xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ชนบทเปิดทาง “บรรลุ-ประทิน” ทำงานสะดวก ลั่นรื้อเอสพี 2 รพ.ชุมชนใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ปรับท่าทีตรวจสอบไทยเข้มแข็ง เปิดทาง “บรรลุ-ประทิน” ทำงานสะดวก ปูด 5 จังหวัดฐานเสียงนักการเมืองงบฯไทยเข้มแข็งมากกว่าพื้นที่อื่น ลั่นรื้อครุภัณฑ์ รพ.ชุมชน ตัดยูวีแฟน-ออโต้เมดออก ข้องใจรถพยาบาลราคาเพิ่ม 1 แสนบาทได้อุปกรณ์เสริม 2 รายการที่คุณภาพดี เครื่องดมยาสลบ เครื่องช่วยหายใจใครล็อกสเปก

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 16 ตุลาคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ชมรมฯได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การกำหนดท่าทีต่อการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข (เอสพี 2) ใจความว่า ตามที่ชมรมฯได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อสาธารณะกรณีการบริหารจัดการงบประมาณเอสพี 2 ว่ามีการทุจริตในโครงการนี้ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง ปรากฎชัดแล้วว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง และมีผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของเป็นข้าราชการ และภาคการเมือง และขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเชิงลึก ประกอบด้วย นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัด สธ. และพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.

แพทยชนบทหนุน “บรรลุ-ประทิน” ทำงานสะดวก

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ชมรมฯ เห็นว่าคณะกรรมการชุดที่จะตั้งขึ้นมานี้ประกอบด้วยบุคคลที่มีประวัติที่สังคมให้ความเชื่อถือ ศรัทธา เป็นความหวังของสังคม ดังนั้นจึงเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้คณะกรรมการฯได้มีโอกาสทำงานอย่างอิสระ และทุกๆภาคส่วนของสังคม ควรสนับสนุนคณะกรรมการฯชุดนี้ พร้อมทั้งชมรมฯจะขอปรับบทบาทในการเคลื่อนไหวโดยจะสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการฯอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลในปัจจุบันและอนาคต หรือการสนับสนุนการอื่นๆ ที่จะมีต่อไป ขณะเดียวกันก็จะยังคงบทบาทในการตรวจสอบการดำเนินงานทุกด้านอย่างเข้มแข็ง เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในสธ.ต่อไป

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ชมรมฯ จะดำเนินการตามที่สธ.มอบหมายในเรื่องการวางแผนการใช้งบประมาณในส่วนของงบเอสพี 2 ให้มีความเสมอภาคคุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสธ.มีความจริงใจที่จะดำเนินการปรับเกลี่ยงบประมาณไทยเข้มแข็งให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและภารกิจของพื้นที่ โดยกระจายทรัพยากรให้เกิดความเหมาะสมเป็นธรรมทั่วถึงทุกภูมิภาค และปรับเกลี่ยงบประมาณที่ส่อไปในทางทุจริตที่กำหนดราคาสูงเกินจริง ทั้งอาคารสิ่งก่อสร้าง และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี

“หมอเกรียง” ข้องใจใครล็อกสเปกเครื่องดมยาสลบ-ช่วยหายใจ

“คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ที่จะมี นพ.บรรลุ ศิริพานิช และ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นกรรมการร่วมตรวจสอบ ได้รับการคาดหวังสูงและแพทย์ชนบทเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ท่าน จะสืบสาวข้อมูลจนถึงที่สุดได้ ทำให้รู้ว่าใครมีส่วนในการร่วมบงการบ้างทั้งที่เป็นข้าราชการและนักการเมือง เพราะการสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีนพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการสธ.เป็นประธานยังมีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง เช่น ใครเป็นคนล็อคสเปกเครื่องดมยาสลบ เครื่องช่วยหายใจและเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และทำไมรถพยาบาลถึงมีราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 1 แสนบาท” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรถพยาบาลที่คณะกรรมการฯชุดนพ.เสรี สรุปว่าราคาเพิ่มขึ้น 1 แสนบาทจาก 1.7 ล้านบาทเป็น 1.8 ล้านบาทตามที่มีการกำหนด เนื่องจากมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 2 รายการนั้น หากซื้อได้ในราคาดังกล่าวโดยมีอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 2 รายการจริงถือเป็นเรื่องที่ดี แต่จากการสอบถามบริษัทผู้ผลิต พบว่า ถ้ามีการเพิ่มอุปกรณ์ที่เป็นชนิดคุณภาพดี 2 รายการจะไม่สามารถซื้อได้ในราคาที่เพิ่มขึ้นเพียง 1 แสนบาท เข้าใจว่าอุปกรณ์ 2 รายการที่เพิ่มขึ้นน่าจะอุปกรณ์คุณภาพปานกลาง ที่มีราคาตัวละ 80,000 บาท ซึ่งคงไม่มีใครพอใจที่จะได้ของที่เป็นคุณภาพปานกลาง

ปูดงบไทยเข้มแข็งโป่งฐานจังหวัดฐานเสียงนักการเมือง

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ชมรมแพทย์ชนบทจะยังคงบทบาทการตรวจสอบอย่างเข้มแข็งต่อไป ซึ่งจากการรวบรวมงบประมาณภาพรวมที่แต่ละจังหวัดได้รับการจัดสรรจากโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.เบื้องต้น พบว่า จังหวัดที่มีส่วนเชื่อมโยงกับนักการเมืองได้รับการจัดสรรงบประมาณมากกว่าพื้นที่อื่น เช่น จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับการจัดสรรกว่า 3 พันล้านบาท จ.นครราชสีมา ได้รับการจัดสรรเฉพาะงบฯก่อสร้างมากถึง 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมี จ.นครศรีธรรมราช แพร่และราชบุรี

รื้อครุภัณฑ์-สิงก่อสร้าง รพ.ชุมชนใหม่ ตัด “ยูวีแฟน-ออโตเมด”

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ จะเชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ทั่วประเทศเข้าร่วมหารือเพื่อวางแผนในการจัดทำงบประมาณภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง โดยจะมีการจัดทำกรอบมาตรฐานด้านครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในส่วนของโรงพยาบาลชุมชนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้รู้ข้อมูลทรัพยากรเดิมที่โรงพยาบาลมีอยู่และจำเป็นต้องขอเพิ่มเติม ภายใต้การให้ความรู้ความเข้าใจจากผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำเสนอกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ต่อไป วิธีการนี้จะทำให้โรงพยาบาลชุมชนที่เดิมได้รับการจัดสรรงบประมาณก้อนนี้เพียง 235 แห่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น

“ครุภัณฑ์บางรายการที่ผู้ผลิตภายในประเทศสามารถดำเนินการผลิตได้ โรงพยาบาลชุมชนก็จะเลือกซื้อจากผู้ผลิตในประเทศ ไม่ใช้ครุภัณฑ์จากต่างประเทศ เช่น เครื่องอบฆ่าเชื้อโรค ส่วนเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลตระบบปิด หรือยูวีแฟน และเครื่องตรวจสารชีวเคมีในเลือดหรือออโต้ เมด จะตัดออกจากรายการครุภัณฑ์ที่โรงพยาบาลชุมชนต้องใช้ทันที” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว

ด้าน นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ข้อมูลรายการครุภัณฑ์ที่สถานพยาบาลต่างๆส่งความต้องการกลับมายังส่วนกลางพบสิ่งที่น่าสังเกต คือ มีการกำหนดชื่อครุภัณฑ์ที่มีลักษณะเดียวกัน ให้มีชื่อที่แตกต่างกันออกไป 10-20 ชื่อ ทำให้ราคาแตกต่างกันมาก แต่สุดท้ายการใช้งานก็เหมือนกัน ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการทบทวนและอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องดำเนินการดังกล่าว

“ตัวอย่างเมื่อเปรียบเทียบจากครุภัณฑ์ที่สถานพยาบาลในจังหวัดต่างๆส่งกลับมายังส่วนกลาง พบว่า เครื่องเอกซเรย์ขนาดไม่น้อยกว่า 500 มิลลิแอมป์ แต่มีการระบุเพิ่มเติมชื่ออื่นอีกเช่น พร้อมอุปกรณ์, 150 กิโลโวลต์, ฟลูโลสโคป โดยราคามีตั้งแต่ 2-14 ล้านบาท หรือที่ชัดเจนสุดคือ เครื่องเอกซเรย์เต้านม ราคา 5 ล้านบาท แต่ในชื่อเครื่องเอกซเรย์ แมมโมแกรม จะมีราคา 6 ล้านบาท ถ้าเป็นชื่อเครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิตอล จะมีราคาถึง 15 ล้านบาท และถ้าเป็นชื่อเครื่องเอกซเรย์เต้านมขนาดใหญ่จะมีราคามากถึง 16 ล้านบาท” นพ.อารักษ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น