แพทย์ชนบท กร้าว เรียกร้อง “วิทยา-มานิต” แสดงสปิริต ลาออกโชว์ความโปร่งใส ชี้ กลไกตรวจสอบซ้ำรอยทุจริตยา ส่งผู้ตรวจเคลียร์ทางให้โรงพยาบาลรับรายการครุภัณฑ์ แหล่งข่าว ชี้ ตัวไอ้โม่งคนสั่งสอดไส้รายการ เผย ประธานคณะกรรมการตรวจสอบอาจไม่กล้าชี้ตัวคนทำ เพราะอยู่ในโผโยกย้าย
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการชมรมแพทย์ชนบท มีมติว่า ข้อเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณุสข และ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แสดงสปิริตโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส รวมถึงการทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในโครงการให้เข้มแข็ง เพราะขณะนี้กลไกในการตรวจสอบเหมือนกลไกเดิมในการทุจริตยา ซึ่งมีการใช้ผู้ตรวจเป็นผู้ดำเนินการตกลงกับพื้นที่และสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่เพื่อควบคุม และตรวจสอบ แต่กลับพบว่า มีลักษณะของการเข้าไปขอร้องให้โรงพยาบาลไม่ยกเลิกรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหา และให้ยืนยันตามเดิม เพื่อจะสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งคล้ายกับกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีปัญหาของการทุจริตยาแต่มีการนำบุคคลภายนอกเข้ามาตรวจสอบ และสามารถทำให้ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรมว.สาธารณสุข ติดคุกได้
“การลาออกจะถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรับผิดชอบทางการเมือง อย่างน้อยจะทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใสมากขึ้น หาก นายวิทยา และ นายมานิต ไม่ลาออก ก็อยากให้สังคมออกมากดดัน เพราะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องดูแลไม่ใช่แต่เพียงแพทย์ชนบทเท่านั้น” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การให้ข้อมูลของนายวิทยา ต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ครบถ้วน เพราะมีการระบุว่ายังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก็มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อน เมื่อได้รับงบประมาณจึงทำสัญญา ดังนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งจึงดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวง มีผู้รับเหมาและเตรียมที่จะจัดซื้อแล้ว ดังนั้น จึงเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ได้ยอมรับกับคณะกรรมการ ว่า มีผู้สั่งให้นำรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหาคือ เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (uv fan) ไว้ในรายการจัดซื้อ คือ หมอแขกซึ่งอาจทำให้ นพ.เสรี พงษ์หยก ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่สามารถชี้ตัวผู้สั่งการดังกล่าวได้ เนื่องจาก นพ.เสรี อยู่ในบัญชีที่มีส่วนได้เสียที่จะได้รับการโยกย้ายข้าราชการระดับซี 10 ที่จะมีการนำเสนอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า หากคณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ ก็เหมือนมวยล้มต้มคนดู ทั้งนี้ ยังมีคณะกรรมการตรวจสอบบางคนที่มีความอึดอัดใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องการถอนตัวจากคณะกรรมการฯ หากไม่มีการชี้ตัว เพราะจะกลายเป็นยางประทับการตรวจสอบให้กับคนกระทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบ จึงควรมีการหาบุคคลภายนอกเข้ามาดำเนินการตรวจสอบแทน
ด้านแหล่งข่าวจากโรงพยาบาลในจังหวัดหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งในส่วนของครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างมีการเปิดซองผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว หากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้มา ก็สามารถที่จะทำสัญญาได้ทันที โดยเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ ซึ่งเปิดทางให้เกิดการทุจริตได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อกระทรวงสั่งให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่มีใครทราบว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ในส่วนที่มีการดำเนินการล่วงหน้า ซึ่งการยกเลิกกระทันหันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะโรงพยาบาลดำเนินการถูกขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่พบว่าในจังหวัดได้ขอให้มีการสร้างบ้านพักแพทย์ระดับ 8 แต่กลับมีจัดบ้านพักแพทย์ระดับ 9 มาให้ 2 หลัง ทำให้ราคาที่ต้องใช้แตกต่างกันทั้งที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครุภัณฑ์และสิ่งปลูกสร้างที่ขอไป มักจะได้รับอย่างอื่นเพิ่มมาด้วยในภายหลัง
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการชมรมแพทย์ชนบท มีมติว่า ข้อเรียกร้องให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณุสข และ นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แสดงสปิริตโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส รวมถึงการทบทวนรายการครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างในโครงการให้เข้มแข็ง เพราะขณะนี้กลไกในการตรวจสอบเหมือนกลไกเดิมในการทุจริตยา ซึ่งมีการใช้ผู้ตรวจเป็นผู้ดำเนินการตกลงกับพื้นที่และสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการลงพื้นที่เพื่อควบคุม และตรวจสอบ แต่กลับพบว่า มีลักษณะของการเข้าไปขอร้องให้โรงพยาบาลไม่ยกเลิกรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหา และให้ยืนยันตามเดิม เพื่อจะสรุปว่าไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการทุจริตเกิดขึ้น ซึ่งคล้ายกับกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีปัญหาของการทุจริตยาแต่มีการนำบุคคลภายนอกเข้ามาตรวจสอบ และสามารถทำให้ นายรักเกียรติ สุขธนะ อดีตรมว.สาธารณสุข ติดคุกได้
“การลาออกจะถือเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรับผิดชอบทางการเมือง อย่างน้อยจะทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใสมากขึ้น หาก นายวิทยา และ นายมานิต ไม่ลาออก ก็อยากให้สังคมออกมากดดัน เพราะการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องดูแลไม่ใช่แต่เพียงแพทย์ชนบทเท่านั้น” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การให้ข้อมูลของนายวิทยา ต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ครบถ้วน เพราะมีการระบุว่ายังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก็มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อน เมื่อได้รับงบประมาณจึงทำสัญญา ดังนั้น โรงพยาบาลหลายแห่งจึงดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวง มีผู้รับเหมาและเตรียมที่จะจัดซื้อแล้ว ดังนั้น จึงเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเป็นเท็จ
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค (สบภ.) ได้ยอมรับกับคณะกรรมการ ว่า มีผู้สั่งให้นำรายการครุภัณฑ์ที่มีปัญหาคือ เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลต (uv fan) ไว้ในรายการจัดซื้อ คือ หมอแขกซึ่งอาจทำให้ นพ.เสรี พงษ์หยก ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ไม่สามารถชี้ตัวผู้สั่งการดังกล่าวได้ เนื่องจาก นพ.เสรี อยู่ในบัญชีที่มีส่วนได้เสียที่จะได้รับการโยกย้ายข้าราชการระดับซี 10 ที่จะมีการนำเสนอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า หากคณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ ก็เหมือนมวยล้มต้มคนดู ทั้งนี้ ยังมีคณะกรรมการตรวจสอบบางคนที่มีความอึดอัดใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องการถอนตัวจากคณะกรรมการฯ หากไม่มีการชี้ตัว เพราะจะกลายเป็นยางประทับการตรวจสอบให้กับคนกระทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบ จึงควรมีการหาบุคคลภายนอกเข้ามาดำเนินการตรวจสอบแทน
ด้านแหล่งข่าวจากโรงพยาบาลในจังหวัดหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งในส่วนของครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างมีการเปิดซองผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว หากรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้มา ก็สามารถที่จะทำสัญญาได้ทันที โดยเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ ซึ่งเปิดทางให้เกิดการทุจริตได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อกระทรวงสั่งให้ชะลอการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ไม่มีใครทราบว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ในส่วนที่มีการดำเนินการล่วงหน้า ซึ่งการยกเลิกกระทันหันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะโรงพยาบาลดำเนินการถูกขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่พบว่าในจังหวัดได้ขอให้มีการสร้างบ้านพักแพทย์ระดับ 8 แต่กลับมีจัดบ้านพักแพทย์ระดับ 9 มาให้ 2 หลัง ทำให้ราคาที่ต้องใช้แตกต่างกันทั้งที่ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ครุภัณฑ์และสิ่งปลูกสร้างที่ขอไป มักจะได้รับอย่างอื่นเพิ่มมาด้วยในภายหลัง