“ชัยวุฒิ” งง! นศ.ติด F อ้างระบบแอดมิชชันมีปัญหา มหา'ลัยจะขอรับตรงมากขึ้น ฟังไม่ขึ้น สั่ง ทปอ.ศึกษาระบบคัดเลือกพบจุดบกพร่องให้แก้ พร้อมให้เอกชนมีส่วนร่วมร่างหลักสูตรหวังผลิตบัณฑิตสอดคล้องตลาดแรงงาน
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจและสับสน ในกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยเรียนติด F แล้วมาอ้างว่าเกิดจากระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาโดยระบบกลาง หรือ แอดมิชชัน เพราะระบบการคัดเลือกมาจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพราะฉะนั้นต้องไปศึกษาว่าเกิดความบกพร่องตรงจุดไหน อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยจ้องจะเปิดรับตรง เพราะปัจจุบันนี้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้ามามากขึ้นเรื่องจะรับตรง โควตาเด็กเก่ง ถ้าหากให้มหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเพิ่มมากขึ้น หรือรับ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วเด็กที่ผ่านมาระบบแอดมิชชันจะเหลือที่นั่งและคณะ สาขา ให้เลือกน้อยลง หากเป็นเช่นนี้จะมีปัญหาตามมาอีก
“ทปอ.ควรมาศึกษาให้ลึกลงไปว่า ปัญหาการคัดเลือกเด็กมีจุดบกพร่องตรงไหนแล้วค่อยมาแก้ไข เพื่อให้ได้เด็กตรงตามสาขานั้นจริงๆ พร้อมกันนี้ ทปอ.ควรมีการหารือกันด้วยว่า แต่ละมหาวิทยาลัยจะผลิตบัณฑิตสาขาไหน จำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งดูตลาดแรงงานที่จะรองรับบัณฑิตด้วย เพื่อลดปัญหาเรียนจบแล้วไม่มีงานทำ หรือทำงานไม่ตรงตามสาขาที่เรียน และอยากฝากให้มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำหลักสูตร เขาจะกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าทำงาน”
นายชัยวุฒิ กล่าวถึงกรณีผู้ที่เรียนหลักสูตรครู 4 ปี ไม่สามารถขอใบประกอบวิชาชีพครู ว่า ขณะนี้ได้ให้คุรุสภา ออกใบรับรองใบประกอบวิชาชีพชั่วคราว และให้นักศึกษาที่เรียนหลักสูตรเก่าไปเทียบโอนวิชาแล้วเรียนเพิ่มเติมให้ครบ หรือจะเรียนเพิ่มเติมอีก 1 ปี เมื่อเรียนครบแล้วคุรุสภาจะออกใบประกอบวิชาชีพจริง
“นักศึกษารุ่นนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างการใช้หลักสูตร 4 ปี กับ 5 ปี อีกอย่างหนึ่งมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้ข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้เรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จึงเยียวยาเรื่องนี้โดยให้ผู้ที่จบหลักสูตร 4 ปี ได้ใบรับรองประกอบวิชาชีพชั่วคราวเพื่อไปสมัครงาน แต่กำชับให้ไปเรียนเพิ่ม อบรม ในส่วนที่ขาดกับมหาวิทยาลัยให้ครบตามหลักสูตร 5 ปี จะได้รับใบรับรองวิชาชีพจริง” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนรู้สึกแปลกใจและสับสน ในกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยเรียนติด F แล้วมาอ้างว่าเกิดจากระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาโดยระบบกลาง หรือ แอดมิชชัน เพราะระบบการคัดเลือกมาจากที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพราะฉะนั้นต้องไปศึกษาว่าเกิดความบกพร่องตรงจุดไหน อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยจ้องจะเปิดรับตรง เพราะปัจจุบันนี้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้ามามากขึ้นเรื่องจะรับตรง โควตาเด็กเก่ง ถ้าหากให้มหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเพิ่มมากขึ้น หรือรับ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วเด็กที่ผ่านมาระบบแอดมิชชันจะเหลือที่นั่งและคณะ สาขา ให้เลือกน้อยลง หากเป็นเช่นนี้จะมีปัญหาตามมาอีก
“ทปอ.ควรมาศึกษาให้ลึกลงไปว่า ปัญหาการคัดเลือกเด็กมีจุดบกพร่องตรงไหนแล้วค่อยมาแก้ไข เพื่อให้ได้เด็กตรงตามสาขานั้นจริงๆ พร้อมกันนี้ ทปอ.ควรมีการหารือกันด้วยว่า แต่ละมหาวิทยาลัยจะผลิตบัณฑิตสาขาไหน จำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งดูตลาดแรงงานที่จะรองรับบัณฑิตด้วย เพื่อลดปัญหาเรียนจบแล้วไม่มีงานทำ หรือทำงานไม่ตรงตามสาขาที่เรียน และอยากฝากให้มหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำหลักสูตร เขาจะกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าทำงาน”
นายชัยวุฒิ กล่าวถึงกรณีผู้ที่เรียนหลักสูตรครู 4 ปี ไม่สามารถขอใบประกอบวิชาชีพครู ว่า ขณะนี้ได้ให้คุรุสภา ออกใบรับรองใบประกอบวิชาชีพชั่วคราว และให้นักศึกษาที่เรียนหลักสูตรเก่าไปเทียบโอนวิชาแล้วเรียนเพิ่มเติมให้ครบ หรือจะเรียนเพิ่มเติมอีก 1 ปี เมื่อเรียนครบแล้วคุรุสภาจะออกใบประกอบวิชาชีพจริง
“นักศึกษารุ่นนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างการใช้หลักสูตร 4 ปี กับ 5 ปี อีกอย่างหนึ่งมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้ข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้เรียน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จึงเยียวยาเรื่องนี้โดยให้ผู้ที่จบหลักสูตร 4 ปี ได้ใบรับรองประกอบวิชาชีพชั่วคราวเพื่อไปสมัครงาน แต่กำชับให้ไปเรียนเพิ่ม อบรม ในส่วนที่ขาดกับมหาวิทยาลัยให้ครบตามหลักสูตร 5 ปี จะได้รับใบรับรองวิชาชีพจริง” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
