นายกฯ เปิดโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ห่วงใช้ยาพร่ำเพรื่อทำผู้ป่วยไม่สนองต่อยา “วิทยา” เผย WHO หนุนงบ 70 ล้านบาท สร้างโรงงานต้นแบบ ระบุสั่งจองวัคซีนป้องกันหวัดสำเร็จรูปไว้ 2 ล้านโดส ชี้หากผลการทดลองได้ผลดีจะสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ประมาณ 2 ล้านโด๊สต่อเดือน และมีราคาถูกกว่าวัคซีนสำเร็จรูปที่สั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างมาก ด้านกระทรวงวิทย์ เจ๋งวิจัยเชื้อไวรัสผลิตวัคซีน เหลือแค่ขั้นทดลอง
วันนี้ (12 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่มหาวิทยาศิลปากร จ.นครปฐม โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ เป็นภัยคุกคามของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมามีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้น เช่น โรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือปัญหาโรคอุบัติใหม่จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ จากหลายปัจจัย เช่น สภาวะโลกร้อน ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่เท่านั้น โรคระบาดที่เคยหายไปก็จะกลับมาระบาดเช่นกัน ซึ่งการรับมือเชื้อโรคระบาดเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐจะต้องดำเนินการ
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เมื่อเปรียบเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่เคยระบาดเมื่อร้อยปีที่ผ่านมาพบว่า ขณะนั้นมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากกว่าในปัจจุบันมาก ทั้งๆ ที่ในอดีตการเดินทางข้ามประเทศยังมีน้อยกว่าปัจจุบัน อย่างไรก็ตามต้องเอาจริงเอาจังกับโรคระบาดที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละโรคก็มีลักษณะเฉพาะของโรคนั้นๆ เช่น โรคไข้หวัดนกเป็นการติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนไม่ใช่การติดต่อจากคนสู่คน เหมือนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การตัดวงจรการแพร่ระบาดจึงทำได้ง่ายด้วยการฆ่าสัตว์ปีก ซึ่งวิธีการนี้นำมาใช้ไม่ได้ในการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเป็นการติดต่อจากคนสู่คน
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญในการชะลอการแพร่ระบาด คือ การป้องกันแต่อยู่ในความพอดี การจะตัดสินใจใช้มาตรการใดต้องพิจารณาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งที่ผ่านมามีคำถามเกิดขึ้นในสังคมเป็นอย่างมากว่า ต้องมีการจำกัดการเดินทาง ปิดประเทศ หยุดเรียนพร้อมกันทั้งประเทศ หรือหยุดกิจกรรมบางอยางหรือไม่ โดยหากจะดำเนินการมาตรการใด ต้องตั้งอยู่บนฐานข้อมูลของนักระบาดวิทยา ซึ่งรัฐบาลติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหากจะใช้มาตรการใดๆ คงต้องอธิบายกับสังคมได้
“ต้องยอมรับว่าตัวเลขผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ สธ.รายงานเป็นเฉพาะกรณีที่มีการส่งเชื้อตรวจในห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่าที่ สธ.มีการรายงาน ขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีการปิดบังข้อมูลหรือจงใจสร้างปัญหาแต่การดำเนินการเป็นไปตามระบบสากล ซึ่งขณะนี้มุ่งเน้นไปที่โรงเรียนและสถาบันกวดวิชา เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ 2 ใน 3 เป็นกลุ่มนักเรียนอายุ 11-20 ปี ส่วนการผลิตวัคซีนและยาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดและบรรเทาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคได้โ ดยขณะนี้ สธ.กำลังเจรจาลดราคาวัตถุดิบผลิตยาต้านไวรัสเพื่อให้ปัญหาการเข้าไม่ถึงยาของประชาชนลดน้อยลง ส่วนวัคซีนที่สั่งจองไว้กับบริษัทผู้ผลิตจะมาถึงไทยในช่วงเดือนตุลาคมนี้”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ห่วงใช้ยาพร่ำเพรื่อผู้ป่วยไม่สนองยา
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ขอฝากข้อคิด 3 ข้อ คือ 1 ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงของโรค ว่าจะไม่หยุดนิ่งแต่จะต้องมีการแพร่ระบาดต่อไปอีก 1-2 ปี และมีคนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก 2 ต้องติดตามปฏิกิริยาจากการใช้ยาในการรักษาโรคนี้ เนื่องจากขณะนี้ในบางประเทศพบกรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาที่ใช้ในการรักษา ซึ่งอาจเป็นเพราะบางพื้นที่ให้ยากับผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะฉะนั้นไทยต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นข้อเตือนใจว่าการตัดสินใจในทุกเรื่องส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ บุคลากรจึงต้องทำงานตลอดเวลา และ 3 แม้ยาและวัคซีนจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่คนในสังคมต้องฝึกนิสัยและมีพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อตนเองและสังคมโดยเพาะผู้ป่วยหากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบปรึกษาแพทย์ และหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อรวมถึงการล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนกลางจะมีส่วนอย่างมากในการบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค
ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า โรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นโรงงานต้นแบบที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้รับทุนจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO จำนวน 70 ล้านบาท โดยขณะนี้สามารถดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลได้แล้ว และมีความพร้อมในการนำเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเชื้อเป็น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของประเทศรัสเซีย เพื่อนำมาผลิตเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเชื้อจะมาถึงประเทศไทยในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้ สำหรับวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดสำเร็จรูปที่สั่งนำเข้านั้น ให้ อภ.จองไว้ 2 ล้านโดส โดยล็อตแรกนำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศสและจะมาถึงประเทศไทยในเดือนตุลาคมนี้ ในราคา 5 ยูโรต่อโดส แต่บริษัทผู้ผลิตจะไม่รับรองในผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับวัคซีนนี้ โดยเป็นสัญญาที่ทุกประเทศจะต้องยอมรับเหมือนกันทั่วโลกในการสั่งจองวัคซีน
“สำหรับประชาชนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเป็นกลุ่มแรก คาดว่าน่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพราะเป็นทั้งด่านแรกและด่านสุดท้ายที่ต้องพบเจอกับผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม จะมีประชาชนกลุ่มไหนอีกบ้างที่จำเป็นต้องได้รีบวัคซีน ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง”นายวิทยากล่าว
กระทรวงวิทย์เจ๋งวิจัยเชื้อไวรัสผลิตวัคซีน เหลือแค่ขั้นทดลอง
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่แยกได้จากผู้ป่วยคนไทยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ.ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดำเนินการวิจัยเพื่อให้ได้เชื้อไวรัสต้นแบบเพื่อนำไปพัฒนาและผลิตเป็นวัคซีนต้นแบบ ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงการทดสอบความสามารถในการเพิ่มจำนวนให้ได้ปริมาณมาก ความเสถียร ความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดลอง เมื่อเรียบร้อยจะส่งมอบให้อภ.ทันที
“ได้เชิญนักวิจัย ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล และดร.อรปรียา ทรัพย์ทวีวัฒน์ จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในการวิจัยสร้างไวรัสต้นแบบด้วยเทคโนโลยีรีเวอร์สเจเนติกส์ทั้งชนิดที่ใช้ผลิตวัคซีนเชื้อเป็น และดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา จากศูนย์พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) ที่จะสร้างไวรัสต้นแบบที่ผลิตเป็นวัคซีนเชื้อตาย ด้วยเทคนิกวิธีเดียยวกัน” ดร.คุณหญิงกัลยากล่าว
ชี้โรงงานผลิตวัคซีนหวัด 2009 ได้ 2 ล้านโดส/เดือน
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม เป็นโรงงานกึ่งอุตสาหกรรม ที่จะใช้การผลิตวัคซีนจากเชื้อชนิดเป็น ทำให้ได้วัคซีนจำนวนมาก และเป็นวัคซีนชนิดพ่นเข้าจมูกไม่ใช้วิธีการฉีดเข้ากล้ามเนื้อแบบวัคซีนชนิดเชื้อตาย โดยโรงงานแห่งนี้จะสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาลได้สูงสุดประมาณ 2-10 ล้านโดสต่อปี แต่หากใช้เชื้อเป็นในการผลิตเฉพาะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะผลิตได้มากกว่าสายพันธุ์ตามฤดูกาลถึง 30 เท่าขึ้นไป โดยหากผลการทดลองได้ผลดีจะสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ประมาณ 2 ล้านโดสต่อเดือน และมีราคาถูกกว่าวัคซีนสำเร็จรูปที่สั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากเชื้อเป็นที่ได้รับเชื้อเป็นจากรัสเซียแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้
“ขณะนี้ได้สั่งจองวัคซีนชนิดเชื้อตายจากบริษัทผู้ผลิตล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโด๊ส วงเงิน 5 ล้านยูโร โดยเป็นงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ส่วนเหตุที่ต้องสั่งจองวัคซีนเชื้อตายขณะที่อภกำลังจะผลิตวัคซีนเชื้อเป็น เพราะมีคนบางกลุ่มอาจไม่สามารถใช้วัคซีนที่ทำจากไวรัสเชื้อเป็นได้ เช่น ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ถึงลงโป่งพอง และผู้สูงอายุ จึงต้องมีการเตรียมวัคซีนไว้ทั้งสองแบบ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดไม่ต่างกัน” นพ.วิทิตกล่าว