xs
xsm
sm
md
lg

ปีแห่งวิบากกรรม “อภิรักษ์ โกษะโยธิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิรักษ์ โกษะโยธินเดินทางมาพร้อมกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรในวันรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ปี 2251 ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่บุคคลที่โดดเด่นที่สุดและมีข่าวคราวร้อนแรงที่สุดแห่งปีเห็นจะหนีไม่พ้น “นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้จะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ รอบ 2 ได้ด้วยคะแนนเฉียด 1 ล้านคะแนน แต่ก็ไม่สามารถฝ่าด่านวิบากกรรมในคดีรถดับเพลิงไปได้ กระทั่งต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งและเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 11 ม.ค.52

นอกจากนี้ ยังมีข่าวเด่นประเด็นร้อนอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

  • บีอาร์ทีพ่นพิษ-ส่วนต่อขยาย BTS ค้างเติ่ง

    ประเดิมศักราชใหม่ไม่ทันไร  ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ช่วงโค้งสุดท้ายปลายสมัยผู้ว่าฯ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ก็ร้อนระอุไม่หยุดไม่หย่อน เมื่อ “คุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน ” อดีตปลัด กทม.ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบการประกวดราคาจัดซื้อรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที จำนวน 45 คัน มูลค่า 387 ล้านบาท ส่อเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้วฯ) เหตุจัดซื้อแพงเกินจริง!!
     
    ดังนั้น ด้วยนโยบาย  “โปร่งใส ตรวจสอบได้” ที่ นายอภิรักษ์ ยืนยันอย่างสม่ำเสมอจึงสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปตามระเบียบแต่สุดท้ายผลสรุปออกมาว่าการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวไม่ขัดระเบียบพัสดุ กทม.เนื่องจากพบแค่เพียงความผิดปกติที่ผู้ถือหุ้นบริษัทผู้ชนะการประมูล และบริษัทผู้ร่วมแข่งขันมีชื่อถือหุ้นร่วมกันในอีกบริษัทแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.ฮั้วฯ หรือไม่ ขณะที่ บ.เบสท์รินฯ ผู้ชนะการประกวดราคาเตรียมเรียกค่าชดเชยจากกทม.จากการหยุดผลิตรถ ...
     
    ขณะที่ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯ ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร ที่ยังคงค้างเติ่งมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ใกล้จะได้ฤกษ์ทดลองเดินรถจริงๆ เสียที หลังเจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจากที่กำหนดทดลองวิ่งเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีอันต้องเลื่อนไป จนท้ายที่สุดสรุปแน่ๆเมษายนปีหน้าเดินรถได้ชัวร์ ส่วนเต็มรูปแบบเดือนสิงหาคม 2552 จริงๆ
     

  • “อภิรักษ์” คว้าชัยพ่อเมืองกรุงสมัย 2 ก่อนตกเก้าอี้ด้วยพิษรถดับเพลิง
     
    4 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก!! การดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ของ นายอภิรักษ์ ศิษย์พระแม่ธรณีบีบมวยผม ก็มีอันต้องยุติลงตามวาระ โดยไม่ขอรักษาการ หลังเจ้าตัวประกาศรักษาเก้าอี้พ่อเมืองกรุงต่อเป็นสมัยที่ 2 ตามฉันทามติของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ไม่มีใครเหมาะสมเท่า “หล่อเล็ก” คนนี้อีกแล้ว...
     
    สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หนนี้ มีผู้ท้าชิงถึง 16 คนด้วยกัน แต่ที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเจ้าของเก้าอี้เดิมก็เห็นจะเป็นเจ้าของหนวดมหาเสน่ห์  นัยตากรุ้มกริ่ม “นายประภัสร์ จงสงวน” ที่ยอมลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กระโดดสู้ศึกในนามพรรคพลังประชาชน และอีกคนที่จะขาดไม่ได้ ก็คือ “เสี่ยอ่าง - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ที่เน้น “แฉ” สารพัดโครงการอัปยศในยุคอภิรักษ์เพื่อตัดคะแนนเสียงเรียกคะแนนนิยมเข้าตัว ส่วนเจ้าของนโยบายทำสงครามกับแมลงสาบอย่าง “ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์” ผู้มาพร้อมกับสโลแกน “ดร.แดน  Can Do” แคนดิเดตที่พอจะเข้าตาอีกราย แต่สุดท้ายผู้สมัครจากค่ายประชาธิปัตย์ก็ยังสามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จด้วยคะแนนเสียง  991,018 คะแนน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างนายประภัสร์ ขาดลอย ส่งผลให้ นายอภิรักษ์ กุมบังเหียนเก้าอี้เสาชิงช้าอีกครั้ง

    แต่เพียงแค่เดือนเศษๆ ฟ้าก็ผ่ากลางศาลาว่าการ กทม.เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด 9:0 เสียงในคดีทุจริตจัดซื้อรถ เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 กับผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 9 คน ซึ่งรวมถึง “คุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน ”อดีตปลัด กทม.และ “พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ” อดีต ผอ.สปภ ฐานผิดวินัยร้ายแรง
     
    แน่นอนว่า เสียงบริสุทธิ์เกือบล้านคะแนน ไม่อาจทัดทานคำตัดสินของ ป.ป.ช.ที่มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดได้ ท้ายที่สุด นายอภิรักษ์ ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งทั้งที่เพิ่งทำงานได้แค่เดือนกว่าๆ เพื่อสร้าง “มาตรฐานทางการเมืองใหม่” ที่ประชาธิปัตย์เรียกร้องตลอดมาส่งผลให้กทม.ต้องเลือกตั้งผู้ว่าฯอีกครั้ง!! ที่สำคัญ กลายเป็น “บทเรียน”อันแสนจะเจ็บปวดที่ต้องจดจำสำหรับผู้ชายที่ชื่อ “อภิรักษ์” ไปตลอดกาล

  • “สมัคร” งานเข้า! ข่าวสินบนฉาวข้ามชาติ  
     
    ปีนี้ช่างเป็นปีทองของผู้ชายที่ชื่อ “สมัคร สุนทรเวช” โดยเฉพาะกรณีบุญหล่นทับได้เป็นถึงอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จนได้สัมผัสเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” คนที่ 25 ของประเทศไทยก่อนที่จะตกเก้าอี้ในเวลาต่อมา

    อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ กทม.นั้น แม้ นายสมัคร จะพ้นเก้าอี้ไปนานพอสมควร แต่ก็ยังมีข่าวฉาวมาต้องให้นอนสะดุ้ง เมื่อ “สำนักข่าวเกียวโดนิวส์” แห่งเมืองปลาดิบ ก็เผยแพร่ รายงานข่าวอดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนิชิมัตสึ คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของญี่ปุ่นให้ “สินบน” กับเจ้าหน้าที่กทม.กว่า 400 ล้านเยน หรือ 125 ล้านบาทเพื่อแลกรับสัมปทานโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ-คลองลาดพร้าวมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เมื่อปี 2546 “สมัยที่นายสมัคร เป็นผู้ว่าฯกทม.” พอดิบพอดี!!
     
    งานนี้ กทม.ในยุค นายอภิรักษ์ ก็รีบโดดออกมารับลูกสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูล ข้อเท็จจริงจากทางการญี่ปุ่น แต่สุดท้ายผลสอบ กทม.ก็ไม่พบพิรุธสินบนฉาว ขณะที่ญี่ปุ่นก็ปัดให้ข้อมูลอ้างเป็นความลับทางราชการ…?
     
    ส่วนคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎรที่ออกมาร่วมวงษ์ไพบูลย์ ตรวจสอบถึงขนาดจะบินไปญี่ปุ่น..แต่ก็อดเพราะขัดขากันเอง แม้จะมีรายงานข่าวเพิ่มเติมจากญี่ปุ่นว่ามีบุคคลอักษรย่อ ส.2 คน และ ธ.อีก 1 คนเกี่ยวข้องกับเงินใต้โต๊ะนี้ก็ตาม!!!
      

  • ลุ้นระทึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ ยกสอง
     
    เมื่อจำเป็นต้องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ทดแทน “คนเก่า” ที่สะดุดขาตัวเองจนล้ม สนามชิงชัยผู้ว่าฯกทม.ก็กลับมาคึกคักอีกครั้งมีผู้สมัครถึง 14 คน ซึ่งที่เข้าตาก็มีเพียง 4 คนเท่านั้น

    เริ่มที่ผู้สมัครจากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม “ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ที่ขอสานต่อนโยบาย “อภิรักษ์” ให้สำเร็จทั้งส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสไปฝั่งธนฯที่จะต้องทดลองวิ่งไม่เกินพฤษภาคมปีหน้า ขณะที่สายอ่อนนุช-แบริ่ง ปี 2553 ก็ต้องได้ใช้บริการเช่นกัน และที่จะขาดไม่ได้ก็คือรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีที่จะต้องเร่งรัดเปิดให้บริการโดยเฉพาะสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ที่ยังหาทางออกไม่ได้เพราะมีสถานีแต่ไม่มีรถวิ่ง !!
     
    ตามด้วย ขวัญใจแม่ค้า “แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี” จากพรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านหมาดๆ ที่จะขอโอนรถเมล์จากขสมก.มาทำรถเมล์ท้องถิ่น กทม.พร้อมผลักดันรถไฟฟ้าไปฝั่งธนฯให้ได้ใช้ภายใน 6 เดือน แถมเสนอสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวเชื่อมการเดินทางจากพื้นที่ต่างๆกับระบบรถไฟฟ้า แต่ไม่รู้จะเป็นจริงได้แค่ไหนขนาดเป็นรัฐบาลมาหลายสมัยรถไฟฟ้าซักสายก็ยังไม่เสร็จซักที !!?
     
    ต่อด้วย “แก้วสรร อติโพธิ” นักตรวจสอบมือ 1 จากกลุ่มกรุงเทพฯใหม่ ที่เสนอทำรถไฟฟ้าคร่อมเส้นทางรถไฟสายเหนือถึงรังสิต และสายใต้ถึงตลิ่งชันโดยระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรกทม.ซึ่งเส้นทางที่รถไฟฟ้าผ่านโดยเฉพาะถนนเพชรเกษมเตรียมเปิดเป็นพื้นที่เมืองใหม่ลดความแออัดในกทม.ชั้นในช่วยแก้ไขจราจรแต่เรื่องนี้ต้องดูกันอีกนานเพราะแค่ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยยกเลิกวิ่งทั้ง 2 สายคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอน!!
     
    ส่งท้ายด้วย “ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล-คุณปลื้ม” ที่ขอส่งตัวเองในนามอิสระ ที่ยืนยันหากได้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะทำรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกทม.ให้สำเร็จ แถมเดินหน้าโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ทีให้แล้วเสร็จ นโยบายนี้ไม่ได้แปลกใหม่สำหรับคนกทม.เลย ถ้าติดตามดูก็จะรู้ว่า “บีอาร์ที” นี้เป็นของใครแต่หากดูตามสโลแกน “ผมขออาสาซ่อมกรุงเทพฯ” จึงไม่จำเป็นต้องผุดนโยบายใหม่แค่ทำของเดิมให้เสร็จก็เป็นพอ หรือคิดอีกแง่ “ผม No Idea ”!!?
     
    ...เอาเป็นว่ารักใคร ชอบใคร 11 ม.ค.52 อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้พร้อมหน้าเพื่อที่จะได้คนดีมีความสามารถมาบริหารงานกรุงเทพมหานคร (กทม.) กันต่อไป

  • คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า ในวันที่ 11 ม.ค.52 นี้ใครจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.
    คณะผู้บริหารของนายอภิรักษ์ที่ทำหน้าที่เพียงแค่ไม่เดือนเศษๆ
    โครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ที่ยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น
    กำลังโหลดความคิดเห็น