ASTVผู้จัดการรายวัน -“มาร์ค”เปิดรับข้อมูลตรงทุจริตงบ “ไทยเข้มแข็ง” ยังเชื่อ“วิทยา” เอาใจใส่ปัญหาใน สธ. รับข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างรั่ว เป็นปัญหาเรื้อรังของรัฐบาล ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบ 6 ครุภัณฑ์ฉาว นัดประชุมวันนี้(5 ต.ค.) เน้นดูที่มาที่ไป ราคาความเหมาะสม เชื่อรู้ต้นตอที่มาครุภัณฑ์ เตรียมทาบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหารือเรื่องสเปก ด้านแพทย์ชนบทให้ดึงคนนอกร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบฯ หวั่นตัดตอนการทุจริต ไม่เชื่อคณะกรรมการฯ สาวถึงต้นตองาบงบฯ เสนอล้มกระดานยกเลิกจัดซื้อครุภัณฑ์แล้วจัดสรรงบใหม่ โดยให้แต่วงเงิน ส่วนครุภัณฑ์ทางจังหวัดเลือกตามที่จำเป็นและเหมาะสมเอง
วานนี้(4 ต.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลที่เริ่มลดลงหลังเกิดปัญหาการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใน สธ. เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการของบประมาณ ซึ่งปัญหานี้กำลังแก้ไขอยู่ ส่วนที่มีการระบุชื่อย่อ ต. และ ม. ซึ่งสอดคล้องกับนักการเมืองที่ดูแลโครงการอยู่นั้น ตนได้รับข้อมูลเบาะแสและได้สั่งการไปยัง สธ.มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนี้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ และหากใครมีข้อมูลก็สามารถส่งถึงตนได้
“ขอยืนยันว่าการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้จะทำอย่างเข้มข้น และเมื่อมีข่าวคราวใดๆ เบาะแสใดๆ ก็จะดำเนินการทันที แต่รายการที่เป็นปัญหาต่างๆ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้าง และคำขอต่างๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่ชอบมาพากล จะได้รับการสะสางไม่ให้เข้ามาเพื่อที่จะมาบั่นทอนประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** “มาร์ค”รับข้อมูลจัดซื้อรั่วปัญหาเรื้อรัง
เมื่อถามว่าการที่ตั้งคนกันเองมาสอบสวนจะได้ผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครมีปัญหาก็ส่งเรื่องตรงมาที่ตนได้ ขณะนี้ตนประสานกับคนที่ สธ.อยู่แล้ว และมีการขอข้อมูลโดยเฉพาะจากกลุ่มแพทย์ชนบท
เมื่อถามว่าทางแพทย์ชนบทระบุว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่พูดคุยกันนั้นบอกเพียงว่าให้ระมัดระวัง เพราะมีบางโครงการที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลในเชิงลึก อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าใครมีข้อมูลเชิงลึกก็ขอให้ส่งมา เมื่อถามว่า เหตุใดโครงการที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการมักจะมีคนรู้ข้อมูลภายในก่อน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะเรื้อรัง แต่ก็ต้องแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามให้ได้
เมื่อถามว่าส่วนตัวมั่นใจในตัวนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข แค่ไหนว่ามีความโปร่งใสและซื่อสัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้คุยกับนายวิทยามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลุ่มแพทย์ชนบทได้เตือนมา ก็เห็นว่านายวิทยาติดตามและรายงานให้ตนทราบอยู่ตลอด ก็ถือว่าเอาใจใส่อยู่
**กก.เร่งสางครุภัณฑ์ฉาว
ขณะที่ นพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส ทั้ง 6 รายการประกอบด้วย เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวีหรือยูวีแฟน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจหรือเซ็นทรัลโมนิเตอร์ เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด และรถพยาบาล โดยคณะกรรมการฯ จะประชุมหารือร่วมกันในวันนี้(5 ต.ค.)โดยหลักการตรวจสอบจะให้ความสำคัญกับที่มาของการบรรจุรายการครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการ พิจารณาราคามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และเหตุผลในการจัดซื้อมีความเหมาะสมในระดับพื้นที่เป็นหลัก
นพ.เสรี กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการตรวจสอบมีเป้าหมายหลัก 4 ประการคือ 1.เบิกจ่ายงบประมาณรวดเร็ว 2.จัดซื้อถูกต้องตามระเบียบพัสดุ มีความโปร่งใสทุกขั้นตอน 3.ได้ครุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความคุ้มค่า ใช้งานได้จริง และ4.ราคาเหมาะสม อย่างไรก็ตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ เป็นการชี้ประเด็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ได้มุ่งเน้นตัวบุคคล เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอไปยังคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นชุดใหญ่ที่จะดูภาพรวมทั้งหมด มีรองปลัด สธ.เป็นธาน
นพ.เสรีกล่าวต่อว่า การดำเนินการตรวจสอบขั้นแรกจะเน้นเรื่องการจัดทำงบประมาณทั้งขาขึ้นและขาลง คือ ขาขึ้นมีการเสนอของบฯ เท่าใด และจัดซื้ออะไรบ้าง และการจัดทำงบประมาณขาลงคือ ได้รับจัดสรรงบประมาณเท่าใด มีรายการจัดซื้ออะไรบ้างจำนวนเท่าใด เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ทราบว่ามีการบรรจุครุภัณฑ์ทางการแพทย์ทั้ง 6 รายการเกิดขึ้นในกระบวนการใด แต่หากไม่พบว่ามีการบรรจุในการเสนอของบประมาณ ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการถูกบรรจุในงบประมาณได้อย่างไร ส่วนการตรวจสอบประเด็นว่ามีการล็อกสเปกครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการหรือไม่นั้น อาจจะต้องหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะมีเครื่องมือแพทย์บางรายการที่เป็นเรื่องเฉพาะด้านมากๆ
“ไม่รู้สึกกดดัน หรือกังวลเกี่ยวกับอำนาจทางการเมือง เพราะทุกคนใน สธ. คงอยากให้เกิดความกระจ่างและโปร่งใสในการจัดซื้อโครงการนี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งผมทำงานอยู่ในพื้นที่ ในโรงพยาบาลมานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่โรงพยาบาลขนาด 30-500 เตียง มีความแตกต่างกันอย่างไร จึงพอมีประสบการณ์ มีความเข้าใจถึงปัญหาในการทำงานของว่าเป็นอย่างไร มีความต้องการอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดขอการตรวจสอบมากนัก เพราะยังอยู่ในการะบวนการดำเนินงานอยู่ และการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้มีเวลาสั้นคือเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นแต่จะต้องหาข้อมูลให้ครอบคลุมและถูกต้อง ไม่เช่นนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ” นพ.เสรีกล่าว
**หมอชนบทหวั่นตัดตอนทุจริต
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ รองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ กล่าวว่า คณะกรรมการที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาทั้ง 2 ชุด ถือว่าเป็นคนใน แม้จะมีแพทย์ชนบทรวมอยู่ในคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด แต่ก็ควรหาคนนอกที่ได้รับการยอมรับ มีความน่าเชื่อถือและมีความกลางเพราะถือเป็นหัวใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่น ตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ที่มีประสบการณ์ในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เหมือนกับสมัยที่มีการทุจริตยา 1,400 ล้านบาทแล้วมีการตั้ง นพ.บรรลุ ศิริพานิช ขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
“คงต้องรอดูข้อสรุปของคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่าจะออกมาแบบใด เพราะหากคำตอบเป็นเพียงความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคงไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะมีการตัดตอนการทุจริต เช่น การยกเลิกการจัดซื้อ หรือลดราคาให้มีความเหมาะสม แต่ไม่รู้จะสามารถสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสอดไส้เครื่องมือที่ไม่จำเป็นในรายการครุภัณฑ์ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่า ประธานคณะกรรมการที่มีตำแหน่งระดับซี 10 จะสามารถสืบสวนไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังการทุจริตที่อาจมีตำแหน่งสูงกว่าได้”นพ.สุภัทรกล่าว
นพ.สุภัทร กล่าวต่อว่า นอกจากครุภัณฑ์ 6 รายการที่มีการร้องเรียนและมีการนำเสนอข่าวทางหนังสือพิมพ์น่าจะมีครุภัณฑ์อีกหลายรายการที่มีลักษณะตั้งราคาสูงเกินจริงและล็อกสเปก ดังนั้น จึงไม่ควรรอให้มีการร้องเรียน แต่ควรหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบครุภัณฑ์ทุกรายการที่มีการจัดซื้อทั้งหมด หรือปรับกระบวนการในการจัดการงบประมาณไทยเข้มแข็ง สธ.ใหม่ทั้งหมดโดยให้แต่วงเงินแล้วให้ในระดับจังหวัดประชุมหารือจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
วานนี้(4 ต.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลที่เริ่มลดลงหลังเกิดปัญหาการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใน สธ. เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการของบประมาณ ซึ่งปัญหานี้กำลังแก้ไขอยู่ ส่วนที่มีการระบุชื่อย่อ ต. และ ม. ซึ่งสอดคล้องกับนักการเมืองที่ดูแลโครงการอยู่นั้น ตนได้รับข้อมูลเบาะแสและได้สั่งการไปยัง สธ.มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนี้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ และหากใครมีข้อมูลก็สามารถส่งถึงตนได้
“ขอยืนยันว่าการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้จะทำอย่างเข้มข้น และเมื่อมีข่าวคราวใดๆ เบาะแสใดๆ ก็จะดำเนินการทันที แต่รายการที่เป็นปัญหาต่างๆ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการอนุมัติในการจัดซื้อจัดจ้าง และคำขอต่างๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่ชอบมาพากล จะได้รับการสะสางไม่ให้เข้ามาเพื่อที่จะมาบั่นทอนประสิทธิภาพ และความโปร่งใสของปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** “มาร์ค”รับข้อมูลจัดซื้อรั่วปัญหาเรื้อรัง
เมื่อถามว่าการที่ตั้งคนกันเองมาสอบสวนจะได้ผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใครมีปัญหาก็ส่งเรื่องตรงมาที่ตนได้ ขณะนี้ตนประสานกับคนที่ สธ.อยู่แล้ว และมีการขอข้อมูลโดยเฉพาะจากกลุ่มแพทย์ชนบท
เมื่อถามว่าทางแพทย์ชนบทระบุว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่พูดคุยกันนั้นบอกเพียงว่าให้ระมัดระวัง เพราะมีบางโครงการที่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลในเชิงลึก อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าใครมีข้อมูลเชิงลึกก็ขอให้ส่งมา เมื่อถามว่า เหตุใดโครงการที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการมักจะมีคนรู้ข้อมูลภายในก่อน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะเรื้อรัง แต่ก็ต้องแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามให้ได้
เมื่อถามว่าส่วนตัวมั่นใจในตัวนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข แค่ไหนว่ามีความโปร่งใสและซื่อสัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้คุยกับนายวิทยามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลุ่มแพทย์ชนบทได้เตือนมา ก็เห็นว่านายวิทยาติดตามและรายงานให้ตนทราบอยู่ตลอด ก็ถือว่าเอาใจใส่อยู่
**กก.เร่งสางครุภัณฑ์ฉาว
ขณะที่ นพ.เสรี หงส์หยก ผู้ตรวจราชการ สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะที่ 2 หรือเอสพี 2 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส ทั้ง 6 รายการประกอบด้วย เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวีหรือยูวีแฟน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจหรือเซ็นทรัลโมนิเตอร์ เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด และรถพยาบาล โดยคณะกรรมการฯ จะประชุมหารือร่วมกันในวันนี้(5 ต.ค.)โดยหลักการตรวจสอบจะให้ความสำคัญกับที่มาของการบรรจุรายการครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการ พิจารณาราคามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ และเหตุผลในการจัดซื้อมีความเหมาะสมในระดับพื้นที่เป็นหลัก
นพ.เสรี กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการตรวจสอบมีเป้าหมายหลัก 4 ประการคือ 1.เบิกจ่ายงบประมาณรวดเร็ว 2.จัดซื้อถูกต้องตามระเบียบพัสดุ มีความโปร่งใสทุกขั้นตอน 3.ได้ครุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความคุ้มค่า ใช้งานได้จริง และ4.ราคาเหมาะสม อย่างไรก็ตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ เป็นการชี้ประเด็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ได้มุ่งเน้นตัวบุคคล เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอไปยังคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นชุดใหญ่ที่จะดูภาพรวมทั้งหมด มีรองปลัด สธ.เป็นธาน
นพ.เสรีกล่าวต่อว่า การดำเนินการตรวจสอบขั้นแรกจะเน้นเรื่องการจัดทำงบประมาณทั้งขาขึ้นและขาลง คือ ขาขึ้นมีการเสนอของบฯ เท่าใด และจัดซื้ออะไรบ้าง และการจัดทำงบประมาณขาลงคือ ได้รับจัดสรรงบประมาณเท่าใด มีรายการจัดซื้ออะไรบ้างจำนวนเท่าใด เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ทราบว่ามีการบรรจุครุภัณฑ์ทางการแพทย์ทั้ง 6 รายการเกิดขึ้นในกระบวนการใด แต่หากไม่พบว่ามีการบรรจุในการเสนอของบประมาณ ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการถูกบรรจุในงบประมาณได้อย่างไร ส่วนการตรวจสอบประเด็นว่ามีการล็อกสเปกครุภัณฑ์ทั้ง 6 รายการหรือไม่นั้น อาจจะต้องหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะมีเครื่องมือแพทย์บางรายการที่เป็นเรื่องเฉพาะด้านมากๆ
“ไม่รู้สึกกดดัน หรือกังวลเกี่ยวกับอำนาจทางการเมือง เพราะทุกคนใน สธ. คงอยากให้เกิดความกระจ่างและโปร่งใสในการจัดซื้อโครงการนี้ให้เร็วที่สุด ซึ่งผมทำงานอยู่ในพื้นที่ ในโรงพยาบาลมานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่โรงพยาบาลขนาด 30-500 เตียง มีความแตกต่างกันอย่างไร จึงพอมีประสบการณ์ มีความเข้าใจถึงปัญหาในการทำงานของว่าเป็นอย่างไร มีความต้องการอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดขอการตรวจสอบมากนัก เพราะยังอยู่ในการะบวนการดำเนินงานอยู่ และการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้มีเวลาสั้นคือเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นแต่จะต้องหาข้อมูลให้ครอบคลุมและถูกต้อง ไม่เช่นนั้นอาจไม่น่าเชื่อถือ” นพ.เสรีกล่าว
**หมอชนบทหวั่นตัดตอนทุจริต
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ รองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ กล่าวว่า คณะกรรมการที่มีการแต่งตั้งขึ้นมาทั้ง 2 ชุด ถือว่าเป็นคนใน แม้จะมีแพทย์ชนบทรวมอยู่ในคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด แต่ก็ควรหาคนนอกที่ได้รับการยอมรับ มีความน่าเชื่อถือและมีความกลางเพราะถือเป็นหัวใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่น ตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ที่มีประสบการณ์ในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เหมือนกับสมัยที่มีการทุจริตยา 1,400 ล้านบาทแล้วมีการตั้ง นพ.บรรลุ ศิริพานิช ขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
“คงต้องรอดูข้อสรุปของคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่าจะออกมาแบบใด เพราะหากคำตอบเป็นเพียงความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคงไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะมีการตัดตอนการทุจริต เช่น การยกเลิกการจัดซื้อ หรือลดราคาให้มีความเหมาะสม แต่ไม่รู้จะสามารถสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสอดไส้เครื่องมือที่ไม่จำเป็นในรายการครุภัณฑ์ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ไม่เชื่อว่า ประธานคณะกรรมการที่มีตำแหน่งระดับซี 10 จะสามารถสืบสวนไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังการทุจริตที่อาจมีตำแหน่งสูงกว่าได้”นพ.สุภัทรกล่าว
นพ.สุภัทร กล่าวต่อว่า นอกจากครุภัณฑ์ 6 รายการที่มีการร้องเรียนและมีการนำเสนอข่าวทางหนังสือพิมพ์น่าจะมีครุภัณฑ์อีกหลายรายการที่มีลักษณะตั้งราคาสูงเกินจริงและล็อกสเปก ดังนั้น จึงไม่ควรรอให้มีการร้องเรียน แต่ควรหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบครุภัณฑ์ทุกรายการที่มีการจัดซื้อทั้งหมด หรือปรับกระบวนการในการจัดการงบประมาณไทยเข้มแข็ง สธ.ใหม่ทั้งหมดโดยให้แต่วงเงินแล้วให้ในระดับจังหวัดประชุมหารือจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น