ASTVผู้จัดการรายวัน –หวัดพันธุ์ใหม่ก่อโศกนาฏกรรมสุดสะเทือนใจ หลังดับชีวิตหญิงวัย21 ปีขณะตั้งครรภ์ 5 เดือน ขณะที่อีกรายเป็นนักศึกษามอ.ภูเก็ต รวมดับแล้ว 11 ราย แถมเจอ “แพทย์” ติดอีก 1 คน ด้าน “อภิสิทธิ์” เต้นเรียก “วิทยา" พร้อมทีมถก ยันไม่ปิดประเทศ แต่สั่งตั้งทีมเฉพาะกิจดูแลผู้ป่วยอาการหนัก ขณะที่สธ.เตรียมชงครม.โรงเรียนกวดวิชา-ร้านเกม 2สัปดาห์วันนี้เหตุพบตัวเลขการติดเชื้อกว่า 70% “วิทยา” ฉุนโรงพยาบาลเอกชนสูบเลือดสูบเนื้อผู้ป่วย ขู่ไม่ลดค่ารักษาเตรียมทบทวนใบอนุญาต
วานนี้(8 ก.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สธ. ขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 2 ราย คือรายที่10 และ 11 โดยรายที่ 10 เป็นชายอายุ 19 ปี จ.ภูเก็ต เริ่มป่วยมีไข้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.และไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค. แต่ไม่ยอมนอนโรงพยาบาล ต่อมาในวันที่ 2 ก.ค. เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลวชิรภูเก็ต เพราะอาการป่วยหนักขึ้น ความดันโลหิตต่ำ แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจช่วยชีวิต และเอ็กซ์เรย์ปอด พบปอดบวมทั้ง 2 ข้างและมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดจำนวนมาก แพทย์ส่งน้ำในช่องปอดตรวจ พบติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย แพทย์ให้การดูแลอย่างเต็มที่ ต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ค.
สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 11 เป็นหญิงอายุ 21 ปี อยู่กรุงเทพฯ ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และมีโรคประจำตัวไทรอยด์ ส่งผลให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตทันที จากการสอบสวนโรคพบว่า เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ด้วยอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีไข้และไปรับการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ได้รับแจ้งว่าเป็นคออักเสบให้กลับไปพักที่บ้าน ต่อมาวันที่ 6 ก.ค. เวลาประมาณเที่ยงคืน ได้เข้ามารับการรักษาที่วชิรพยาบาล ด้วยอาการไข้สูง หายใจหอบ ไอ ผลเอ็กซ์เรย์พบปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง เสียชีวิตในวันเดียวกันเวลา 15.00 น.
“สธ. ได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าไปควบคุมโรคที่พักของผู้เสียชีวิตร่วมกับพื้นที่ทั้งหมดแล้ว” นายมานิตกล่าว
**ป่วยเพิ่มยอด 290 ราย นอนรพ. 110 ราย
นายมานิตกล่าวต่อว่า สำหรับจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 290 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งรวมนักเรียนจำนวน 243 ราย รวมผู้ป่วยสะสม ทั้งหมดจำนวน 2,714 ราย หายเป็นปกติแล้ว 2,593 ราย เสียชีวิตทั้งหมด 11 ราย เป็นเด็กหญิง 1 ราย เป็นผู้ใหญ่ 10 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาย 6 ราย เป็นหญิง 4 ราย ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยอยู่ในการดูแลในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 110 ราย ได้กำชับให้ทีมแพทย์ให้การรักษา ติดตามอาการอย่างเต็มที่ไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยในชีวิตมากที่สุด
**เรียกรพ.เอกชนถกวันนี้
นายมานิตกล่าวว่า ในวันที่ 9 ก.ค. สธ. ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งดูแลโรงพยาบาลเอกชน และกรมการแพทย์ซึ่งดูแลในเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จัดอบรมฟื้นฟูวิชาการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล เรื่องแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่รร.มิราเคิล แกรนด์ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วยและจะเร่งขยายการอบรมทั่วประเทศต่อไป รวมถึงให้บุคลากรทางการแพทย์ระมัดระวังเพราะมีโอกาสติดโรคไข้หวัดใหญ่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีแพทย์ที่โรงพยาบาลราชบุรีป่วย 1ราย แต่ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว
**โคม่า 8 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว
นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้เดินทางพร้อมคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่มีอาการหนักพร้อมให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ แก่คณะแพทย์ผู้รักษาที่ รพ.ชลประทาน จ.นนทบุรี และโรงพยาบาลในจ.อยุธยาซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวพบผู้ป่วยอาการรุนแรงแห่งละ 1 ราย
ทั้งนี้ ขณะนี้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีอาการหนักน่าเป็นห่วง ทั้งสิ้น 8 ราย กระจายอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ โดยรายที่น่าเป็นห่วงที่สุด เป็น หญิง อายุ 63 ปี อยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ มีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และมีภาวะปอดบวมทั้ง 2 ข้าง แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว
ส่วนรายที่ 2 เป็น ชาย อายุ 38 ปี อยู่ที่โรงพยาบาลชลประทาน มีโรคประจำตัวเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ป่วยตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม มาพบแพทย์วันที่ 4 ก.ค. มีไข้สูง เหนื่อย หอบ ปอดบวมทั้ง 2 ข้าง จนกระทั่งวันที่ 5 หอบหนักขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และ ล่าสุดอาการปอดบวมดีขึ้น สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นชายอายุ 45 ปี จ.อยุธยา มาพบแพทย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งมีอาการหนักแล้ว คือหัวใจหยุดเต้น แพทย์ได้ช่วยชีวิตสำเร็จ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว และมีแนวโน้มทรุดลง เนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรค คือ โรคหัวใจล้มเหลว ไตเริ่มเสื่อม น้ำหนักตัวมากถึง 103 กิโลกรัม รายที่ 4 เป็นเด็กชาย 7 ปี ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่เชื้อไวรัสขึ้นสมอง มีอาการคล้ายไข้สมองอักเสบ ต้องใช้เวลารักษานานนับเดือน ล่าสุดเด็กยังไม่รู้สึกตัว ส่วนรายที่ 5 เป็นหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ อยู่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี มีโรคประจำตัวเป็นโรคธาลัสซีเมีย ซีด ล่าสุดอาการดีขึ้น แพทย์ต้องให้เลือดตลอดเวลา ขณะนี้โรงพยาบาลขาดเลือดได้ประสานสภากาชาดไทยแล้ว ส่วนอีก 3 ราย เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลเอกชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
**เสนอปิดรร.กวดวิชา-ร้านเกม
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. เป็นประธานในการประชุมทีมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา เพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย โดยใช้เวลาประชุมนานร่วม 3 ชั่วโมง
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยมีข้อเสนอ 2 เรื่องหลัก คือ 1.ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำเนินการสั่งปิดสถาบันกวดวิชาทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อชะลอการแพร่เชื้อไวรัส และ2.ขอความร่วมมือให้กระทรวงวัฒนธรรม กวดขันร้านเกม อินเทอร์เน็ต เพื่อสั่งปิดร้านเกม ซึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นสถานที่ที่เด็ก เยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้มาร่วมตัวชุมนุมกัน
ด้านนพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับ 10 กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องขอความร่วมมือปิดสถาบันกวดวิชาและร้านเกม เนื่องจากผลการสอบสวนโรคของทีมระบาดวิทยา พบว่า เด็กที่ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนใหญ่มีอาการป่วย หรือติดเชื้อภายหลังจากไปเรียนที่สถาบันกวดวิชา ซึ่งทราบข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการว่า มีสถาบันกวดวิชาหลายแห่งที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้องจาก ศธ. ทำให้สถานที่ สุขอนามัยไม่ได้มาตรฐาน ใน 1 ห้องเรียน มีเด็กเรียนมากถึง 100-200 คน และต้องเรียนหลายชั่วโมง ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อไวรัสได้ และแม้ว่าจะมีการสั่งปิดโรงเรียน สถานศึกษา แต่เด็กไม่หยุดเรียนพิเศษกวดวิชา เพราะได้เสียเงินไปแล้ว จึงควรจะสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาพร้อมกันทุกแห่งทั่วประเทศ
“ที่สำคัญ สถาบันกวดวิชาในกรุงเทพฯ มีลักษณะพิเศษ คือไม่ได้มีเฉพาะเด็กในกรุงเทพฯ มาเรียนเท่านั้น แต่มีเด็กจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนกวดวิชาด้วย จึงทำให้เมือติดเชื้อแล้วก็นำเชื้อกลับไปแพร่ระบาดในจังหวัดภูมิลำเนาที่ตนเองอาศัยอยู่ ทำให้เกิดการระบาดตามโรงเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งมาตรการนี้ สธ. หวังว่า จะช่วยชะลอการระบาดของโรคลงได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญคือ เด็กจะต้องหยุดอยู่กับบ้านไม่ออกไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ด้วย หากทำได้ตามคำแนะนำของสธ. ก็จะช่วยลดการระบาดลงได้” นพ.คำนวณ กล่าว
**ชี้ตายไม่เกิน 0.5 ยังไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ
นพ.คำนวณ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์การระบาดของไทย พบว่า ขณะนี้อัตราการป่วยตายของไทย ยังไม่เกิน ร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ สถานการณ์ยังไม่รุนแรงหนักจนต้องออกมาตรการปิดประเทศแต่อย่างใด ซึ่งการปิดประเทศไม่ได้หมายถึงการห้ามคนเดินทางเข้า-ออกประเทศ แต่หมายถึงการหยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ของประชาชน หยุดกิจกรรมการชุมนุมคน เช่น ปิดโรงเรียน หยุดงาน ปิดโรงหนัง เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่หยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ของคน คือ เม็กซิโก และอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการป่วยตายสูง คือ มากกว่าร้อยละ 2
นอกจากนี้ มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของไทย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 6 คน ในจำนวนนี้ มี 9 คน ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคอ้วน เนื้องอกในสมอง และไธรอยด์ เป็นต้น ซึ่งถือว่ามีภาวะเสี่ยงสูงที่จะเกิดการป่วยตายได้ คิดเป็น ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตที่มีโรคประจำตัว ส่วนอีก 2 ราย ไม่มีประวัติชัดเจนว่ามีโรคประจำตัว แต่ข้อมูลการสอบสวนโรคพบว่า มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับ พบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิต หรือมีอาการหนัก ส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า ทำให้ได้รับการรักษาช้าตามไปด้วย จึงทำให้อาการหนักรุนแรงและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
“สธ. จะปรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ใหม่ โดยจะรณรงค์ให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการป่วย มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ทันที และต้องแจ้งแพทย์ว่ามีโรคประจำตัวเป็นโรคอะไรด้วย ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันที ส่วนในกลุ่มคนปกติ ที่ไม่มีโรคประจำตัว แนวทางการรักษายังคงเหมือนเดิมคือ ให้ทานยาลดไข้ ตามปกติ หาก 1-2 วัน ไข้ยังไม่ลด และมีอาการหอบ เหนื่อยร่วมด้วย ให้รีบพบแพทย์ทันที” นพ.คำนวณ กล่าว
**มอ.ภูเก็ตปิดเรียน 2วันหลังนศ.ตาย
นายเมธี สรรพานิช รองอธิการบดี มอ.ภูเก็ต กล่าวว่า หลังได้รับการยืนยันจากกรมการแพทย์ว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัย เพศชาย อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มอ.ภูเก็ตได้ประกาศปิดเรียนเพิ่มอีก 2 วัน ในวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ ซึ่งในช่วงที่มีการปิดเรียนจะทำความสะอาดห้องพักนักศึกษาจำนวน 1,500 ห้อง
**“วิทยา” สับรพ.เอกชนหน้าเลือด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลเอกชนในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เชิญโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯมาหารือ เพราะที่ผ่านมาค่ารักษาต่อโรคดังกล่าวมีราคาแพง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชน ดังนั้นคงเป็นการขอความร่วมมือในการคิดค่ารักษาบริการให้ถูกลง และหากโรงพยาบาลเอกชนไม่มั่นใจว่า ผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่ กรมการแพทย์พร้อมจะส่งแพทย์เข้าไปร่วมให้คำแนะนำ
“หากโรงพยาบาลเอกชนไม่ร่วมมือ ก็จะให้เปิดกฎหมายดูว่า จะมีความร่วมมือทางด้านกฎหมายอย่างไรบ้าง ซึ่งตนได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งมีหน้าที่ออกใบอนุญาตโรงพยาบาลทั้งหมดดูแล หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องดูถึงความร้ายแรงขนาดไหนว่าจะปิดโรงพยาบาลที่ไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่”
เมื่อถามว่า จะมีการปิดประเทศหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ได้มีการหารือกับวิชาการของกระทรวงที่ทำเรื่องนี้กับองค์การอนามัยโลก เพราะการปิดประเทศหมายถึงการหยุดกิจกรรมทุกอย่างในประเทศ ซึ่งไม่มีประโยชน์ และคงต้องถามว่ารัฐบาลวจะกล้าหรือไม่ เช่นการหยุดเรียน หยุดทำงาน หยุดเปิดร้านอาหาร ให้ทุกคนอยู่ที่บ้านเพื่อตัดวงจร โดยขณะนี้ก็ได้มอบหมายให้สำนักระบาดวิทยาประเมินทุกวัน เพราะตนประเมินไม่ได้ แต่ทางฝ่ายการเมืองก็ต้องประเมินว่ามีผลกระทบมากน้อยขนาดไหน
*** "มาร์ค" ยันไม่ปิดประเทศ
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ปลัดสธ. และคณะ เข้ารายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการหารือเพื่อสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาด ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เนื่องจากในแง่การติดเชื้อ เมื่อดูจากตัวเลขต่างๆ ก็เห็นว่าต้องการได้รับความร่วมมือ และต้องใช้มาตรการกับแหล่งที่มีการติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พบว่า เป็นโรงเรียนกวดวิชากับร้านเกม โดยจะขอความร่วมมือและมีมาตรการเพิ่มเติม ที่เป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะต้องไปดูเรื่องอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมาย ส่วนรายละเอียดจะชัดเจนหลังประชุมครม. ส่วนลักษณะการติดเชื้อที่ต้องดูแลมากที่สุด คือจากการสัมผัสทางอากาศ เพราะมีการอยู่ใกล้กันในระยะ 1 เมตร ซึ่งเป็นเหตุผลที่โรงเรียนกวดวิชาจึงมีปัญหามากกว่าโรงเรียนทั่วไป
นอกจากนี้ ได้มีการวิเคราะห์กรณีการเสียชีวิตในทั้ง 11 ราย และต้องมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่า ใครที่ไม่สบายก็ต้องรีบไปพบแพทย์ให้เรียบร้อย ซึ่งในหลายราย ถ้าไม่มีการรักษาจนกระทั่งเชื้อเข้าสู่ปอด ก็จะเกิดปัญหา ขณะที่ในส่วนของผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ด้วย รวมถึงระบบดูแล ซึ่งส่วนหนึ่งจะมีการประชุมทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลรัฐและเอกชน นอกจากนี้จะมีการตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อเข้ามาช่วยดูในส่วนของผู้ป่วยที่มี อาการหนัก
“เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่มีประเทศใดสามารถสกัดกั้นการติดเชื้อของคนได้ และหลายประเทศถือเรื่องนี้เป็นโรคติดต่อตามปกติ ส่วนตัวเลขที่มีการรายงานนั้นเป็นตัวเลขที่มีการยืนยันโดยห้องปฏิบัติการ โดยในข้อเท็จจริงแล้ว ทุกประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ จะมีคนที่ติดเชื้อมากกว่าที่มีการรายงาน ไม่ใช่เรื่องการปิดบัง แต่เป็นหลักที่ทุกประเทศใช้ คือในช่วงแรกของการแพร่ระบาด จะมีการตรวจละเอียด และเมื่อเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดในถิ่นนั้นแล้ว จะไม่มีการมาตรวจในทุกกรณีแล้ว แต่จะตรวจในรายที่มีอาการหนัก เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินการของบุคคลากรทางสาธารณสุข”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราพยายามทำคือจะมีระบบการรักษาอย่างไร ไม่ให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอัตราการเสียชีวิตของเราขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 0.4 ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยของโลก แต่ต้องทำให้ดีกว่านี้ ต้องดูว่าตรงไหนสามารถหยุดหรือบรรเทาการแพร่ระบาดได้ แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปพูดเรื่องการปิดประเทศ หรือการทำให้ชีวิตไม่ดำเนินไปตามปกติ เพราะตรงนี้เป็นแนวที่องค์การอนามัยโลกได้ยืนยันไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นและไม่เคยแนะนำในเรื่องการห้ามคนเดินทางหรือการทำอะไรทำนองนั้น ยกเว้นกรณีที่มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงถึงร้อยละ 1.5-2
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ครม.ได้สั่งการให้เร่งทำทีมเฉพาะกิจที่จะเข้ามาดูแลกรณีผู้ป่วยที่มีอาการหนัก โดยให้นายวิทยาเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะมีการระดมแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยให้ทันท่วงที ส่วนปริมาณยารักษา ขอยืนยันว่า ยังเพียงพอ
**”วิทยา”ชงครม.วันนี้ปิดร้านเกม-กวดวิชา
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จะมีการเสนอครม.ให้พิจารณาวันนี้(9 ก.ค.) ว่า จะขอความร่วมมือในการทำความสะอาดให้มากขึ้น หากจะมีการบังคับใช้กฎหมายจะต้องดูว่าได้หรือไม่ ก็จะมีการหารือในครม.วันนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่านายกฯบอกว่าพื้นที่ระบาดมีมากในโรงเรียนกวดวิชาและร้านเกมจะขอมติครม.ให้ปิด นายวิทยา กล่าวว่า การแพร่เชื้อหากเป็นในโรงเรียนประจำมันจะจำกัดวงได้ แต่หากเกิดขึ้นในโรงเรียนกวดวิชา นักเรียนมาจากทั่วทุกสารทิศทั่วประเทศ เชื้อก็จะมีโอกาสแพร่กระจายไปหมด เพราะโรงเรียนกวดวิชามีนักเรียนต่างจังหวัดมาเรียนด้วย และบางคนเรียนจากโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งแล้วก็ไปเรียนอีกที่หนึ่ง ส่วนร้านเกมก็เช่นกัน เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งนี้มีสถิตินักเรียนติดเชื้อมากกว่า 70%
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.กล่าวว่า ในวันนี้(9ก.ค.) สธ.จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเพื่อสั่งปิดสถานประกอบที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ คือ ร.ร.กวดวิชา และร้านเกม เป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายโรค โดยจะหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาข้อกฎหมาย ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม ครม. ส่วนกรณีของร้านอาหาร ผับบาร์นั้นจะให้ทางกระทรวงที่รับผิดชอบไปพิจารณาก่อน เพราะหากไม่สามารถจัดการแหล่งที่ก่อให้เกิดการติดโรคอาจจะทำให้แก้ปัญหาได้
วานนี้(8 ก.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สธ. ขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 2 ราย คือรายที่10 และ 11 โดยรายที่ 10 เป็นชายอายุ 19 ปี จ.ภูเก็ต เริ่มป่วยมีไข้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.และไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค. แต่ไม่ยอมนอนโรงพยาบาล ต่อมาในวันที่ 2 ก.ค. เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลวชิรภูเก็ต เพราะอาการป่วยหนักขึ้น ความดันโลหิตต่ำ แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจช่วยชีวิต และเอ็กซ์เรย์ปอด พบปอดบวมทั้ง 2 ข้างและมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดจำนวนมาก แพทย์ส่งน้ำในช่องปอดตรวจ พบติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย แพทย์ให้การดูแลอย่างเต็มที่ ต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ค.
สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 11 เป็นหญิงอายุ 21 ปี อยู่กรุงเทพฯ ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และมีโรคประจำตัวไทรอยด์ ส่งผลให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตทันที จากการสอบสวนโรคพบว่า เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ด้วยอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีไข้และไปรับการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ได้รับแจ้งว่าเป็นคออักเสบให้กลับไปพักที่บ้าน ต่อมาวันที่ 6 ก.ค. เวลาประมาณเที่ยงคืน ได้เข้ามารับการรักษาที่วชิรพยาบาล ด้วยอาการไข้สูง หายใจหอบ ไอ ผลเอ็กซ์เรย์พบปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง เสียชีวิตในวันเดียวกันเวลา 15.00 น.
“สธ. ได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าไปควบคุมโรคที่พักของผู้เสียชีวิตร่วมกับพื้นที่ทั้งหมดแล้ว” นายมานิตกล่าว
**ป่วยเพิ่มยอด 290 ราย นอนรพ. 110 ราย
นายมานิตกล่าวต่อว่า สำหรับจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 290 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งรวมนักเรียนจำนวน 243 ราย รวมผู้ป่วยสะสม ทั้งหมดจำนวน 2,714 ราย หายเป็นปกติแล้ว 2,593 ราย เสียชีวิตทั้งหมด 11 ราย เป็นเด็กหญิง 1 ราย เป็นผู้ใหญ่ 10 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาย 6 ราย เป็นหญิง 4 ราย ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยอยู่ในการดูแลในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 110 ราย ได้กำชับให้ทีมแพทย์ให้การรักษา ติดตามอาการอย่างเต็มที่ไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยในชีวิตมากที่สุด
**เรียกรพ.เอกชนถกวันนี้
นายมานิตกล่าวว่า ในวันที่ 9 ก.ค. สธ. ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งดูแลโรงพยาบาลเอกชน และกรมการแพทย์ซึ่งดูแลในเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จัดอบรมฟื้นฟูวิชาการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล เรื่องแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่รร.มิราเคิล แกรนด์ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วยและจะเร่งขยายการอบรมทั่วประเทศต่อไป รวมถึงให้บุคลากรทางการแพทย์ระมัดระวังเพราะมีโอกาสติดโรคไข้หวัดใหญ่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีแพทย์ที่โรงพยาบาลราชบุรีป่วย 1ราย แต่ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว
**โคม่า 8 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว
นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้เดินทางพร้อมคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่มีอาการหนักพร้อมให้คำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ แก่คณะแพทย์ผู้รักษาที่ รพ.ชลประทาน จ.นนทบุรี และโรงพยาบาลในจ.อยุธยาซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวพบผู้ป่วยอาการรุนแรงแห่งละ 1 ราย
ทั้งนี้ ขณะนี้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีอาการหนักน่าเป็นห่วง ทั้งสิ้น 8 ราย กระจายอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ โดยรายที่น่าเป็นห่วงที่สุด เป็น หญิง อายุ 63 ปี อยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ มีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และมีภาวะปอดบวมทั้ง 2 ข้าง แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว
ส่วนรายที่ 2 เป็น ชาย อายุ 38 ปี อยู่ที่โรงพยาบาลชลประทาน มีโรคประจำตัวเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ป่วยตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม มาพบแพทย์วันที่ 4 ก.ค. มีไข้สูง เหนื่อย หอบ ปอดบวมทั้ง 2 ข้าง จนกระทั่งวันที่ 5 หอบหนักขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และ ล่าสุดอาการปอดบวมดีขึ้น สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้ว
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นชายอายุ 45 ปี จ.อยุธยา มาพบแพทย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งมีอาการหนักแล้ว คือหัวใจหยุดเต้น แพทย์ได้ช่วยชีวิตสำเร็จ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว และมีแนวโน้มทรุดลง เนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรค คือ โรคหัวใจล้มเหลว ไตเริ่มเสื่อม น้ำหนักตัวมากถึง 103 กิโลกรัม รายที่ 4 เป็นเด็กชาย 7 ปี ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่เชื้อไวรัสขึ้นสมอง มีอาการคล้ายไข้สมองอักเสบ ต้องใช้เวลารักษานานนับเดือน ล่าสุดเด็กยังไม่รู้สึกตัว ส่วนรายที่ 5 เป็นหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ อยู่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี มีโรคประจำตัวเป็นโรคธาลัสซีเมีย ซีด ล่าสุดอาการดีขึ้น แพทย์ต้องให้เลือดตลอดเวลา ขณะนี้โรงพยาบาลขาดเลือดได้ประสานสภากาชาดไทยแล้ว ส่วนอีก 3 ราย เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลเอกชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
**เสนอปิดรร.กวดวิชา-ร้านเกม
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. เป็นประธานในการประชุมทีมนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา เพื่อประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย โดยใช้เวลาประชุมนานร่วม 3 ชั่วโมง
นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยมีข้อเสนอ 2 เรื่องหลัก คือ 1.ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำเนินการสั่งปิดสถาบันกวดวิชาทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อชะลอการแพร่เชื้อไวรัส และ2.ขอความร่วมมือให้กระทรวงวัฒนธรรม กวดขันร้านเกม อินเทอร์เน็ต เพื่อสั่งปิดร้านเกม ซึ่งทั้ง 2 แห่ง เป็นสถานที่ที่เด็ก เยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้มาร่วมตัวชุมนุมกัน
ด้านนพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับ 10 กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องขอความร่วมมือปิดสถาบันกวดวิชาและร้านเกม เนื่องจากผลการสอบสวนโรคของทีมระบาดวิทยา พบว่า เด็กที่ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนใหญ่มีอาการป่วย หรือติดเชื้อภายหลังจากไปเรียนที่สถาบันกวดวิชา ซึ่งทราบข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการว่า มีสถาบันกวดวิชาหลายแห่งที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้องจาก ศธ. ทำให้สถานที่ สุขอนามัยไม่ได้มาตรฐาน ใน 1 ห้องเรียน มีเด็กเรียนมากถึง 100-200 คน และต้องเรียนหลายชั่วโมง ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อไวรัสได้ และแม้ว่าจะมีการสั่งปิดโรงเรียน สถานศึกษา แต่เด็กไม่หยุดเรียนพิเศษกวดวิชา เพราะได้เสียเงินไปแล้ว จึงควรจะสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาพร้อมกันทุกแห่งทั่วประเทศ
“ที่สำคัญ สถาบันกวดวิชาในกรุงเทพฯ มีลักษณะพิเศษ คือไม่ได้มีเฉพาะเด็กในกรุงเทพฯ มาเรียนเท่านั้น แต่มีเด็กจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมากเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนกวดวิชาด้วย จึงทำให้เมือติดเชื้อแล้วก็นำเชื้อกลับไปแพร่ระบาดในจังหวัดภูมิลำเนาที่ตนเองอาศัยอยู่ ทำให้เกิดการระบาดตามโรงเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งมาตรการนี้ สธ. หวังว่า จะช่วยชะลอการระบาดของโรคลงได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญคือ เด็กจะต้องหยุดอยู่กับบ้านไม่ออกไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ด้วย หากทำได้ตามคำแนะนำของสธ. ก็จะช่วยลดการระบาดลงได้” นพ.คำนวณ กล่าว
**ชี้ตายไม่เกิน 0.5 ยังไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ
นพ.คำนวณ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์การระบาดของไทย พบว่า ขณะนี้อัตราการป่วยตายของไทย ยังไม่เกิน ร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ สถานการณ์ยังไม่รุนแรงหนักจนต้องออกมาตรการปิดประเทศแต่อย่างใด ซึ่งการปิดประเทศไม่ได้หมายถึงการห้ามคนเดินทางเข้า-ออกประเทศ แต่หมายถึงการหยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ของประชาชน หยุดกิจกรรมการชุมนุมคน เช่น ปิดโรงเรียน หยุดงาน ปิดโรงหนัง เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่หยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ของคน คือ เม็กซิโก และอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการป่วยตายสูง คือ มากกว่าร้อยละ 2
นอกจากนี้ มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของไทย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 6 คน ในจำนวนนี้ มี 9 คน ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคอ้วน เนื้องอกในสมอง และไธรอยด์ เป็นต้น ซึ่งถือว่ามีภาวะเสี่ยงสูงที่จะเกิดการป่วยตายได้ คิดเป็น ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิตที่มีโรคประจำตัว ส่วนอีก 2 ราย ไม่มีประวัติชัดเจนว่ามีโรคประจำตัว แต่ข้อมูลการสอบสวนโรคพบว่า มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับ พบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิต หรือมีอาการหนัก ส่วนใหญ่มาพบแพทย์ช้า ทำให้ได้รับการรักษาช้าตามไปด้วย จึงทำให้อาการหนักรุนแรงและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
“สธ. จะปรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ใหม่ โดยจะรณรงค์ให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการป่วย มีไข้ ให้รีบพบแพทย์ทันที และต้องแจ้งแพทย์ว่ามีโรคประจำตัวเป็นโรคอะไรด้วย ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันที ส่วนในกลุ่มคนปกติ ที่ไม่มีโรคประจำตัว แนวทางการรักษายังคงเหมือนเดิมคือ ให้ทานยาลดไข้ ตามปกติ หาก 1-2 วัน ไข้ยังไม่ลด และมีอาการหอบ เหนื่อยร่วมด้วย ให้รีบพบแพทย์ทันที” นพ.คำนวณ กล่าว
**มอ.ภูเก็ตปิดเรียน 2วันหลังนศ.ตาย
นายเมธี สรรพานิช รองอธิการบดี มอ.ภูเก็ต กล่าวว่า หลังได้รับการยืนยันจากกรมการแพทย์ว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัย เพศชาย อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มอ.ภูเก็ตได้ประกาศปิดเรียนเพิ่มอีก 2 วัน ในวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ ซึ่งในช่วงที่มีการปิดเรียนจะทำความสะอาดห้องพักนักศึกษาจำนวน 1,500 ห้อง
**“วิทยา” สับรพ.เอกชนหน้าเลือด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. กล่าวว่า สำหรับโรงพยาบาลเอกชนในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เชิญโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯมาหารือ เพราะที่ผ่านมาค่ารักษาต่อโรคดังกล่าวมีราคาแพง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชน ดังนั้นคงเป็นการขอความร่วมมือในการคิดค่ารักษาบริการให้ถูกลง และหากโรงพยาบาลเอกชนไม่มั่นใจว่า ผู้ป่วยเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่ กรมการแพทย์พร้อมจะส่งแพทย์เข้าไปร่วมให้คำแนะนำ
“หากโรงพยาบาลเอกชนไม่ร่วมมือ ก็จะให้เปิดกฎหมายดูว่า จะมีความร่วมมือทางด้านกฎหมายอย่างไรบ้าง ซึ่งตนได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งมีหน้าที่ออกใบอนุญาตโรงพยาบาลทั้งหมดดูแล หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องดูถึงความร้ายแรงขนาดไหนว่าจะปิดโรงพยาบาลที่ไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่”
เมื่อถามว่า จะมีการปิดประเทศหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า ได้มีการหารือกับวิชาการของกระทรวงที่ทำเรื่องนี้กับองค์การอนามัยโลก เพราะการปิดประเทศหมายถึงการหยุดกิจกรรมทุกอย่างในประเทศ ซึ่งไม่มีประโยชน์ และคงต้องถามว่ารัฐบาลวจะกล้าหรือไม่ เช่นการหยุดเรียน หยุดทำงาน หยุดเปิดร้านอาหาร ให้ทุกคนอยู่ที่บ้านเพื่อตัดวงจร โดยขณะนี้ก็ได้มอบหมายให้สำนักระบาดวิทยาประเมินทุกวัน เพราะตนประเมินไม่ได้ แต่ทางฝ่ายการเมืองก็ต้องประเมินว่ามีผลกระทบมากน้อยขนาดไหน
*** "มาร์ค" ยันไม่ปิดประเทศ
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ปลัดสธ. และคณะ เข้ารายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการหารือเพื่อสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาด ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เนื่องจากในแง่การติดเชื้อ เมื่อดูจากตัวเลขต่างๆ ก็เห็นว่าต้องการได้รับความร่วมมือ และต้องใช้มาตรการกับแหล่งที่มีการติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พบว่า เป็นโรงเรียนกวดวิชากับร้านเกม โดยจะขอความร่วมมือและมีมาตรการเพิ่มเติม ที่เป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะต้องไปดูเรื่องอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมาย ส่วนรายละเอียดจะชัดเจนหลังประชุมครม. ส่วนลักษณะการติดเชื้อที่ต้องดูแลมากที่สุด คือจากการสัมผัสทางอากาศ เพราะมีการอยู่ใกล้กันในระยะ 1 เมตร ซึ่งเป็นเหตุผลที่โรงเรียนกวดวิชาจึงมีปัญหามากกว่าโรงเรียนทั่วไป
นอกจากนี้ ได้มีการวิเคราะห์กรณีการเสียชีวิตในทั้ง 11 ราย และต้องมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมว่า ใครที่ไม่สบายก็ต้องรีบไปพบแพทย์ให้เรียบร้อย ซึ่งในหลายราย ถ้าไม่มีการรักษาจนกระทั่งเชื้อเข้าสู่ปอด ก็จะเกิดปัญหา ขณะที่ในส่วนของผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ด้วย รวมถึงระบบดูแล ซึ่งส่วนหนึ่งจะมีการประชุมทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลรัฐและเอกชน นอกจากนี้จะมีการตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อเข้ามาช่วยดูในส่วนของผู้ป่วยที่มี อาการหนัก
“เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ไม่มีประเทศใดสามารถสกัดกั้นการติดเชื้อของคนได้ และหลายประเทศถือเรื่องนี้เป็นโรคติดต่อตามปกติ ส่วนตัวเลขที่มีการรายงานนั้นเป็นตัวเลขที่มีการยืนยันโดยห้องปฏิบัติการ โดยในข้อเท็จจริงแล้ว ทุกประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ จะมีคนที่ติดเชื้อมากกว่าที่มีการรายงาน ไม่ใช่เรื่องการปิดบัง แต่เป็นหลักที่ทุกประเทศใช้ คือในช่วงแรกของการแพร่ระบาด จะมีการตรวจละเอียด และเมื่อเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดในถิ่นนั้นแล้ว จะไม่มีการมาตรวจในทุกกรณีแล้ว แต่จะตรวจในรายที่มีอาการหนัก เพื่อใช้ประกอบในการดำเนินการของบุคคลากรทางสาธารณสุข”นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราพยายามทำคือจะมีระบบการรักษาอย่างไร ไม่ให้เกิดการเสียชีวิต ซึ่งต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอัตราการเสียชีวิตของเราขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 0.4 ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยของโลก แต่ต้องทำให้ดีกว่านี้ ต้องดูว่าตรงไหนสามารถหยุดหรือบรรเทาการแพร่ระบาดได้ แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปพูดเรื่องการปิดประเทศ หรือการทำให้ชีวิตไม่ดำเนินไปตามปกติ เพราะตรงนี้เป็นแนวที่องค์การอนามัยโลกได้ยืนยันไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นและไม่เคยแนะนำในเรื่องการห้ามคนเดินทางหรือการทำอะไรทำนองนั้น ยกเว้นกรณีที่มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงถึงร้อยละ 1.5-2
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ครม.ได้สั่งการให้เร่งทำทีมเฉพาะกิจที่จะเข้ามาดูแลกรณีผู้ป่วยที่มีอาการหนัก โดยให้นายวิทยาเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะมีการระดมแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยให้ทันท่วงที ส่วนปริมาณยารักษา ขอยืนยันว่า ยังเพียงพอ
**”วิทยา”ชงครม.วันนี้ปิดร้านเกม-กวดวิชา
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จะมีการเสนอครม.ให้พิจารณาวันนี้(9 ก.ค.) ว่า จะขอความร่วมมือในการทำความสะอาดให้มากขึ้น หากจะมีการบังคับใช้กฎหมายจะต้องดูว่าได้หรือไม่ ก็จะมีการหารือในครม.วันนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่านายกฯบอกว่าพื้นที่ระบาดมีมากในโรงเรียนกวดวิชาและร้านเกมจะขอมติครม.ให้ปิด นายวิทยา กล่าวว่า การแพร่เชื้อหากเป็นในโรงเรียนประจำมันจะจำกัดวงได้ แต่หากเกิดขึ้นในโรงเรียนกวดวิชา นักเรียนมาจากทั่วทุกสารทิศทั่วประเทศ เชื้อก็จะมีโอกาสแพร่กระจายไปหมด เพราะโรงเรียนกวดวิชามีนักเรียนต่างจังหวัดมาเรียนด้วย และบางคนเรียนจากโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งแล้วก็ไปเรียนอีกที่หนึ่ง ส่วนร้านเกมก็เช่นกัน เพราะสถานที่ทั้งสองแห่งนี้มีสถิตินักเรียนติดเชื้อมากกว่า 70%
ด้านนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.กล่าวว่า ในวันนี้(9ก.ค.) สธ.จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาเพื่อสั่งปิดสถานประกอบที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ คือ ร.ร.กวดวิชา และร้านเกม เป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายโรค โดยจะหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาข้อกฎหมาย ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม ครม. ส่วนกรณีของร้านอาหาร ผับบาร์นั้นจะให้ทางกระทรวงที่รับผิดชอบไปพิจารณาก่อน เพราะหากไม่สามารถจัดการแหล่งที่ก่อให้เกิดการติดโรคอาจจะทำให้แก้ปัญหาได้