“มาร์ค” วอนคนไทยร่วมรับผิดชอบต่อสังคม หากติดหวัด 2009 ต้องหยุดเรียน หยุดงาน ไม่ร่วมกิจกรรมทางสังคม เชื่อ ส.ค.นี้ยอดผู้ติดเชื้อในไทยอาจถึงหลักแสน เผย 2 ใน 3 ผู้ติดเชื้อเป็นนักเรียน สั่งโรงเรียนต้องช่วยคัดกรองเด็ก เจอไม่สบายส่งกลับบ้าน ตัดการแพร่ระบาด โต้กระแสข่าวอาจมีคนตายถึง 1.2 พันคน ระบุแต่ละปีคนตายจากไข้หวัดธรรมดาปีละ 300 รายอยู่แล้ว ฝั่งพท.จี้รบ.หางบช่วยค่ารักษาพยาบาลแก่ประชาชน
วันนี้ (12 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่ายังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ และเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่อาจทำให้มีความสับสนและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันอยู่ แต่สิ่งสำคัญสุดคือเราต้องไม่ประมาท และต้องไม่ตื่นตระหนก โรคนี้เป็นปัญหาเพราะประชาชนทั่วไปไม่มีภูมิคุ้มกัน ทุกคนมีสิทธิติดเชื้อ และเป็นโรคนี้ได้ทั้งนั้น การแพร่กระจายของโรคยังติดได้ระหว่างคนต่อคน ในช่วงที่ยังไม่มีอาการ
ดังนั้นจะไปเทียบเคียงกับโรคไข้หวัดนก หรือโรคซาร์สไม่ได้ เพราะไข้หวัดนกจะไม่มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน ส่วนโรคซาร์สจะติดเชื้อกันได้ต่อเมื่อมีอาการหนักแล้ว ซึ่งขณะนี้มีกว่า 120 ประเทศทั่วโลกแล้วที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่ตัวเลขที่มีการรายงานกันนั้น ต่ำกว่าความเป็นจริงทั้งนั้น เนื่องจากมาตรฐานการปฏิบัติขององค์การอนามัยโลก และหลักวิชาการในเรื่องการระบาดวิทยานั้น การยืนยันตัวเลขคือที่ไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ แต่โดยปกติแล้วเมื่อมีการแพร่ระบาดในชุมนุม จะไม่มีการตรวจทุกราย เพราะไม่มีความจำเป็น เพราะแพทย์จะดูจากประวัติ และให้ยา โดยไม่ต้องรอผลในห้องปฏิบัติการ
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับตัวเลขที่เป็นทางการนั้น ประเทศที่มีประชากรใกล้เคียงกับไทยก็จะมีการรายงานตัวเลขใกล้เคียงกัน บางประเทศอาจสูงกว่าหรือต่ำกว่า เช่น อังกฤษ รายงานว่ามีคนติดเชื้อ 7,000 คน ส่วนไทยอยู่ที่กว่า 3,000 คน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าความจริงคนติดเชื้อมีมากกว่านั้นมาก เช่นที่อังกฤษ ก็มีการรายงานว่าในเดือน ส.ค.อาจมีผู้รับเชื้อถึงแสนคน ซึ่งตนก็เชื่อว่าประเทศไทยเองก็คงเป็นหลักหมื่นหรือใกล้เคียงหลักแสนเช่นกัน แต่คนจำนวนมากที่รับเชื้อแล้วไม่มีอาการหรือมีเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจากการติดตามและวิเคราะห์ผู้ที่เสียชีวิตในทุกกรณีจะพบว่าถ้าไม่มีโรคประจำตัว หรือโรคแทรกซ้อน และได้รับการรักษาพยาบาลแต่เนิ่นๆ โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกัน คือ ใครที่รู้ตัวว่ามีอาการ ไม่สบาย ขอให้มีความรับผิดชอบที่จะต้องไม่เข้าไปอยู่ในสังคม หากเป็นนักเรียนก็ต้องไม่ไปโรงเรียน หากทำงานก็ไม่ควรไป ควรหยุดทำงาน ตนได้ย้ำกับกระทรวงศึกษาฯ แล้วว่าจะไม่ให้มีผลกระทบ หากติดสอบก็สามารถไปสอบทีหลังได้
“ตัวเลขที่มีการยืนยันติดเชื้อนั้น ชัดเจนว่า 2 ใน 3 หรือมากกว่านั้นเป็นกลุ่มนักเรียน อยู่ในวัย 11-20 ปี ดังนั้น ในโรงเรียนทุกเช้าต่อไปนี้จะต้องมีการคัดกรอง เด็กคนไหนที่ไม่สบายจะต้องถูกส่งกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาเรื่องการแพร่ระบาด ส่วนโรงเรียนไหนที่มีคนไม่สบายจำนวนมาก ให้ใช้ดุลพินิจปิดเรียนไประยะหนึ่งเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด และอีก 2 จุดที่รัฐบาลมาดูชัดเจนคือโรงเรียนกวดวิชาที่กระทรวงศึกษาฯ ได้ใช้อำนาจขอให้หยุดดำเนินการ ส่วนร้านเกมไม่มีกฎหมายสั่งปิดได้ จึงขอให้ระวังและใช้ดุลยพินิจเป็นพิเศษ ส่วนมาตรการอื่นๆ เช่น การใส่หน้ากาก แม้ผู้เชี่ยวชาญยังถกเถียงกันว่าจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่อยากรณรงค์ว่าคนที่เข้าไปในโรงพยาบาลหรืองานที่มีคนจำนวนมาก ถ้าใส่หน้ากากก็จะช่วยลดการแพร่กระจายได้ ส่วนการล้างมือก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานที่ราชการหรือสถานประกอบการก็ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดให้มาก ซึ่งรัฐบาลจะรณรงค์ต่อไป”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทั้งยังบอกอีกว่า ในการจะไปหยุดกิจกรรมทางสังคมนั้น โดยหลักปฏิบัติทางสากลแล้ว การระบาดในระดับที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นยังไม่แนะนำให้ทำ แต่ประชาชนก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม หากติดเชื้อก็ไม่ควรไปร่วมงาน
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเดินหน้าป้องกันและลดการแพร่ระบาด รวมทั้งจะดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด ไม่ให้จำนวนผู้เสียชีวิตเป็นไปอย่างที่มีการคาดการณ์กัน ส่วนเรื่องยาหรือวัคซีนนั้น เราบริหารจัดการให้มีเพียงพอ และกำลังมีการเจรจาเพื่อให้มีการลดราคายาลง รวมทั้งยังได้มีการจองและเริ่มต้นทดลองผลิตวัคซีนด้วย ซึ่งคาดว่าจะผลิตออกมาได้ และได้รับการจัดสรรจากประเทศต่างๆ ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั่วโลกยอมรับแล้วว่าโรคนี้จะอยู่กับเราไปอย่างน้อยอีก 2-3 ปี ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ สิ่งสำคัญคือการดูแล ป้องกัน และการรักษา
ทั้งนี้ ขอทำความเข้าใจถึงข่าวที่ระบุว่าจะมีคนเสียชีวิตถึง 1.2 พันคนนั้น หมายถึงไม่มีมาตรการมาเร่งคัดกรองและดูแลรักษาพยาบาลให้ถูกต้องเป็นพิเศษ แต่ถ้าทำได้ดีก็จะลดลงมาได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งแม้จะยังดูเป็นจำนวนมาก แต่ในแต่ละปีเรามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดธรรมดาปีละกว่า 300 คนอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นตระหนก รัฐบาลจะดำเนินการมาตรการต่างๆ ที่เหมาะสมตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ซึ่งเราได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ มีศูนย์เฝ้าระวัง และสายด่วนขึ้นมาดูแล ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งองค์กรเอกชน มูลนิธิที่ออกมาช่วยรณรงค์ในเรื่องนี้
พท.จี้ รบ.หางบรักษาพยาบาลช่วยปชช.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและไม่มีแนวโน้มยุติ ตนจึงขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่งบัญชาการและกำหนดให้การป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อตั้งศูนย์แห่งชาติบูรณาการในการแก้ไขปัญหา และให้รัฐบาลควบคุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพจัดหางบประมาณในการรักษาพยาบาลเพื่อช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากพรรคได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับอัตราค่าตรวจและการรักษาพยาบาล ถ้าไม่เร่งดำเนินการจะเกิดความเสียหายมาก