“มาร์ค” ออกหน้าจอช่อง 11 รณรงค์คนไทยป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 อนุมัติงบอีก 250 ล้านบาท ซื้อยา 10 ล้านเม็ด ยันไทยยังไม่ถึงขั้นต้องปิดประเทศ หรือต้องงดกิจกรรมสังคม และไม่ถึงขั้นต้องปิดโรงเรียนทั้งหมด ยังยึดมาตรการคัดกรองกันผู้ป่วยพักผ่อนอยู่บ้านเป็นหลัก รับเชื้อกลายพันธุ์เป็นเรื่องเฝ้าระวัง เลิกรายงานตัวเลขแบบรายวัน เหลือแค่รายสัปดาห์ เลี่ยงพูดข้อบกพร่อง อ้างไม่อยากให้ถูกมองเบี่ยงประเด็น พร้อมระบุยังไม่มีผู้นำอาเซียนปฏิเสธถกอาเซียนในไทย
“มาร์ค” ออกช่อง 11 แจกแจงชาวบ้านกันไข้หวัด 2009
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า คืนนี้ (14 ก.ค.) เวลา 20.30 น.จะมีรายการพิเศษเกี่ยวกับโรคนี้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ตนได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดทำคู่มือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน มาตรการที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลคนป่วยที่นอกเหนือจากการที่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลให้อยู่กับบ้าน
ส่วนกรณีของนักเรียนนั้น ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องอนุญาตผ่อนผันในเรื่องของการลาเรียน โดยจะขยายเรื่องนี้ไปรวมถึงการทำงานของส่วนราชการและเอกชน ว่า คนที่มีอาการป่วยให้ลาหยุดงานได้โดยไม่เสียสิทธิ์ และไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อประโยชน์การชะลอการแพร่เชื้อและกันให้คนที่มีอาการป่วยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้ปกครองที่ร้องเรียน ว่า มีปัญหาว่าหากบุตรหลานป่วยและถูกส่งกลับบ้าน โดยที่ผู้ปกครองลางานไม่ได้นั้น ครม.ได้ออกมติ ครม.ในการช่วยเหลือข้างต้นแล้ว
อนุมัติงบ 250 ล.ซื้อยา 10 ล้านเม็ด
“กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรึกษาองค์การอนามัยโลก เสมอๆ ว่า หากทำอย่างนั้นอาจจะมีการตีความ ว่า ไทยปิดบังข้อมูล แต่จริงๆ แล้วมาตรฐานในหลายประเทศที่ดำเนินการเรื่องนี้ หากมาถึงขั้นนี้จะไม่มีการรายงานตัวเลขเหมือนที่ไทยกระทำอยู่ในวันนี้ แต่ไทยได้หารือกับองค์การอนามัยโลกแล้ว เพื่อที่จะได้แนวทางเหมาะสมในการปฏิบัติ โดยแนวทางการรักษาโรคนี้นั้น ครม.อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 250 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยา 10 ล้านเม็ด และอนุมัติหลักการอีก 600 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีนที่น่าจะมาถึงไทยในช่วงเดือน ต.ค.” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า โรคนี้มีรายงานว่า ผู้ป่วยในไทยดื้อยาบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี แต่เรื่องดื้อยานั้น จะมียาสำรองไว้อีกชุดหนึ่ง ได้สั่งการให้ สธ.ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาเน้นย้ำไปตลอด ว่า ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะมีข้อค้นพบเพิ่ม ว่า ไวรัสตัวนี้สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจที่เร็วกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา และใช้เวลาไม่นานในการเข้าสู่ปอด หากไวรัสเข้าสู่ปอดแล้วอาการจะหนักกว่าปกติ และย้ำไปอีกว่า ต้องศึกษาลักษณะของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพราะตัวเลขที่มีอยู่ในตอนนี้ ประโยชน์ที่ได้รับ คือ นำมาวิเคราะห์
เมื่อถามว่า เชื้อโรคนี้จะกลายพันธุ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่พบ แต่เป็นเหตุผลหนึ่งที่มีแนวทางให้ระวังและไม่ประมาท ในการสั่งยา เพราะประเทศที่เริ่มพบโรคนี้มีปัญหาว่าจ่ายยาเกินเลยกว่าโรคนี้ ตนย้ำว่า ปัญหานี้แก้ไขอย่างไรก็จะไม่หมดไปในระยะเวลาสั้นๆ เพราะทั่วโลกคาดหมายกันว่าโรคนี้จะระบาดไปถึงปีหน้า อีกทั้งประเทศเมืองหนาวกังวลว่า ในฤดูหนาวนี้การระบาดของโรคนี้อาจรุนแรงขึ้น
ย้ำยังไม่ถึงขั้นปิด ร.ร.ทั่วประเทศ
เมื่อถามว่า กทม.สั่งปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ การดูแลเรื่องนี้ต้องใช้ระบบคัดกรองที่เริ่มปฏิบัติตั้งแต่การประชุม ครม.ครั้งที่แล้ว ฉะนั้น นักเรียนที่มาเรียนแล้วมีปัญหา คือ เป็นไข้ก็ต้องถูกส่งกลับบ้าน ส่วนที่เหลือก็เรียนไปตามปกติ หากโรงเรียนใดมีการแพร่ระบาดชัดเจน คือ มีอัตราการป่วยเกินสัดส่วน ใช้ดุลพินิจสั่งปิดโรงเรียนได้ หากจำเป็นอีก คือ มีการระบาดหลายโรงเรียนในเขตนั้นๆ สูงขึ้น ก็มอบให้เขตการศึกษาในพื้นที่นั้นๆ สั่งปิดโรงเรียนได้ ยืนยันว่า จะไม่ใช้มาตรการปิดโรงเรียนทั้งหมด เพราะคิดว่าหากสภาพแวดล้อมของโรงเรียนนั้นๆ การควบคุมจะติดตามได้จากมาตรการกลั่นกรอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การติดโรคนี้โดยทั่วไปนั้น ครม.กังวลมากที่สุด คือ ไม่มีหลักประกัน ว่าคนที่ติดเชื้อโรคนี้แล้วอยู่บ้านหรือไม่ มันคือปัญหาใหญ่ หากมีการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว นักเรียนไปอยู่ที่ร้านเกม หรือไปโรงเรียนกวดวิชา ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตนจึงบอกไปว่ามาตรการสำคัญที่สุดคือทุกองค์กรและทุกหน่วยงานต้องเน้นย้ำให้ผู้ป่วยอยู่กับบ้าน
รักษาตามอาการ-ลดรายงานตัวเองเป็นต่อสัปดาห์
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอให้จัดโครงการ Big Cleaning Day ในทุกหน่วยงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ขอให้ทุกหน่วยงานทำความสะอาดสถานที่เป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ปัญหาการให้ดำเนินการในโครงการข้างต้น ที่ต้องปิดหน่วยงานต่างๆ พร้อมกัน เพื่อทำความสะอาดใน 2-3 วันนั้นไม่เพียงพอ ฉะนั้น ขอให้มาตรฐานการดูแลการรักษาความสะอาดในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญของทุกหน่วยงาน โดยต้องดำเนินการต่อเนื่อง ยอมรับว่า การระบาดของโรคนี้มาจากการเดินทางของประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่า การระบาดของโรคนี้ในไทยอยู่ในระดับใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในระดับเดิม โดยหลายประเทศเป็นอยู่ เช่น อังกฤษนั้นในช่วงที่โรคนี้อยู่ระดับเดียวกับไทย อังกฤษเปลี่ยนสภาวะ จากที่เคยเน้นการบรรเทา หรือจำกัดการแพร่ระบาด โดยเปลี่ยนมาเน้นการดูแลรักษาผู้ป่วย มาตรการที่นำออกมาใช้ คือ ยกเลิกแถลงข่าวรายวัน โดยเปลี่ยนเป็นแถลงข่าวรายสัปดาห์แทน รวมทั้งไม่มีการตรวจเชื้อในทุกกรณี อีกทั้งยังขอให้แพทย์รักษาตามอาการ เนื่องจากการตรวจสอบในทุกกรณี จะใช้เวลาเยอะ และมีปัญหาด้านการไม่มีประสิทธิภาพ เพราะการแถลงตัวเลขในขั้นนี้ ทำให้เกิดการสับสนด้านการตีความไปต่างๆ นานา
อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่ได้ดำเนินการแบบอังกฤษ แต่ต้องไปทำความเข้าใจด้านการดูแลรักษา ที่ตอนนี้แนวทางของไทยเริ่มคล้ายคลึงกับอังกฤษ คือ ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อ แต่ต้องรักษาตามอาการเพื่อที่จะได้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วยิ่งขึ้น
ระบุไทยยังไม่ถึงจุดต้องงดกิจกรรมทางสังคม
เมื่อถามว่า ครม.จะมีมติให้ระงับกิจกรรมทางสังคมซึ่งหลายประเทศดำเนินการแล้ว เพราะเป็นแหล่งสำคัญในการแพร่เชื้อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่ากิจกรรมทางสังคมหากถึงขั้นต้องปิดนั้น จะมีมาตรฐานในการดำเนินการอยู่ ส่วนการตั้งคำถามว่าบางประเทศใช้มาตรการนี้แล้วนั้น ขอเรียนว่าไทยยังไม่ไปถึงจุดนั้น จึงไม่แนะนำให้ดำเนินการเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางสังคมนั้น ประชาชนทุกคนที่เข้าไปร่วมต้องทราบเป็นพิเศษ ว่า มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เช่น การไปชมคอนเสิร์ต เป็นต้น ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ขอย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลต้องใส่ทุกคน ตอนนี้โรงพยาบาลแยกจัดสถานที่ในการแยกผู้ป่วยโรคไข้หวัดออกมาจากผู้ป่วยโรคอื่นแล้ว รวมทั้งคนป่วยทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัย ส่วนประชาชนที่อยู่ในชุมชนและพาหนะที่มีการสัญจรเยอะ ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเช่นกัน แต่ประชาชนทุกคนยังไม่จำเป็นต้องใส่ เว้นแต่ไปประกอบกิจกรรมทางสังคมที่มีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเด็ดขาดมาใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ แต่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับมาตรการต่างๆ ตามความเหมาะสม และความรุนแรงของสถานการณ์ สิ่งที่ต้องทำในวันนี้คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน
ไม่พูดข้อบกพร่องอ้างไม่อยากให้มองว่าเบี่ยงประเด็น
เมื่อถามว่า มาตรการของรัฐบาลในวันนี้และที่ผ่านมานั้น จะชี้แจงกับญาติของผู้ที่เสียชีวิตของโรคนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากให้มีการเสียชีวิต สิ่งที่บุคลากรของ สธ.ทุกคนต้องดำเนินการ คือ ดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุดเพราะไวรัสตัวนี้ ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็มีความพยายามเต็มที่ โดยระบบที่ตนให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดูแลในกรณีที่มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นนั้น ก็มีความพร้อมแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อเปรียบเทียบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการระบาด แต่ไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไปดูการรวบรวมสถิติในเรื่องนี้ ต้องไปดูระบบการรายงาน โดยการเปรียบเทียบระหว่างประเทศให้ดูปัจจัยอะไรบ้าง แต่เราก็พยายามให้ สธ. ดูว่าตัวเลขที่ไม่ดีมีปัจจัยมากจากอะไร
เมื่อถามว่า ที่ผ่านการทำงานของรัฐบาลมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ อึ้งไปสักระยะและกล่าวว่า หากตนพูดไปก็จะหาว่าพยายามเบี่ยงประเด็น ขอย้ำว่าผู้ติดเชื้อหากเทียบกับอัตราการเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.4 และ 10 ประเทศในโลกที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงสุดจากโรคนี้ ไม่มีไทยอยู่ในนั้น ส่วนที่ระบุว่าไทยมีผู้เสียชีวิตอันดับ7ของโลกนั้น เป็นการเทียบเคียงกับจำนวนประชากรเพราะ ประเทศที่มีประชากร 60ล้านคนกับประเทศที่มีประชากรไม่กี่แสนคนนั้น จะนำมาเปรียบเทียบกันมันก็ลำบาก และควรไปดูว่าจีนทำอย่างไร เพราะมีตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตที่ต่ำมาก ทั้งๆ ที่มีประชากรเยอะ และตนสั่งการให้ สธ.ไปดำเนินการแล้ว
ยันหวัด 2009 ไม่กระทบถกอาเซียน
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยยังอยู่ในค่าเฉลี่ยของโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะการยืนยันการตรวจเชื้อไม่ได้กระทำในทุกกรณีเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แต่สั่งการให้ติดตามรายละเอียดทั้งหมดไม่ใช่ให้ติดตามเพียงแค่ขององค์การอนามัยโลกอย่างเดียว การติดเชื้อในตอนนี้หลายประเทศบอกว่าต้องคูณ 20 เข้าไป หากเป็นของไทยที่มีผู้เชื้ออยู่ในห้องปฏิบัติการ 4,000 คนนั้น ต้องคูณ 20 เข้าไปด้วย
เมื่อถามว่า โรคนี้จะส่งผลกระทบกับการจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีสัญญาณในการเลื่อนประชุม ทุกอย่างยังพร้อมอยู่ เพราะแนวทางที่ไทยปฏิบัติอยู่นั้น องค์การอนามัยโลกบอกว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า หาก ครม.คนใดคนหนึ่งติดเชื้อจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน รัฐมนตรีก็เป็นคนหนึ่งเหมือนประชาชน เมื่อถามว่า การันตีการทำงานของ สธ.หรือไม่ว่ามีคุณภาพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเอง แต่องค์การอนามัยโลกที่เดินทางมาไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยืนยันว่าแนวทางของไทยนั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดการระบาด มีการเจ็บป่วยและเสียชีวิต แต่มันต้องย้อนมาปรับปรุง เช่น บางเรื่องที่เราไม่มีความรู้มาก่อน ก็เพิ่งมาเรียนรู้กัน ไม่ว่าประเทศใดก็เพิ่งรู้กัน เช่น โรคนี้คนอ้วนมีความเสี่ยงสูง โรคนี้มันทำลายระบบหายใจที่ต่างกันไป เรื่องแบบนี้เพิ่งรู้และได้มาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น
“มาร์ค” ออกช่อง 11 แจกแจงชาวบ้านกันไข้หวัด 2009
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า คืนนี้ (14 ก.ค.) เวลา 20.30 น.จะมีรายการพิเศษเกี่ยวกับโรคนี้ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ตนได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดทำคู่มือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน มาตรการที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลคนป่วยที่นอกเหนือจากการที่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลให้อยู่กับบ้าน
ส่วนกรณีของนักเรียนนั้น ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องอนุญาตผ่อนผันในเรื่องของการลาเรียน โดยจะขยายเรื่องนี้ไปรวมถึงการทำงานของส่วนราชการและเอกชน ว่า คนที่มีอาการป่วยให้ลาหยุดงานได้โดยไม่เสียสิทธิ์ และไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อประโยชน์การชะลอการแพร่เชื้อและกันให้คนที่มีอาการป่วยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้ปกครองที่ร้องเรียน ว่า มีปัญหาว่าหากบุตรหลานป่วยและถูกส่งกลับบ้าน โดยที่ผู้ปกครองลางานไม่ได้นั้น ครม.ได้ออกมติ ครม.ในการช่วยเหลือข้างต้นแล้ว
อนุมัติงบ 250 ล.ซื้อยา 10 ล้านเม็ด
“กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรึกษาองค์การอนามัยโลก เสมอๆ ว่า หากทำอย่างนั้นอาจจะมีการตีความ ว่า ไทยปิดบังข้อมูล แต่จริงๆ แล้วมาตรฐานในหลายประเทศที่ดำเนินการเรื่องนี้ หากมาถึงขั้นนี้จะไม่มีการรายงานตัวเลขเหมือนที่ไทยกระทำอยู่ในวันนี้ แต่ไทยได้หารือกับองค์การอนามัยโลกแล้ว เพื่อที่จะได้แนวทางเหมาะสมในการปฏิบัติ โดยแนวทางการรักษาโรคนี้นั้น ครม.อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 250 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยา 10 ล้านเม็ด และอนุมัติหลักการอีก 600 ล้านบาท ในการจัดหาวัคซีนที่น่าจะมาถึงไทยในช่วงเดือน ต.ค.” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า โรคนี้มีรายงานว่า ผู้ป่วยในไทยดื้อยาบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี แต่เรื่องดื้อยานั้น จะมียาสำรองไว้อีกชุดหนึ่ง ได้สั่งการให้ สธ.ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาเน้นย้ำไปตลอด ว่า ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะมีข้อค้นพบเพิ่ม ว่า ไวรัสตัวนี้สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจที่เร็วกว่าโรคไข้หวัดใหญ่ธรรมดา และใช้เวลาไม่นานในการเข้าสู่ปอด หากไวรัสเข้าสู่ปอดแล้วอาการจะหนักกว่าปกติ และย้ำไปอีกว่า ต้องศึกษาลักษณะของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพราะตัวเลขที่มีอยู่ในตอนนี้ ประโยชน์ที่ได้รับ คือ นำมาวิเคราะห์
เมื่อถามว่า เชื้อโรคนี้จะกลายพันธุ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่พบ แต่เป็นเหตุผลหนึ่งที่มีแนวทางให้ระวังและไม่ประมาท ในการสั่งยา เพราะประเทศที่เริ่มพบโรคนี้มีปัญหาว่าจ่ายยาเกินเลยกว่าโรคนี้ ตนย้ำว่า ปัญหานี้แก้ไขอย่างไรก็จะไม่หมดไปในระยะเวลาสั้นๆ เพราะทั่วโลกคาดหมายกันว่าโรคนี้จะระบาดไปถึงปีหน้า อีกทั้งประเทศเมืองหนาวกังวลว่า ในฤดูหนาวนี้การระบาดของโรคนี้อาจรุนแรงขึ้น
ย้ำยังไม่ถึงขั้นปิด ร.ร.ทั่วประเทศ
เมื่อถามว่า กทม.สั่งปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.แล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ การดูแลเรื่องนี้ต้องใช้ระบบคัดกรองที่เริ่มปฏิบัติตั้งแต่การประชุม ครม.ครั้งที่แล้ว ฉะนั้น นักเรียนที่มาเรียนแล้วมีปัญหา คือ เป็นไข้ก็ต้องถูกส่งกลับบ้าน ส่วนที่เหลือก็เรียนไปตามปกติ หากโรงเรียนใดมีการแพร่ระบาดชัดเจน คือ มีอัตราการป่วยเกินสัดส่วน ใช้ดุลพินิจสั่งปิดโรงเรียนได้ หากจำเป็นอีก คือ มีการระบาดหลายโรงเรียนในเขตนั้นๆ สูงขึ้น ก็มอบให้เขตการศึกษาในพื้นที่นั้นๆ สั่งปิดโรงเรียนได้ ยืนยันว่า จะไม่ใช้มาตรการปิดโรงเรียนทั้งหมด เพราะคิดว่าหากสภาพแวดล้อมของโรงเรียนนั้นๆ การควบคุมจะติดตามได้จากมาตรการกลั่นกรอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การติดโรคนี้โดยทั่วไปนั้น ครม.กังวลมากที่สุด คือ ไม่มีหลักประกัน ว่าคนที่ติดเชื้อโรคนี้แล้วอยู่บ้านหรือไม่ มันคือปัญหาใหญ่ หากมีการสั่งปิดโรงเรียนแล้ว นักเรียนไปอยู่ที่ร้านเกม หรือไปโรงเรียนกวดวิชา ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตนจึงบอกไปว่ามาตรการสำคัญที่สุดคือทุกองค์กรและทุกหน่วยงานต้องเน้นย้ำให้ผู้ป่วยอยู่กับบ้าน
รักษาตามอาการ-ลดรายงานตัวเองเป็นต่อสัปดาห์
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอให้จัดโครงการ Big Cleaning Day ในทุกหน่วยงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ขอให้ทุกหน่วยงานทำความสะอาดสถานที่เป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่ปัญหาการให้ดำเนินการในโครงการข้างต้น ที่ต้องปิดหน่วยงานต่างๆ พร้อมกัน เพื่อทำความสะอาดใน 2-3 วันนั้นไม่เพียงพอ ฉะนั้น ขอให้มาตรฐานการดูแลการรักษาความสะอาดในพื้นที่เป็นเรื่องสำคัญของทุกหน่วยงาน โดยต้องดำเนินการต่อเนื่อง ยอมรับว่า การระบาดของโรคนี้มาจากการเดินทางของประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามว่า การระบาดของโรคนี้ในไทยอยู่ในระดับใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในระดับเดิม โดยหลายประเทศเป็นอยู่ เช่น อังกฤษนั้นในช่วงที่โรคนี้อยู่ระดับเดียวกับไทย อังกฤษเปลี่ยนสภาวะ จากที่เคยเน้นการบรรเทา หรือจำกัดการแพร่ระบาด โดยเปลี่ยนมาเน้นการดูแลรักษาผู้ป่วย มาตรการที่นำออกมาใช้ คือ ยกเลิกแถลงข่าวรายวัน โดยเปลี่ยนเป็นแถลงข่าวรายสัปดาห์แทน รวมทั้งไม่มีการตรวจเชื้อในทุกกรณี อีกทั้งยังขอให้แพทย์รักษาตามอาการ เนื่องจากการตรวจสอบในทุกกรณี จะใช้เวลาเยอะ และมีปัญหาด้านการไม่มีประสิทธิภาพ เพราะการแถลงตัวเลขในขั้นนี้ ทำให้เกิดการสับสนด้านการตีความไปต่างๆ นานา
อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่ได้ดำเนินการแบบอังกฤษ แต่ต้องไปทำความเข้าใจด้านการดูแลรักษา ที่ตอนนี้แนวทางของไทยเริ่มคล้ายคลึงกับอังกฤษ คือ ไม่จำเป็นต้องตรวจเชื้อ แต่ต้องรักษาตามอาการเพื่อที่จะได้เกิดประสิทธิภาพและความรวดเร็วยิ่งขึ้น
ระบุไทยยังไม่ถึงจุดต้องงดกิจกรรมทางสังคม
เมื่อถามว่า ครม.จะมีมติให้ระงับกิจกรรมทางสังคมซึ่งหลายประเทศดำเนินการแล้ว เพราะเป็นแหล่งสำคัญในการแพร่เชื้อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่ากิจกรรมทางสังคมหากถึงขั้นต้องปิดนั้น จะมีมาตรฐานในการดำเนินการอยู่ ส่วนการตั้งคำถามว่าบางประเทศใช้มาตรการนี้แล้วนั้น ขอเรียนว่าไทยยังไม่ไปถึงจุดนั้น จึงไม่แนะนำให้ดำเนินการเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางสังคมนั้น ประชาชนทุกคนที่เข้าไปร่วมต้องทราบเป็นพิเศษ ว่า มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เช่น การไปชมคอนเสิร์ต เป็นต้น ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยนั้น ขอย้ำให้ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลต้องใส่ทุกคน ตอนนี้โรงพยาบาลแยกจัดสถานที่ในการแยกผู้ป่วยโรคไข้หวัดออกมาจากผู้ป่วยโรคอื่นแล้ว รวมทั้งคนป่วยทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัย ส่วนประชาชนที่อยู่ในชุมชนและพาหนะที่มีการสัญจรเยอะ ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเช่นกัน แต่ประชาชนทุกคนยังไม่จำเป็นต้องใส่ เว้นแต่ไปประกอบกิจกรรมทางสังคมที่มีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเด็ดขาดมาใช้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ แต่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับมาตรการต่างๆ ตามความเหมาะสม และความรุนแรงของสถานการณ์ สิ่งที่ต้องทำในวันนี้คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน
ไม่พูดข้อบกพร่องอ้างไม่อยากให้มองว่าเบี่ยงประเด็น
เมื่อถามว่า มาตรการของรัฐบาลในวันนี้และที่ผ่านมานั้น จะชี้แจงกับญาติของผู้ที่เสียชีวิตของโรคนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครอยากให้มีการเสียชีวิต สิ่งที่บุคลากรของ สธ.ทุกคนต้องดำเนินการ คือ ดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุดเพราะไวรัสตัวนี้ ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกัน เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็มีความพยายามเต็มที่ โดยระบบที่ตนให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดูแลในกรณีที่มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นนั้น ก็มีความพร้อมแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อเปรียบเทียบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีการระบาด แต่ไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าไปดูการรวบรวมสถิติในเรื่องนี้ ต้องไปดูระบบการรายงาน โดยการเปรียบเทียบระหว่างประเทศให้ดูปัจจัยอะไรบ้าง แต่เราก็พยายามให้ สธ. ดูว่าตัวเลขที่ไม่ดีมีปัจจัยมากจากอะไร
เมื่อถามว่า ที่ผ่านการทำงานของรัฐบาลมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ อึ้งไปสักระยะและกล่าวว่า หากตนพูดไปก็จะหาว่าพยายามเบี่ยงประเด็น ขอย้ำว่าผู้ติดเชื้อหากเทียบกับอัตราการเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.4 และ 10 ประเทศในโลกที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงสุดจากโรคนี้ ไม่มีไทยอยู่ในนั้น ส่วนที่ระบุว่าไทยมีผู้เสียชีวิตอันดับ7ของโลกนั้น เป็นการเทียบเคียงกับจำนวนประชากรเพราะ ประเทศที่มีประชากร 60ล้านคนกับประเทศที่มีประชากรไม่กี่แสนคนนั้น จะนำมาเปรียบเทียบกันมันก็ลำบาก และควรไปดูว่าจีนทำอย่างไร เพราะมีตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตที่ต่ำมาก ทั้งๆ ที่มีประชากรเยอะ และตนสั่งการให้ สธ.ไปดำเนินการแล้ว
ยันหวัด 2009 ไม่กระทบถกอาเซียน
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยยังอยู่ในค่าเฉลี่ยของโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะการยืนยันการตรวจเชื้อไม่ได้กระทำในทุกกรณีเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แต่สั่งการให้ติดตามรายละเอียดทั้งหมดไม่ใช่ให้ติดตามเพียงแค่ขององค์การอนามัยโลกอย่างเดียว การติดเชื้อในตอนนี้หลายประเทศบอกว่าต้องคูณ 20 เข้าไป หากเป็นของไทยที่มีผู้เชื้ออยู่ในห้องปฏิบัติการ 4,000 คนนั้น ต้องคูณ 20 เข้าไปด้วย
เมื่อถามว่า โรคนี้จะส่งผลกระทบกับการจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีสัญญาณในการเลื่อนประชุม ทุกอย่างยังพร้อมอยู่ เพราะแนวทางที่ไทยปฏิบัติอยู่นั้น องค์การอนามัยโลกบอกว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า หาก ครม.คนใดคนหนึ่งติดเชื้อจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน รัฐมนตรีก็เป็นคนหนึ่งเหมือนประชาชน เมื่อถามว่า การันตีการทำงานของ สธ.หรือไม่ว่ามีคุณภาพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดเอง แต่องค์การอนามัยโลกที่เดินทางมาไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยืนยันว่าแนวทางของไทยนั้นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดการระบาด มีการเจ็บป่วยและเสียชีวิต แต่มันต้องย้อนมาปรับปรุง เช่น บางเรื่องที่เราไม่มีความรู้มาก่อน ก็เพิ่งมาเรียนรู้กัน ไม่ว่าประเทศใดก็เพิ่งรู้กัน เช่น โรคนี้คนอ้วนมีความเสี่ยงสูง โรคนี้มันทำลายระบบหายใจที่ต่างกันไป เรื่องแบบนี้เพิ่งรู้และได้มาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น