xs
xsm
sm
md
lg

ชง รบ.ขยายสิทธิประโยชน์บัตรทอง เสนอตรวจสารเคมีในเลือดเกษตร “วิทยา” ย้ำเพิ่มงบรายหัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกษตรกรเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่จำเป็นต้องเจอสารเคมี อาทิ ยาปราบศัตรูพืชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต)
สปสช.ระดมความเห็นปรับปรุงระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า เสนอตรวจหาสารเคมีในเลือดเกษตรกรทุกปี ขยายสิทธิประโยชน์ตรวจสุขภาพประจำปี ตั้งกองทุนเฉพาะดูแลชนกลุ่มน้อย ใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทอง “วิทยา” ย้ำเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัวปี 2553 เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่ย่ำอยู่ที่เดิม

วันนี้ (26 ธ.ค.)ที่โรงแรมริชมอนด์ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปี 2551 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 18(13) ซึ่งกำหนดให้รับฟังความคิดเห็นทั่วไปจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นประจำทุกปี เพื่อระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการดำเนินการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

นายวิทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีการพัฒนาตลอดเวลา เพราะมีประเด็นที่ต้องปรับปรุงอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2551 ได้มีการเพิ่มประสิทธิประโยชน์หลายอย่าง เช่น การบริการทดแทนไต สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทั้งการฟอกเลือด การล้างไตทางช่องท้อง และการปลูกถ่ายไต สนับสนุนการเข้าถึงยาของประชาชน ในกลุ่มบัญชียา จ.(2) ซึ่งเป็นยาจำเป็นที่มีราคาแพง การให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกประเภท การให้สารเมทาโดนระยะยาวในการบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ติดสารเสพติดที่สมัครใจ และการยกเลิกการจำกัดความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน จากเดิมไม่เกินปีละ 2 ครั้ง เปลี่ยนเป็นผู้ป่วยสามารถใช้บริการนอกหน่วยบริการที่กำหนดได้ตามความจำเป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที ขณะที่งบประมาณรายหัวก็ได้รับเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2552 ได้รับงบประมาณ 2,202 บาทต่อประชากร

“สำหรับในปี 2553 งบประมาณรายหัวคงจะต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่ย่ำอยู่ที่เดิม มาตรฐานการให้บริการ ต่างๆ จะต้องดีขึ้น ทั้งนี้ได้หารือกับเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการตั้งรับภาวการณ์ตกงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2552 เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนที่ย้ายมาใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วย” นายวิทยา กล่าว

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอในการขยายสิทธิประโยชน์การตรวจสุขภาพประจำปี ถือเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าในปีแรกๆ อาจจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง แต่เป็นการเฝ้าระวังสุขภาพ ที่ช่วยให้เสียค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพถูกลงเพราะรู้ตัวและสามารถรักษาได้ทันท่วงที

ด้านนพ.วินัยสวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นในส่วนกลางนั้น ได้ดำเนินการระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลักประกันสุขภาพจากประสบการณ์จริงทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นระดับเขตพื้นที่ 13 เขต ทั่วประเทศ ซึ่งมีข้อเสนอที่น่าสนใจ เช่น การตรวจหาสารเคมีในกระแสเลือดของเกษตรกรทุกปี ให้ผู้รับบริการต่างด้าวที่มีเลข 13 หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 6-7 (บุตรมีบัตรทอง) ที่ถูกปลดสิทธิไปควรให้ได้รับสิทธิบัตรทองกลับคืนมา และควรจัดให้มีการกองทุน หรืองบประมาณเพื่อดูแลคนโดยเฉพาะชนกลุ่มน้อย การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านทันตกรรม เช่น การรักษารากฟัน การผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ให้บริการทางการแพทย์ และการใช้บัตรประชาชนเพียงบัตรเดียวสำหรับการรักษาพยาบาล เป็นต้น

“ข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้รับในครั้งนี้ จะนำเสนออนุกรรมการสิทธิประโยชน์ ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งในหลายประเด็น เช่น การตรวจหาสารเคมีในกระแสเลือดของเกษตรกรทุกปี จะต้องทำการศึกษาความคุ้มค่า เนื่องจากอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง จึงต้องพิจารณาว่า มีเกษตรกรที่มีความเสี่ยงในการตรวจมากน้อยเท่าไหร่ และต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ซึ่งหากศึกษาแล้วมีความคุ้มค่าน้อย ก็อาจใช้มาตรการอื่นที่คุ้มค่าในการป้องแทน” นพ.วินัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น