ข้าราชการพลเรือน ศธ.จี้ ก.ค.ศ.เร่งบรรจุข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าสู่ตำแหน่ง ก.พ.ภายใน 19 กุมภาพันธุ์นี้ ขู่เคลื่อนไหวใหญ่หากยังไม่เร่งดำเนินการ อ้างหากล่าช้าจะได้รับผลกระทบในการปรับตำแหน่งให้สูงขึ้น
นายวิศร์ อัครสันตติกุล นายกสมาคมข้าราชการพลเรือนและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ให้หน่วยราชการต่างๆจัดข้าราชการพลเรือนลงในแท่งตำแหน่งใหม่ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติเสนอต่อ ศธ. ให้ดำเนินการจัดบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค (2) ใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 เข้าสู่ตำแหน่ง ก.พ.ประเภทต่างๆตามกฎหมาย ก.พ. โดยเร็ว เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงตำแหน่งให้สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพอย่างเท่าเทียมกัน โดยการจัดคนเข้าสู่ตำแหน่งนั้นควรอาศัยเทียบเคียงจากคำชี้แจงของสำนักงาน ก.พ. และ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ตลอดจนเปรียบเทียบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหลักเกณฑ์ต่างๆของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ด้วย
นายวิศร์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ให้ ก.ค.ศ.เร่งดำเนินงานในเรื่องที่ค้างไว้ เช่น การบรรจุ แต่งตั้ง ย้าย เลื่อน การจัดคนลงกรอบอัตรากำลัง การปรับปรุงตำแหน่งให้สูงขึ้นฯลฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 ม.ค.2552 และให้ผู้บังคับบัญชาสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ภายในวันที่ 19 ก.พ.2552 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ 11 ธ.ค.2551 และเร่งให้ออกกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยระดับตำแหน่งและการให้ได้รับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งของบุคลากรทางการศึกษาอื่นเช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นๆในหน่วยงานเดียวกัน แต่หาก ศธ.ดำเนินการเรื่องนี้อย่างล่าช้า หรือทำให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นเดือดร้อน ก็จะมีการนัดรวมตัวกันเคลื่อนไหวใหญ่ที่ ศธ. ต่อไป
นายวิศร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้ตนในฐานะนายกสมาคมฯ และประธานองค์กรเครือข่ายสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แห่งประเทศไทย เร่งผลักดันเพื่อให้มีการสานต่อการแก้ไขหลักเกณฑ์การคำนวณเงิน กบข. โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อสมาชิก กบข.เป็นอย่างมาก และสมาชิกทั่วประเทศก็ได้เสนอชื่อมาเพื่อให้ยกเลิกกองทุนดังกล่าว
นายวิศร์ อัครสันตติกุล นายกสมาคมข้าราชการพลเรือนและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ เกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ให้หน่วยราชการต่างๆจัดข้าราชการพลเรือนลงในแท่งตำแหน่งใหม่ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติเสนอต่อ ศธ. ให้ดำเนินการจัดบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค (2) ใน พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 เข้าสู่ตำแหน่ง ก.พ.ประเภทต่างๆตามกฎหมาย ก.พ. โดยเร็ว เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการปรับปรุงตำแหน่งให้สูงขึ้น และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพอย่างเท่าเทียมกัน โดยการจัดคนเข้าสู่ตำแหน่งนั้นควรอาศัยเทียบเคียงจากคำชี้แจงของสำนักงาน ก.พ. และ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ตลอดจนเปรียบเทียบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหลักเกณฑ์ต่างๆของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ด้วย
นายวิศร์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ให้ ก.ค.ศ.เร่งดำเนินงานในเรื่องที่ค้างไว้ เช่น การบรรจุ แต่งตั้ง ย้าย เลื่อน การจัดคนลงกรอบอัตรากำลัง การปรับปรุงตำแหน่งให้สูงขึ้นฯลฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 ม.ค.2552 และให้ผู้บังคับบัญชาสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ภายในวันที่ 19 ก.พ.2552 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ 11 ธ.ค.2551 และเร่งให้ออกกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยระดับตำแหน่งและการให้ได้รับเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งของบุคลากรทางการศึกษาอื่นเช่นเดียวกับตำแหน่งอื่นๆในหน่วยงานเดียวกัน แต่หาก ศธ.ดำเนินการเรื่องนี้อย่างล่าช้า หรือทำให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นเดือดร้อน ก็จะมีการนัดรวมตัวกันเคลื่อนไหวใหญ่ที่ ศธ. ต่อไป
นายวิศร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติให้ตนในฐานะนายกสมาคมฯ และประธานองค์กรเครือข่ายสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แห่งประเทศไทย เร่งผลักดันเพื่อให้มีการสานต่อการแก้ไขหลักเกณฑ์การคำนวณเงิน กบข. โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อสมาชิก กบข.เป็นอย่างมาก และสมาชิกทั่วประเทศก็ได้เสนอชื่อมาเพื่อให้ยกเลิกกองทุนดังกล่าว