นายกฯ แสดงความกังวลต่อการแพร่ระบาดโรคหวัดสายพันธุ์ใหม่ สำหรับประเทศไทยมีการประเมินว่าอาจจะมีผู้ติดเชื้อแล้วเฉียดแสนราย เตือนโรคระบาดตัวนี้จะอยู่กับคนทั่วโลกอีก 2-3 ปี ชี้แพร่ระบาดหนักสุดในกลุ่มนักเรียน ระบุการควบคุมการแพร่ระบาดที่ดีที่สุดในขณะนี้คือตัดวงจรการแพร่ระบาด
วันนี้ (12 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่26 ถึงเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009ว่า ยังเป็นเรื่องซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและระดับโลก และก็ต้องการทำความเข้าใจถึงแนวทางต่างๆ ที่จะต้องมีการดำเนินการกันต่อไป เนื่องจากว่าเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ ดังนั้นทำให้มีความสับสนหรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันอยู่พอสมควร
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือว่าเราต้องไม่ประมาท และขณะเดียวกันคือต้องไม่ตื่นตระหนกด้วย ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่เป็นปัญหานี้ เป็นปัญหาเพราะว่าเป็นเชื้อโรคซึ่งประชาชนทั่วไป คือคนทั่วโลกเลย ไม่มีภูมิคุ้มกัน นั่นหมายความว่าทุกคนมีสิทธิ์ติดเชื้อ และมีสิทธิ์เป็นโรคนี้ทั้งสิ้น และการเผยแพร่หรือการกระจายของเชื้อนี้ก็ติดระหว่างคนต่อคน และสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงที่คนยังไม่มีอาการ”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แม้ว่ามีการไปเปรียบเทียบกับกรณีของโรคระบาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น โรคซาร์สก็ดี หรือว่าไข้หวัดนกก็ดี คงจะเทียบเคียงกันไม่ได้ เพราะว่ากรณีของไข้หวัดนกนั้นจะไม่มีการติดต่อระหว่างคนต่อคน ส่วนกรณีของโรคซาร์สนั้นจะมีการติดเชื้อกันได้ ก็ต่อเมื่อมีอาการหนักแล้ว ซึ่งหมายถึงว่าคนที่อยู่ในฐานะที่จะแพร่เชื้อจะอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว เกือบทั้งหมดจะเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต้องบอกว่าทั่วโลกขณะนี้มี 120 กว่าประเทศแล้ว ซึ่งโรคนี้เข้าไประบาดหรือว่ามีการแพร่เชื้ออยู่ และเราจะเห็นตัวเลขที่มีการรายงานต่อองค์การอนามัยโลกว่า แต่ละประเทศนั้นมีคนติดเชื้อเท่าไหร่
“แต่ข้อเท็จจริงคือว่าตัวเลขที่มีการรายงานนั้นจะเป็นตัวเลขซึ่งไม่สามารถ สะท้อนความเป็นจริงได้ทั้งหมด พูดง่ายๆ จริงแล้วก็คือว่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงทั้งสิ้น เหตุผลเป็นเพราะว่าโดยมาตรฐานการปฏิบัติขององค์การอนามัย และในแง่ของหลักวิชาการในเรื่องของระบาดวิทยา การยืนยันตัวเลขนี้จะเป็นตัวเลขซึ่งไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีขั้นตอนและใช้เวลาพอสมควร โดยปกติแล้วเมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคนี้ในประเทศหรือในชุมชนใดไประยะหนึ่ง แล้ว จะไม่มีการตรวจทุกราย เพราะว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากว่าการรักษาพยาบาล แพทย์จะดูจากประวัติ และดูความเป็นไปได้ แล้วจะให้ยา เพื่อให้สอดคล้องกับโรคที่เป็น โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ เพราะฉะนั้น ตัวเลขที่มีการรายงานตามประเทศต่างๆ จะไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าตัวเลขจริงเป็นอย่างไร”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แต่ว่าอย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้คือว่า ตัวเลขการติดเชื้อ ตัวเลขการเสียชีวิต จะมีประเด็นที่จะแปรตามเรื่องของประชากรค่อนข้างมาก เราจะเห็นว่าประเทศซึ่งมีประชากรใกล้เคียงกับเรา จะมีการรายงานตัวเลข ซึ่งมีการใช้ตัวเลขทางการที่ใกล้เคียงกับเราเช่นเดียวกัน หรือบางประเทศอาจจะต่ำกว่า บางประเทศอาจจะสูงกว่า ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษ ซึ่งมีประชากรใกล้เคียงกับเรามาก ตัวเลขที่เขารายงานไปบอกว่ามีคนติดเชื้อแล้ว 7,000 กว่าคน ของเราตัวเลขทางการอยู่ที่ 3,000 กว่าคน แต่ในทั้งสองประเทศผู้เชี่ยวชาญจะบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วคนที่ติดเชื้อจริงๆ จะมีมากกว่านั้นมาก เพราะฉะนั้น อังกฤษเองบอกว่าในแต่ละวันในเดือนสิงหาคม อาจจะมีคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระจายของเชื้อประมาณแสนคน
“ผมก็เชื่อว่าของเราก็จะต้องเป็นหลักหมื่น หรืออาจจะเข้าใกล้เคียงหลักแสนเช่นเดียวกัน แต่ว่าประเด็นของโรคนี้คือว่าคนจำนวนมากสามารถที่จะรับเชื้อเข้าไปแล้ว ไม่มีอาการหรืออาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผมก็ขอยืนยันว่าจากการติดตามในเรื่องตัวเลขของผู้เสียชีวิต ซึ่งได้มีการให้วิเคราะห์รายละเอียดทุกกรณี จะพบความจริงว่าถ้าหากว่าไม่ได้มีเรื่องของโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อน และถ้าได้รับการรักษาพยาบาลตั้งแต่เนิ่น ๆ โรคนี้สามารถที่จะรักษาหายได้ไม่ยาก”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการจะป้องกันการแพร่ระบาดก็ดี การจะดูแลไม่ให้มีผู้เสียชีวิตก็ดี หนึ่ง คือว่าใครที่มีอาการ รู้ตัวว่าไม่สบาย มีความรับผิดชอบที่จะต้องไม่เข้าไปอยู่ในสังคม เป็นเด็กนักเรียนก็ไม่ไปโรงเรียน ทำงานก็ไม่ควรที่จะไปทำงาน ควรที่จะหยุดพักผ่อน และในส่วนของโรงเรียน ตนได้ย้ำ และกระทรวงศึกษาธิการได้ยืนยันแล้ว ว่าจะไม่ให้มีผลกระทบ ถ้าจะติดสอบ ก็สามารถที่จะไปสอบทีหลังได้ อย่างนี้เป็นต้น อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับในการที่จะป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดหรือ การกระจายเชื้อเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
นายกฯ กล่าวถึงสิ่งกำลังดำเนินการขณะนี้คือว่าการแพร่ระบาด โดยเราดูจากตัวเลขที่มีการยืนยันในเรื่องของการติดเชื้อ ก็ชัดเจนมากว่ากลุ่มที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ ตัวเลขคร่าว ๆ อาจจะเป็นถึง 2 ใน 3 หรือมากกว่านั้น ก็คือกลุ่มนักเรียน และกลุ่มของคนที่อยู่ในวัยประมาณ 11-20 กว่าปี เพราะฉะนั้น ตรงนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือว่า ในโรงเรียนเองเป็นการกำชับและเป็นการเน้นย้ำ และจะเข้าไปช่วยเหลือว่า ทุกเช้าต่อไปนี้จะต้องมีการคัดกรอง เด็กคนไหนที่ไม่สบาย ต้องถูกส่งกลับบ้าน มิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นปัญหาในเรื่องของการแพร่ระบาดไปยังเพื่อน ๆ นักเรียน ส่วนโรงเรียนไหน ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ หรือมีคนที่ไม่สบายจำนวนค่อนข้างมาก ก็ใช้ดุลพินิจในการที่จะหยุดเรียนหรือปิดเรียนไประยะหนึ่ง เพื่อที่จะตัดวงจรหรือป้องกันหรือบรรเทาการแพร่ระบาดตรงนี้
นายกฯ กล่าวว่า แต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือการแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชนในกลุ่มวัยรุ่นอีก 2 จุดที่รัฐบาลต้องมาดูชัดเจน คือเรื่องของโรงเรียนกวดวิชา และเรื่องของร้านเกม กรณีโรงเรียนกวดวิชานั้น กระทรวงศึกษาธิการได้ใช้อำนาจขอให้หยุดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13-28 กรกฎาคม ส่วนกรณีของร้านเกมนั้น ไม่มีกฎหมายที่จะให้อำนาจรัฐบาลทำเช่นนั้นได้ ก็ต้องขอความร่วมมือและรณรงค์ว่าร้านเกมต้องใช้ดุลพินิจ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และถ้าสามารถที่จะหยุด ถ้าในชุมชนในพื้นที่นั้นมีคนไม่สบายมาก ก็จะเป็นการช่วยเพื่อที่จะลดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
“ในส่วนของมาตรการอื่น ๆ นั้น หนึ่ง คือเรื่องของการใส่หน้ากาก จริงอยู่ขณะนี้แม้ผู้เชี่ยวชาญเองยังถกเถียงกันว่า จะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่ว่าก็อยากจะรณรงค์ครับว่า คนที่เข้าไปในโรงพยาบาลก็ดี คนที่เข้าไปในพื้นที่ชุมชน หรือเข้าไปร่วมในงานซึ่งมีคนจำนวนมาก จะใส่หน้ากาก หรือแม้กระทั่งจะใช้ผ้าของตัวเอง และปิดจมูกปิดปาก ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งในการที่จะช่วยลดตรงนี้ได้ ซึ่งจะมีการรณรงค์กันต่อไป ขณะเดียวกันเรื่องของการที่กระทรวงและรัฐบาลได้รณรงค์มาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหมั่นล้างมือ การสนับสนุนเรื่องของเจลล้างมือในพื้นที่ ซึ่งมีคนเข้าไปใช้มาก ๆ จะเป็นการดำเนินการที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องของการรักษาพยาบาล ขณะนี้จะมีการจัดช่องพิเศษสำหรับโรงพยาบาล กรณีที่ผู้ป่วยสงสัยว่าอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ตัวนี้ และขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าใครที่เป็นโรคประจำตัวแล้วก็ติดเชื้อตัวนี้ มีอาการหนัก ก็จะมีกลุ่มเฉพาะกิจที่จะเข้าไปช่วยดูแล ว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยชีวิตให้ได้ ตนเรียนว่าตัวเลขการเสียชีวิตก็เช่นเดียวกัน อ่านจากข่าวจากประเทศอังกฤษก็เช่นเดียวกัน เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง คือการรายงานหรือการประเมินการเสียชีวิต ก็มีการรายงานที่แตกต่างกัน เพราะว่าในบางประเทศเวลามีการเสียชีวิต โดยคนนั้นเป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่ว่ามีเชื้อไวรัสตัวนี้อยู่ ก็ไม่ชัดเจนว่าเขารายงานว่าเป็นการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่
นายกฯ กล่าวว่า แต่ว่าอย่างไรก็ตามหน้าที่ของรัฐบาลคือว่าจะเดินหน้า ป้องกัน ลดการแพร่ระบาดในส่วนนี้ และการดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด ให้การเสียชีวิตไม่เป็นไปอย่างที่มีการประมาณการหรือคาดการณ์กัน สำหรับพี่น้องประชาชนอย่างที่เรียนคือว่า สามารถดูแลตัวเองได้ และสามารถแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมได้ นั่นคือดูแลสุขภาพตัวเอง มีอาการรีบไปหาหมอ มีอาการไม่ไปทำงาน ไม่ไปโรงเรียน ไม่เข้าไปอยู่ในจุดที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ และสถานที่ราชการ สถานประกอบการต่าง ๆ ขณะนี้ ควรจะให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดในสถานประกอบการหรือองค์กรของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะได้มีการรณรงค์ต่อไป
“สำหรับในเรื่องของยา และในเรื่องของวัคซีน ขอยืนยันเราติดตามตัวเลขและบริหารจัดการในเรื่องยาเพื่อให้มีเพียง พอ และขณะนี้กำลังมีการเจรจาที่จะให้มีการลดราคายา เพื่อที่จะเป็นการบรรเทาภาระในเรื่องนี้ด้วย พร้อมๆ กันไปก็ได้มีการจอง และจะได้มีการเริ่มต้นทดลองนำร่องในการผลิตวัคซีนด้วย ซึ่งวันนี้ผมจะได้ไปดูที่สถานที่ที่จะได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้ แต่เรื่องวัคซีนนั้นคาดว่าจะผลิตออกมาได้ และจะได้รับจัดสรรไปยังประเทศต่าง ๆ จะเป็นในช่วงของเดือนตุลาคม”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ทั่วโลกขณะนี้ยอมรับว่าโรคนี้จะเป็นโรคที่อยู่กับเราไปอีกอย่างน้อย ๆ 2-3 ปี ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะฉะนั้น ตัวเลขของผู้ที่ติดเชื้อจะมีการแพร่หลายและกระจายไปอย่างมาก สิ่งสำคัญคือการดูแลและป้องกันและรักษา ตนเห็นตัวเลขที่มีการรายงานในข่าวต่าง ๆ อยากจะทำความเข้าใจ ที่บอกว่าจะมีคนเสียชีวิตถึง 1,200 คน นั่นคือหมายความว่ากรณีซึ่งไม่ได้มีมาตรการในการที่จะมาเร่งคัดกรอง และดูแลการรักษาพยาบาลให้ถูกต้องเป็นพิเศษ แต่ว่าถ้าทำให้ในระดับได้ดี จะลดลงมาประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งครึ่งหนึ่งพี่น้องประชาชนอาจจะตกใจว่า ก็ยังเป็นหลายร้อยคน แต่ข้อเท็จจริงคือว่าในแต่ละปีเรามีผู้ที่เสียชีวิตจากไข้หวัดธรรมดาประมาณ ปีละ 300 กว่าคนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ตรงนี้อยากจะย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตื่นตระหนก รัฐบาลจะดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันดำเนินการตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ และองค์การอนามัยโลกเองในระดับภูมิภาค ก็ได้มาจัดการประชุมเร็ว ๆ นี้ ก็ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำเป็นแนวทางซึ่งถูกต้อง และขอย้ำอีกครั้งว่า บุคลากรในทุกด้านและพี่น้องประชาชนทุกคน จะต้องมีความตื่นตัวในเรื่องนี้
นายกฯ กล่าวว่า มี การเรียกร้องว่าเรื่องนี้เป็นระเบียบวาระแห่งชาติหรือไม่ ก็ขอยืนยันว่าตั้งแต่ต้นรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ มีศูนย์เฝ้าระวัง และขณะนี้มีโทรศัพท์สายด่วนขึ้นมา เพื่อที่จะรองรับและแก้ไขปัญหาตรงนี้ และต้องขอบคุณทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรของเอกชน มูลนิธิ ซึ่งออกมาช่วยรณรงค์ในเรื่องเหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น ก็อยากจะเชิญชวนทุกภาคส่วนให้ช่วยกันมาแก้ไขปัญหา และบรรเทาปัญหานี้ ส่วนการที่จะไปมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น ในเรื่องของการไปหยุดกิจกรรมทางสังคม อยากจะย้ำว่าโดยหลักปฏิบัติทางสากลแล้ว ในระดับที่เราเผชิญอยู่ เขายังไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น แต่ว่าพี่น้องประชาชนก็ต้องรับผิดชอบ คือถ้าตัวเองติดเชื้อก็ไม่ไปร่วมกิจกรรมสังคมต่าง ๆ ส่วนคนที่จะไปร่วมกิจกรรมทางสังคม ก็ต้องทราบว่าตัวเองมีความเสี่ยง เพราะว่าอย่างที่เรียนตั้งแต่ต้น หลายคนจะมีเชื้ออยู่ ยังไม่มีอาการใด ๆ แต่ว่าจะสามารถเป็นผู้ที่ทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายออกไปได้ และคนทั่วไปก็ไม่มีภูมิคุ้มกันอยู่ จึงอยากขอทำความเข้าใจในเรื่องนี้ และขอยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด อย่างต่อเนื่องต่อไป