xs
xsm
sm
md
lg

ณฐนนท์ร่ำรวยผิดปกติป.ป.ช.เตรียมเรียกชี้แจง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ (29 ก.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังการประชุม นายกล้านรงค์ จันทึก โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า จากการที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้ตั้งอนุกรรมการ ไต่สวนคุณหญิงณฐนนท์ ทวีสิน อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร กรณีร่ำรวยผิดปกติ จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนั้น พบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จากการตั้งอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องนี้ ซึ่งมีนาย ประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. เป็นประธานอนุไต่สวน ในเรื่องนี้ต้องให้ คุณหญิงณฐนนท์มาชี้แจงว่าจำนวนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นนั้นมาอย่างไร

ชัยแจงกกต.ถือหุ้นโรงโม้ไม่ผิด
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (29 ก.ค.) นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เดินทางมาที่สำนักงาน กกต. เพื่อเข้าชี้แจงในกรณีที่ถูกร้องว่ามีหุ้นในบริษัทโรงโม่หินและทำสัมปทานกับรัฐต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยหาข้อเท็จจริง ที่มีนายประสาน สุสิกขโกศล เป็นประธาน
นายชัย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าชี้แจงว่า วันนี้ตนเดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้เตรียมข้อมูลเอกสารใดๆ มาทั้งสิ้น เตรียมแต่ใจมาและมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากอนุกรรมการต้องการทราบข้อเท็จจริงก็สามารถลงพื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่อไปตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามตนมั่นใจและพร้อมที่จะชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นประธานสภาฯจึงต้องโดน ตรวจสอบ นายชัยกล่าวว่า ในสังคมนี้เป็นธรรมดาที่ต้องมีการตรวจสอลบ และเราเป็นนักการเมืองยิ่งต้องให้ตรวจสอบและต้องให้เขาตรวจสอบได้ทุกเวลาตั้งแต่ตื่นนอน จนกว่าจะหลับและยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวตนบริสุทธิ์และการร้องเรียนก็ไม่ใช่เรื่อง การเมืองแต่ผู้ที่ร้องมีเจตนาบริสุทธิ์เขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าตนบริสุทธิ์ให้ตนโปร่งใส จึงขอบคุณเขาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้เป็นเพราะบริษัทไปรับสัมปทานจากรัฐจึงเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่เคยมีหรือทำสัมปทานกับรัฐ ตนเป็น ส.ส. มาตลอดก็ไม่เคยมีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐ ส่วนเรื่องหุ้นก็เป็นธรรมดา ที่ทุกคนต้องมีเพราะเป็นการทำมาหากินและเป็นหุ้นที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ และอยากชี้แจงว่าคำว่าสัมปทานกับประทานบัตรมีความแตกต่างกัน คำว่าสัมปทานคือทรัพย์ของแผ่นดินที่แผ่นดินให้เอกสิทธิกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ขออนุญาตทำสัมปทาน เช่นสัมปทานรถ สัมปทานปิโตรเลียม สัมปทานขุดเจาะเหมืองแร่ ฯลฯ ส่วนของตนนั้นเป็นกรณีที่เอาที่ดินของตนเองซึ่งเป็นกรรมสิทธิชอบด้วยกฎหมายแต่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินที่อยู่ใต้ที่ดินนั้นเป็นสินแร่เอมีสินแร่ก็ต้องนำ พ.ร.บ.แร่ปี 2510 มาใช้ซึ่งระบุให้ต้องขออนุญาตประทานบัตร และที่ผ่านมาเราก็ทำถูกต้องตามกฎหมายและที่ผ่านมาก็ไม่มีคำว่าสัมปทาน มีแต่ประทานบัตร เรื่องดังกล่าวขอเอาชีวิตเป็นประกัน จะไม่เอาตำแหน่งหน้าที่มาประกันเพราะเป็นแค่หัวโขน แต่จะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้าชี้แจงกว่า 3 ชั่วโมงครึ่งต่อ อนุกรรมการ กกต. ของนายชัย ชิดชอบ กรณีที่ถือหุ้นบริษัทโรงโม่หินซึ่งรับสัมปทานจากรัฐ โดย นายชัยปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของการสอบสวนโดยอ้างว่าเป็นความลับ แต่ระบุว่าต้องยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นเอกสารชนิดใด พร้อมทั้งกล่าวว่า ทางคณะอนุกรรมการไม่ได้กำหนดว่าจะต้องส่งเอกสารเมื่อไหร่ และไม่ได้บอกด้วยว่าจะสรุปสำนวนเมื่อใด แต่ทั้งนี้ก็เชื่อมั่นในความยุติธรรมของอนุกรรมการและ กกต.
ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในการชี้แจง นายชัยกล่าวว่า ตนเป็นประธานรัฐสภา ย่อมรู้กฎหมาย และส่วนตัวมั่นใจหมื่นเปอร์เซ็นต์ว่าบริสุทธิ์ และยืนยันว่า การถือหุ้น ในประทานบัตรเหมืองแร่ ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ที่ห้ามไปถือหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานจากรัฐ

ศาลรธน.วินิจฉัยวิรุฬ6ส.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (29 ก.ค.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพยานผู้ถูกร้องและผู้ร้องกรณีคำร้องที่ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรค หนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 269 หรือไม่ โดย มีนายองอาจ วงศ์วโรราฬ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะพยาน มีนายธวัช อรรธวรรัตน นายปัจจุคมน์ เจริญรัชต์ ในฐานะทนายความผู้ถูกร้อง เข้าร่วมเบิกความ และซักถาม
ทั้งนี้ในการไต่สวนคดีทั้งนายชัช ชลวร และ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ซักถามพยานถึงการยื่นจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัททรัพย์วัฒนาว่ามีผลอย่างไรในทางปฏิบัติและถือเป็นการสิ้นสุดขั้นตอนตามกฎหมาย แล้วหรือไม่ ซึ่งนายองอาจ ชี้แจงว่าบริษัทดังกล่าวได้มีการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อมีมติเลิกกิจการสองครั้ง คือวันที่ 20 ธ.ค. 2550 และ 15 ม.ค. 2551 จากนั้นจึงได้ยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัทเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2551 ซึ่งในรายงานของบริษัทระบุว่าได้หยุดประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี 2546
อย่างไรก็ตาม นายองอาจ ยังได้ชี้ว่า ระหว่างนี้ยังถือว่าบริษัท ทรัพย์วัฒนา ยังอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นตามกฎหมาย และหากมีการถือหุ้นอยู่ ก็เป็นการถือหุ้นเพื่อรอรับส่วนแบ่งที่ยังเหลือ หากระหว่างนี้มีการโอนหุ้นไปให้คนอื่น ก็ไม่จำเป็นที่ทางบริษัทจะต้องแจงให้สำนักทะเบียนธุรกิจได้รับทราบ
นายชัช ยังได้ซักถามถึงผลของการจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัท ซึ่ง นายองอาจชี้แจงว่าผลทางกฎหมายมีผลตั้งแต่ที่บริษัทมีมติให้เลิกกิจการ ส่วนการยื่นขอจดทะเบียนเลิกบริษัทเพื่อให้เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไปเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ประชุมใช้เวลาไต่สวนประมาณชั่วโมง นายชัช ได้สั่งให้คู่กรณีทำคำแถลงปิดคดีส่งมาให้ศาลภายใน 7 วันนับแต่วันนี้ พร้อมกับนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าววันพุธที่ 6 ส.ค.นี้เวลา 10.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น