xs
xsm
sm
md
lg

สช.เดินหน้าตั้งสำนักงาน 5 จว.ใต้ หนุน ร.ร.สอนศาสนาเอกชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“จุรินทร์” ไฟเขียวให้ สช.เดินหน้าตั้งสำนักงานการศึกษาเอกชน 5 จังหวัดใต้ หนุน ร.ร.สอนศาสนาเอกชน เผยเปิดแห่งที่ปัตตานี 10 พ.ค.นี้ พร้อมเตรียมต่อยอดขยายผลระบบเรียนทางไกลของโรงเรียนวังไกลกังวล

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งตนเป็นประธาน มีวาระสำคัญในการพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนอำเภอในทุกอำเภอของจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย) มีนายอำเภอเป็นประธาน การอนุมัติจัดตั้งสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอในพื้นที่ข้างต้นรวม 37 อำเภอ รวมทั้งอนุมัติกำลังพนักงานราชการและครูจัดสรรเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา หรือช่วยสอนแก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และโรงเรียนปอเนาะในพื้นที่รวม 1,406 อัตรา

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและกำกับดูแลโรงเรียนเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของโรงเรียนในพื้นที่ ให้มีคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้นในระยะยาว โดยตนจะเดินทางไปเปิดสำนักงานการศึกษาเอกชนในพื้นที่แห่งแรกที่จังหวัดปัตตานีในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ รวมทั้งไปเปิดสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

นายจุรินทร์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ประชุมคณะทำงานพัฒนาการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อสร้างและพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยได้ข้อสรุปว่าจะเร่งรัดให้เริ่มต้นดำเนินการในปีการศึกษา 2552 ที่จะถึงนี้ ในกลุ่มนักเรียนช่วงชั้นที่ 2-4 หรือชั้น ป.4 ถึง ม.6 โดยตั้งคณะทำงาน 3 ชุดในแต่ละวิชาเพื่อพิจารณาแนวทางรายละเอียดในการปฏิบัติ เบื้องต้นจะเป็นการต่อยอดจากเทคโนโลยีการเรียนการสอนทางไกลของโรงเรียนวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีทั้งการผลิตสื่อการเรียนการสอน การเปิดห้องเรียนพิเศษ และการให้ครูที่มีความเชี่ยวชาญมาสอนผ่านดาวเทียม โดยอาจเป็นลักษณะการผสมผสาน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กว่า 30,000 แห่ง ได้มีโอกาสเข้าถึงเนื้อหาการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะโรงเรียนที่ขาดแคลนครูในวิชาหลักข้างต้น รวมถึงกลุ่มเด็กชายขอบที่ด้อยโอกาส ทั้งนี้ เพื่อดำเนินตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กำลังโหลดความคิดเห็น