยทีเดียวอย่างนี้ ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วใช่หรือไม่

ขณะเดียวกันก็พบข้อสังเกตว่า เหตุใดเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ถึงได้ล่มในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อกลับมาใช้ได้แต่ก็ไม่สามารถเข้าดูงบการเงินต่างๆ ได้ ซึ่งเรื่องนี้พรรคไม่กังวล เพราะได้เก็บข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ไว้ ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว และหากเว็บไซต์ประชาธิปัตย์กลับมาปกติ หากมีข้อมูลเปลี่ยนไปก็จะนำมาเปรียบเทียบว่าก่อนเว็ปล่มและลังเว็บล่มแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งพรรคจะติดตามการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ากรณีดังกล่าวนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะ พรรคประชาธิปัตย์ไม่โดนยุบพรรคมาแล้วหลายครั้ง

นายจิรายุกล่าวอีกว่า จากการที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมายให้ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์รองผู้ว่าฯ มาชี้แจงเรื่องรถฟ้า BTS ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาฯ นั้น ตนเองรู้สึกผิดหวังในตัวของผู้นำอย่างผู้ว่ากทม.อย่างมากเพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับมอบหมายให้ระดับรองผู้ว่าฯ มาชี้แจงต่อ กมธ. และการชี้แจงต่อ กมธ.ของนายธีระชนก็เป็นเรื่องซ้ำๆ ที่เคยพูดมาแล้วหลายเวที บางเรื่องก็ตอบไม่ได้ พูดได้แต่อนาคตที่ต่อไป 13 ปีดีอย่างนั้น 30 ปีข้างหน้าจะดีอย่างนี้ แต่ตนกลับรู้สึกจับต้องไม่ได้ เพราะข้อสงสัยอยู่ที่ว่าทำไมส่วนราชการกรุงเทพมหานคร จึงต้องไปให้บริษัทเอกชนอย่างกรุงเทพธนาคม KT ที่ กทม.ถือหุ้นใหญ่ โดยการว่าจ้างปีละ 60 ล้านบาทให้ไปจ้างต่อกับเอกชน คือ BTSC ซึ่งหาคำตอบเป็นแบบตรรกะไม่ได้ เพราะหาก กทม.ทำแบบสัญญาหลักที่ทำไว้ 30 ปี ก็ให้ กทม.ไปเซ็นต์ ตรงกับ BTS เหมือนครั้งแรกก็จบ ไม่มีประเด็นไม่เป็นที่ครหา และการที่ กทม.จ้างกรุงเทพธนาคมปีละ 60 ล้านถึง 30 ปี ก็เท่ากับว่า กทม.ต้องใช้ภาษีประชาชนคนกรุง และภาษีของคนทั้งประเทศที่รัฐบาลต้องอุดหนุนให้ กทม.ปีละกว่า 14,000 ล้านบาท ไปจ้าง KT ถึง 1,800 ล้านบาทเพื่ออะไร

ทั้งนี้ ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 นี้ตนและสส.กทม. จะขอแปรญัตติตัดงบประมาณในส่วนที่ปีนี้กทม.จะได้รับจากรัฐบาล สูงถึงกว่า 14,000 ล้านบาท ออกอย่างน้อย 30% เพราะดูจากการทำงานใน 2-3 ปีมานี้ กทม. มีรายได้จากการเก็บภาษีประชาชนจำนวนมากแล้ว และมีการใช้งบประมาณที่ตนเห็นว่าไม่จำเป็นจำนวนมาก เช่น งบประมาณประชาสัมพันธ์ผู้ว่าฯ ตามป้ายโฆษณา ป้ายรถเมล์ และล่าสุดถึงกับลงทุนโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ซึ่งต้องใช้งบประมาณอย่างมหาศาลแน่นอน

“ไม่เห็นด้วยที่นายธีระชนออกมาพูดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์สั่งการให้จัดทำสมุดปกขาวชี้แจงประชาชนถึงเรื่องการไปเซ็นสัญญาเพิ่มให้กับเอกชนอีก 13 ปี ในกรณีรถฟ้า BTS จำนวนกว่า 1 แสนเล่ม เพราะจะเป็นการชี้แจงในมุมเดียวซึ่งตนก็เสนอในที่ประชุมกรรมาธิการ ป.ป.ช.ไปแล้วว่า กทม.ควรจะนำเอาข้อสังเกตุของตนและผู้ร้อง ป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เช่นกรณีไปจ้าง KT กรณีไปเซ็นกับเอกชนและประเด็น พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ร.บ.ฮั้วประมูล และประโยชน์ที่เอกชนอย่าง BTS จะได้จากสัญญา 30 ปีลงไปด้วย เพราะหากผู้ว่าฯ กทม.ทำเนื้อเรื่องมุมเดียวก็จะเป็นการเอาเปรียบสังคมที่จะไม้รู้ในประเด็นที่ 360 องศาได้ และหากคิดราคาสมุดปกขาว เล่มละ 80 บาท ก็จะต้อใช้เงินภาษีถึง กว่า 8 ล้านบาท ซึ่งหากทำตรงนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ควรใช่เงินส่วนตัวคนละครึ่งกับนายธีระชน เพราะผมจะไม่ยอมเด็ดขาดหากนำเงินภาษีของผมในฐานะคนกรุงเทพฯ ไปทำสมุดปกขาวชี้แจงเรื่องที่ไม่ควรจะชี้แจง หากมีการโปร่งใส หรือหากไม่ผิดไม่มีมูลไม่มีอะไรในกอไผ่ แบบตรงไปตรงมาก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปทำสมุดปกขาวแจกคน กทม. แค่รอผลสอบของ DSI รอผลสอบของ สตง. หรือ ป.ป.ช. เท่านี้ประชาชนก็จะเข้าใจ”

ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาพูดเพียงคนด้วยว่าจะลงผู้ว่าฯ กทม.ต่อนั้น ตนรู้สึกหวั่นไหวแทนท่านผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ เพราะวันนี้เสียงของบิ๊กๆ พรรคประชาธิปัตย์ แลจะเฉยชาอย่างยิ่งกับการประการประกาศจะเบิ้ลตำแหน่งผู้สมัครผู้ว่าฯ จากพรรคประชาธิปัตย์รอบสอง เพราะไม่มีเสียงยืนยันมาแม้แต่แอะเดียว และเท่าที่ตนทราบมาแคนดิเดตในพรรคประชาธิปัตย์เองก็แลดูเหมือนจะไม่มีชื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เลย ส่วนการที่ผู้ว่ฯา กทม.จะโยนให้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้แถลงข่าวชี้แจงในวันพรุ่งนี้นั้น ตนเห็นว่าเป็นการแสดงความไม่รับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ว่าฯ กทม.ที่ไปจ้างบริษัทลูกของตัวเองไปจ้างต่อกับเอกชน ที่ประชาชนสงสัยว่าทำไมต้องไปจ้าง KT ไปทำสัญญากับเอกชน เอิ้อประโยชน์กับเอกชนหรือไม่ เมื่อผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ เรียนผูกเองก็ต้องเรียนแก้เองด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น