xs
xsm
sm
md
lg

เปิดปมเบื้องลึก “แพทย์ชนบท” ตามล่าไอ้โม่งงาบงบไทยเข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กระบวนการตามล่า “ไอ้โม่ง” บุคคลปริศนาในมุมมืด ที่บงการและชักใยอยู่เบื้องหลังขบวนการจ้องเขมือบงบก้อนโตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น พลันที่แพทย์ชนบท นำโดย นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทสมัยที่ 2 ออกมาแฉถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการเป็นระยะ ด้วยชื่อชั้นและเครดิตของชมรมแพทย์ชนบทตั้งแต่สมัยเปิดโปงเรื่องทุจริตยา 1,400 ล้านบาท เป็นต้นทุนชั้นดีของการแฉครั้งนี้ ผนวกเข้ากับการปล่อยชื่อย่อ และใบปลิวซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไป แต่มีเนื้อหาโจมตีนักการเมืองก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ฝ่ายการเมืองทั้ง 2 พรรคที่คุม สธ.ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

แม้ทีมที่ปรึกษา รมว.สธ. จะพยายามเปิดเกมเร็วเพื่อสร้างแต้มต่อด้วยการประกาศลาออก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อพ้องกับชื่อย่อที่ นพ.เกรียงศักดิ์ ปูดออกมา พร้อมเรียกร้องให้แพทย์ชนบทระบุชื่อจริง และทิ้งท้ายว่า หากมีการพิสูจน์ว่าทีมที่ปรึกษาไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตครั้งนี้ ชมรมแพทย์ชนบทจะรับผิดชอบอย่างไร?

ขณะที่ กลุ่มที่ปรึกษา รมว.สธ.อธิบายเหตุผลของการลาออกว่า เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่กระแสสังคมก็ประทับตรานักการเมืองขี้โกง กินหัวคิว งาบส่วนต่าง เข้าไปแล้ว

เมื่อผสมเข้ากับข้อเรียกร้องล่าสุดของกลุ่มแพทย์ชนบท ที่ นพ.เกรียงศักดิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ให้ วิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. และ มานิต นพอมรบดี รมช.สธ.ลาออก เพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ก็เหมือนการชี้ให้สังคมเห็นแล้วว่า ใครทุจริต

ต้องบอกว่า การเปิดโปงการทุจริตในกระทรวงหมอนี้ ได้รับการขานรับจากสังคมอย่างสูง โดย นพ.เกรียงศักดิ์ เดินสายเข้าชี้แจง กมธ.สาธารณสุข เข้าพบนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เป็นข่าวรายวัน และออกสื่อโทรทัศน์เพื่อเปิดข้อมูลอย่างต่อเนื่อง สร้างความปั่นป่วนใน สธ.สมใจอยากใครบางคน ขณะที่ตัวเองก็กลายเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องผลประโยชน์ชาติหลังจากเงียบหายไปวิ่งเต้นให้กลุ่มแพทย์ชนบท โดยเฉพาะตำแหน่ง ผอ.รพ.ชุมชน ซึ่งอยู่ระดับซี 8 ขยับ เป็นซี 9 ได้สำเร็จ ในสมัยของ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.สธ.ขณะนั้น

จากการสนองตอบความต้องการทุกสิ่งอย่างให้กับกลุ่มแพทย์ชนบทนี่เอง แพทย์ชนบทยุค นพ.เกรียงศักดิ์ ถึงกับยกย่อง นพ.ปราชญ์ว่า คนเก่ง ครบเครื่องทั้งบุ๋นและบู๊ จนถึงขั้นเขียนหนังสือและจัดพิมพ์ “พี่ปราชญ์มหามิตรแพทย์ชนบท” เป็นอนุสรณ์ในการเกษียณอายุราชการของ นพ.ปราชญ์ จนลือลั่นไปทั่ว กระทั่งแพทย์ชนบทรุ่นพี่ยังต้องอ้าปากค้าง

ทว่า เหตุผลที่แท้ในการเป็นมหามิตร อาจเนื่องมาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างชมรมแพทย์ชนบทยุค นพ.เกรียงศักดิ์ และปลัดปราชญ์นั่นเอง ที่สามารถผลักดันเรื่องศักดิ์ศรีและค่าตอบแทนของ ผอ.ในโรงพยาบาลชุมชนให้มาอยู่ที่ระดับแสนต้นๆ ได้ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อสร้างแรงจูงใจให้หมออยู่ในชนบทรับใช้ประชาชนต่อไป

หากแต่ชมรมแพทย์ชนบทยุคนี้ คงลืมคิดถึงวิชาชีพในแวดวงเดียวกันไป ทั้ง ผอ.โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป รวมถึงพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเล็กๆ ทำให้ผลสำเร็จที่ได้ สร้างความแตกแยกให้กับบุคลากรสาธารณสุข อีกทั้งเป็นผลงานที่ขัดกับอุดมการณ์แพทย์ชนบทอย่างสูง เพราะคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ
ปลัดปราชญ์กับชมรมแพทย์ชนบทยุคนี้จึงเอื้ออาทรกันอย่างดีเยี่ยม ไม่มีเสียงทักท้วงใดๆ จากแพทย์ชนบทต่อการทำงานของ สธ. ไม่มีแม้กระทั่งเมื่อ สธ.กำลังเพลี่ยงพล้ำกับการรับมือกับไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างที่ควรจะเป็น แพทย์ชนบทยุค นพ.เกรียงศักดิ์ จึงเป็นเด็กดีของปลัดปราชญ์ ถึงขั้นพาชมรมแพทย์ชนบทไปดูงานที่ประเทศอังกฤษ และสวีเดน และก่อนเกษียณไม่นาน ปลัดปราชญ์ก็เซ็นคำสั่งทิ้งทวนแต่งตั้งให้ นพ.เกรียงศักดิ์ไปเป็น ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เขยิบจาก รพ.ภูกระดึง ที่มีขนาด 30 เตียง ไปเป็น 120 เตียง ได้สมใจ

ทั้งๆ ที่อันที่จริง โครงสร้างการบริหารงานภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ในช่วงที่มีการจัดทำรายการครุภัณฑ์นั้น เป็นการดำเนินการโดยสำนักงานบริหารงานภูมิภาค (สบภ.) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวง สธ. เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลรายการครุภัณฑ์ที่จะซื้อในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ส่วนสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) รับผิดชอบการสำรวจความต้องการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มาตั้งแต่เริ่มแรก

ณ เวลานั้น พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ.ด้านบริหารเป็นผู้รับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็ง โดยมี นพ.ปราชญ์ อดีตปลัด สธ.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดฝ่ายข้าราชการประจำ

นอกเหนือจากเรื่องทุจริตในแบบสอดไส้อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ไม่ต้องการ รวมถึงการจัดซื้อที่มีราคาแพงกว่าท้องตลาดแล้ว นพ.เกรียงศักดิ์ยังให้สัมภาษณ์เองว่าสัดส่วนการจัดสรรงบผิดทิศทาง แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า ในช่วงที่กำลังจัดทำอยู่นั้น ทำไมจึงไม่ออกมาทักท้วง

แต่แจ็กพอต กลับมาตกที่ นพ.ไพจิตร์ ปลัด สธ.คนใหม่ ทั้งที่หากทบทวนกันจริงก็จะหาต้นตอได้ไม่ยากว่าเกิดจากใคร ซ้ำร้ายกว่านั้นระหว่างที่กลุ่มอำนาจเก่ากำลังเมามันกับการทำงบไทยเข้มแข็ง เสียงเตือนจากข้าราชการระดับสูงด้วยกันทักท้วงมาตลอด แต่เมื่ออำนาจการตัดสินใจอยู่ขั้นสูงสุด เรื่องจึงเกินห้ามปราม และเมื่อผนวกเข้ากับการพลาดหวังถึงการสานอำนาจต่อ กระบวนการเปิดโปงจึงเริ่มขึ้น เพื่อป่วน สธ.

ผลงานนี้จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของบุคคลปริศนาในเงามืดที่อกหัก ไม่ได้ดังหวัง กับการผลักดันใครบางคนมาสานงานต่อ พร้อมกับความหวังการล้างมลทินที่มลายหายไป ดังนั้น เมนูเดิมที่เตรียมชงให้กินด้วยกัน จึงกลายเป็นหอกทิ่มกลุ่มการเมืองที่คุมกระทรวงหมอแห่งนี้อย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่เลือกคนที่กลุ่มอำนาจเก่าต้องการ

จังหวะการแฉก่อนที่จะมีการอนุมัติงบลงมา เบื้องหน้าให้เหตุผลเพื่อป้องปรามการทุจริต แต่เบื้องหลังก็เพื่อตัดวงจรไม่ให้มาถึงตัว บุคคลปริศนานี้ได้

ขณะเดียวกัน การเลือกจังหวะการแฉข้อมูลทุจริตครั้งนี้ สอดรับกันอย่างบังเอิญ กับการตั้งปลัด สธ.คนใหม่ เกิดขึ้นไม่นานภายหลังมติ ครม.แต่งตั้ง นพ.ไพจิตร์ วราชิต เป็นปลัด สธ.คนใหม่ แทน นพ.ปราชญ์ ปลัด สธ.คนเดิมที่เกษียณอายุ พร้อมประกาศไม่ยอมรับ นพ.ไพจิตร์ ด้วยเหตุผลว่าเป็นคนหัวอ่อนที่พร้อมทำตามสั่งของการเมือง

แพทย์ชนบทดินเกมด้วยการเปิดฉากต้อนรับปลัดน้องใหม่ พลิกกลับไปเล่นบทบาทเดิมของชมรมแพทย์ชนบท ที่ทะเลาะกับปลัด สธ.ผ่านสื่อ และเป็นผู้พิทักษ์ความถูกต้อง ด้วยการเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลใน สธ.

สื่อมวลชน สธ.ตั้งคำถามกับ นพ.ไพจิตร์ ว่า หากกระบวนการตรวจสอบออกมาพบว่าเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุไปแล้ว จะดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้ปลัด สธ.คนใหม่ตอบว่า แม้เกษียณอายุไปแล้ว แต่ความผิดก็ยังมีอยู่ และต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

สธ.ได้ชื่อว่าเป็นกระทรวงที่มีใบปลิวโจมตีเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ ล่าสุดพัฒนาการจากใบปลิวเป็น SMS ที่ส่งถึงผู้บริหาร สธ.ที่มีข้อความว่า “Man of the Year ประชุมเพื่อเอาเบี้ย ลิ้นเลียนักการเมือง ปราดเปรื่องเรื่องกฐิน โกงกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เล่นวิชามารเป็นยอด...คิดแต่หวาดระแวง แทงข้างหลังได้เป็นเอา มัวเมาไสยศาสตร์ชั่ว บริหารมั่วไข้หวัดใหญ่ แต่อยู่ได้ครบ 4 ปี เปลี่ยนรัฐมนตรี 12 คน ทนทานหนากว่า 5 ห่วง ลวงหมอ...จนอ่อนระทวย” ส่วนที่เว้นไว้นั้นโปรดเติมคำกันเอง

ปรากฏการณ์นี้ จึงสะท้อนได้อย่างดีว่า กลุ่มอำนาจใน สธ.ไม่ว่าจะมีกี่กลุ่ม เล่นและปั่นกระแสเป็น สามารถใช้ใบปลิว และ SMS สำหรับสร้างกระแสทำร้ายและโจมตีได้

ดังนั้น เราจึงไม่สามารถมองได้แค่เพียงฉากหน้า แต่จงประมวลเหตุการณ์และมองลึกลงไปถึงมูลเหตุจูงใจให้ดี เพราะสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป ยิ่งกระบวนการสอบสวน ก็ทำให้จิ๊กซอว์ปริศนากำลังโผล่ขึ้นมา การออกมาตีหน้าปลาไซของ นพ.เกรียงศักดิ์ ที่เรียกร้องให้เปลี่ยนตัว นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน โดยให้เหตุผลว่ามีส่วนได้เสียกับโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 และเรียกร้องให้คนนอกมาดำเนินการ ก็เป็นการเคลื่อนไหวอีกจิ๊กซอว์หนึ่งที่น่าจับตา

จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผลจะออกหัวหรือก้อย จะวิน-วิน ด้วยกันทั้งหมด หรือเรื่องเงียบหายในสายลม หลังจากเจรจากันลงตัว กลายเป็นความบกพร่องโดยสุจริต เพราะการทุจริตยังไม่เกิด ภาพลักษณ์แพทย์ชนบทผู้มีอุดมการณ์กลับคืนมา ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็ได้รับการฟอกตัวกลับมาดังเดิม กระบวนการงาบเงียบๆ ก็คงดำเนินต่อไป พรรคการเมือง กับพรรคข้าราชการซึ่งยิ่งใหญ่มาทุกยุคทุกสมัยก็แบ่งสมการผลประโยชน์ได้ลงตัวต่อไป และประชาชนก็ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปเช่นกัน

อย่างนี้กระมัง ประชาชนจึงต้องเรียกหาการเมืองใหม่เพื่อจัดการวงจรอุบาทว์นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น