xs
xsm
sm
md
lg

“สุรพล” นำทัพ 30 อธิการบดี จี้ “สมชาย” ยุบสภา ปธ.มูลนิธิ 14 ตุลา ซัด ตร.ทำผิดหลักสลายฝูงชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้มข่าว
“สุรพล” เผยตัวแทนมหาวิทยาลัย 30 แห่ง ร่วมลงนามเรียกร้อง 4 ประการ ให้ นายกฯขอตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกราบทูลฯในหลวง เพื่อยุบสภา เพื่อลดความขัดแย้งรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในวัน 2 วัน นี้ พร้อมแสดงความเสียใจผู้ที่สูญเสียร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน ด้าน“หมอชูชัย” เตือน “สมชาย” รีบลาออก ก่อนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เหมือน “ทักษิณ” ซัดหยุดให้ข่าวบิดเบือน จี้ ส.ว.ตั้ง กก.สอบด่วน เสนอ ประทิน-รสนา เป็นประธาน วอน “หมอ” พูดความจริง คนตาย-แขนขาขาด เพราะอะไร  ขณะที่ประธานมูลนิธิ 14 ตุลาคม ซัด ตร.มิได้กระทำการตามหลักที่ถูกต้องของการสลายฝูงชน ชี้ ต้องขอโทษและหาคนผิดมาลงโทษ

ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า อธิการบดี และตัวแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยประมาณ 30 แห่ง ทั้งรัฐและเอกชนในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยศิลปากร ฯลฯ มาประชุมร่วมกัน เพราะเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ที่ขณะนี้เกิดความขัดแย้งรุนแรง เกรงว่า จะนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงภายใน 1-2 วันนี้ ดังนั้น อธิการบดีกว่า 20 แห่งได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องใน 4 ประการ ดังนี้

1.ขอแสดงความเสียใจต่อความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน และความเสียหายต่อสังคมไทยที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเลิกใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องยุติการดำเนินการต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ยุติมาตรการทุกอย่างที่จะนำไปสู่การปะทะเสียเลือด เสียเนื้อ ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯ ขอให้อยู่ในที่ตั้ง ไม่เคลื่อนไหวซึ่งจะก่อให้เกิดโอกาสในการปะทะกันได้

2.โอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นภายใน 1-2 วันนี้มีสูงมาก ที่ประชุมเห็นว่า หนทางเดียวที่จะทำให้ความขัดแย้งลดระดับ และเป็นหนทางแก้ปัญหาในระบอบประชาธิปไตย คือ ขอให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนทั่วประเทศ ข้อเรียกร้องนี้ไม่ได้หมายถึงว่าให้นายกฯ รับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เป็นวิถีในระบอบประชาธิปไตยตามปกติ ที่จะลดปัญหาความขัดแย้งได้ โดยขอให้มีการยุบสภาภายใน 2 วันนี้

3.ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ ประกอบด้วย บุคคลที่สังคมให้ความไว้วางใจมาไต่สวนตรวจสอบ เหตุการณ์ใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น หาคนผิดมารับผิดชอบทั้งในส่วนของรัฐบาล และประชาชนเพื่อเป็นหลักประกันว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

4.เมื่อมีการยุบสภาแล้วขอให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามกฎหมาย ประกาศนโยบายชัดเจนว่าจะสนับสนุนให้มีการปฏิรูประบบการเมืองการปกครอง ซึ่งเป็นสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและปะทะกันทางสังคมในเวลานี้

“4 ประการจะเรียกร้องไปยังทุกฝ่ายผ่านสื่อ สำหรับข้อ 2 เรียกร้องผ่านไปยัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยตรง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง ยืนยันว่า คำวิงวอนเหล่านี้อยู่บนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้ซ้ำรอยพฤษภาคมทมิฬ และหากเกิดสงสัยว่าทำไมเราจึงไม่มีข้อเรียกร้องต่อฝ่ายพันธมิตรฯบ้าง ขอชี้แจงว่า ตรงนี้เราห่วงเรื่องปัญหาเฉพาะหน้าที่ น่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นภายใน 2-3 วัน อยากให้นายกฯยุบสภา ถ้านายกฯ หารือและตัดสินใจในเวลาอันสั้นจะเป็นประโยชน์และทำให้ความรุนแรงลดลงได้” ศ.ดร.สุรพล กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้ามีการยุบสภา แล้วมีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองเดิมกลับมา เหตุการณ์รุนแรงจะไม่กลับมาอีกหรือไม่ ศ.ดร.สุรพล กล่าวว่า หารือวันนี้ เพราะห่วงเรื่องปัญหาเฉพาะหน้าที่มีโอกาสสูงจะนำไปสู่หายนะของสังคมไทย คิดแค่ว่าทำอย่างไรจะให้สังคมไทยหลุดพ้นจากสถานการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้

วันเดียวกัน นายแพทย์ วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะประธานมูลนิธิ 14 ตุลาคม ได้ออกแถลงการณ์มูลนิธิ 14 ตุลา ความว่า จากกรณีที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและอาวุธอย่างอื่นกับประชาชนที่ชุมนุมอยู่หน้ารัฐสภาและที่อื่นๆ จนกลายเป็นเหตุจลาจล ทำให้ประชาชนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองบาดเจ็บรวมหลายร้อยราย หลายรายได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 3 ราย มูลนิธิ 14 ตุลา ขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนโดยผิดหลักมนุษยธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และไม่เป็นไปตามกติกาทั้งของสากลและประเทศไทย

ทั้งนี้ หลังกรณีพฤษภาคม พ.ศ.2535 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีสังหารโหดดังกล่าวซึ่งได้สรุปแนวทางดำเนินการกับฝูงชนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ถือปฏิบัติแล้วว่าจะต้องดำเนินการตามหลักการต่อไปนี้

1.จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อการนี้อย่างดีแล้วเท่านั้น

2.จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตามวิธีการจากเบาไปหาหนักโดยเคร่งครัดคือ

1) ใช้วิธีการเจรจา ถ้าไม่สำเร็จจึงใช้วิธีที่ 2) คือ ใช้โล่ หากไม่ได้ผลจึงใช้วิธีที่ 3) คือ ใช้โล่และกระบอง โดยต้องใช้เฉพาะกระบองยางเท่านั้น ถ้ายังไม่มีผลจึงใช้วิธีที่ 4) คือ ใช้แก๊สน้ำตา โดยจะต้องใช้วิธียิงขึ้นที่สูงให้ตกลงมาระเบิด มิใช่ยิงเข้าใส่ฝูงชนโดยตรง

แต่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ในเหตุการณ์เมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2551 ตำรวจมิได้กระทำการดังกล่าวทั้ง 4 ประการ แต่ใช้วิธีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนโดยตรง รวมทั้งน่าเชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธร้ายแรงด้วย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นแขนขาขาดและมีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ขณะเริ่มยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ประชาชนนั้น มีผู้ชุมนุมประมาณ 2 พันคน ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ประมาณ 1500 คน ย่อมสามารถใช้วิธีการเพียงขั้นที่ 1 หรือขั้นที่ 2 เท่านั้น แต่กลับกระโดดข้ามขั้นไปใช้วิธีการซึ่งเกินเลยจากขั้นที่ 4 ซึ่งเป็นวิธีการที่อนารยะ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดร้ายแรงและชัดแจ้ง รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบด้วยการยุติการกระทำดังกล่าวโดยพลัน ออกมาประกาศรับผิด ขอโทษประชาชนและลาออก และจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการที่เชื่อถือได้ขึ้นมาทำการสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

ด้านนพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง รธน.50 กล่าวว่า รัฐบาลหุ่นเชิดฆ่าคน หมดความชอบธรรมที่จะอยู่ต่อไป นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และตำรวจ ต้องหยุดให้ข่าวบิดเบือน และลาออกจากตำแหน่งทันที ก่อนที่ประชาชนจะลุกฮือขับไล่ออกนอกประเทศ ไม่มีแผ่นดินอยู่ เพราะสิ่งที่ได้ทำมันเกินกว่าคำว่ารุนแรง แต่อำมหิตผิดมนุษย์ มีเจตนาฆ่าคนที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และมีเสรีภาพที่จะทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63

นพ.ชูชัย กล่าวอีกว่า ขอเสนอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาสอบสวนโดยเร็วที่สุด เพื่อนำคนผิดมาลงโทษ ผู้ที่จะมาเป็นประธานและกรรมการ ต้องมีทุนทางสังคมสูง มีความน่าเชื่อถือ ขอเสนอ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ หรือ น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นประธาน โดยคณะกรรมาธิการชุดนี้ ควรพิจารณาทั้งระดับนโยบาย หรือการตัดสินใจทางการเมืองที่จะนำไปสู่ความรุนแรง และระดับปฏิบัติการในพื้นที่ว่าขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานสากลในการสลายการชุมนุมหรือไม่ เช่น มีการเจรจาก่อนหรือไม่ ได้ใช้โล่ กระบองยางก่อน หรือเตือนก่อนยิงแก๊สน้ำตาหรือไม่ ทำไมจึงยิงตรงไปที่ผู้ชุมนุม และควรมีข้อเสนอทั้งระยะสั้นและยาว เพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนวางกรอบกติกาในการชุมนุมตามมาตรา63 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในสังคมไทยอีก

“ผมขอเรียกร้องให้แพทย์ผู้ดูแลผู้บาดเจ็บใน รพ.รามาธิบดี ศิริราช ราชวิถี วชิระ จุฬาฯ และวชิรพยาบาล ออกมาแถลงความจริงต่อสาธารณชนว่า บาดแผลรุนแรง ที่มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บแขนขาด ขาขาด เกิดจากแก๊สน้ำตาหรือวัตถุระเบิด หรือจากอาวุธชนิดใดใดกันแน่ เพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย” นพ.ชูชัย กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น