ผู้จัดการรายวัน – ชาวจุฬาฯ กว่า 2 พันคนรวมพลังแต่งชุดดำขาวประณามรัฐบาลมือเปื้อนเลือด-ตำรวจทำร้ายประชาชน พร้อมเคลื่อนขบวนออกจากพระบรมราชนุสาวรีย์ 2 รัชกาลมุ่งหน้า สตช. ก่อนยุติหน้าสยามพารากอน หลบหลีกการปะทะแก๊ง นปก.ที่ดักรอหลังไปให้กำลังใจตำรวจ ลั่นต้องลากคอตำรวจชั่วมาลงโทษให้สาสม ซัด “สมชาย” ไม่ใช่ “ผู้นำประเทศ” แต่เป็นแค่ “ผู้นำ ส.ส.ทรราช” เท่านั้น ขณะที่มีหญิงแกร่งแต่งชุดดำฝ่าวงล้อมไข่แม้ววางพวงหรีดไว้อาลัยตำรวจหน้า สตช.
วานนี้ (9 ต.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น. ที่บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณาจารย์จากคณะต่างๆ นิสิตและศิษย์เก่า รวมทั้งประชาชนผู้รักความเป็นธรรมได้รวมตัวกันกว่า 2,000 คน โดยทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ-ขาว เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในการเคลื่อนขบวนครั้งนี้มีการถือป้ายข้อความต่างๆ เพื่อประณามการกระทำของรัฐบาลและตำรวจจำนวนมาก เช่น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และนักวิชาการขอประณามรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน นอกจากนี้กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมยังได้มีการถือป้ายข้อความขนาด A4 ว่า สมชาย Get out, สมชายไอ้ฆาตกร, รัฐบาลชั่วออกไปได้แล้วอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนปรากฏว่า มีเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากมีผู้ชุมนุมตะโกนว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 คนเข้ามา จึงได้เกิดลุกฮือเพื่อขับไล่ ส่งผลให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนขวัญเสียเล็กน้อย แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็คลี่คลายขึ้น เมื่อตำรวจได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่มานั้นก็เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย
ต่อมาผู้ร่วมชุมนุมได้พร้อมใจกันทำพิธีถวายสักการะพระบรมราชนุสาวรีย์ 2 รัชกาล พร้อมทั้งร่วมกันร้องเพลงจามจุรี จากนั้นในเวลาประมาณ 10.15 น. ก็ได้เคลื่อนขบวนออกจากพระบรมราชานุสาวรีย์ไปยังประดูด้านคณะรัฐศาสตร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังสยามพารากอนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างเคลื่อนขบวนได้มีการประกาศว่า ขณะนี้มีกลุ่มนปก.ได้มีการรวมตัวกันอยู่ที่หน้าสตช. จึงขอให้ผู้ร่วมชุมนุมทุกคนเดินทางด้วยความระมัดระวังเพราะอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันและความรุนแรงได้
**แถลงการณ์ 8 ข้อประณามความรุนแรง
ในเวลาประมาณ 10.45 น.ขบวนได้เคลื่อนมาถึงยังสยามเซ็นเตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ ซึ่งในระหว่างเดินขบวนได้มีการตะโกนคำว่า “ออกไป” เป็นระยะ แต่ทางผู้ประสานงานของกลุ่มได้ขอร้องไม่ให้มีการใช้เสียงเนื่องจากต้องการให้ขบวนเป็นไปด้วยความสงบ
จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. นายสุทธิพงศ์ สุทธินราพรรณ ตัวแทนกลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ร่วมกับกลุ่มจามจุรีรักชาติได้อ่านแลงการณ์ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่ออ่านจบได้มีการร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลง สรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้องทั่วทั้งบริเวณสยามพารากอน จากนั้นในเวลา 11.20 น. ได้แยกย้ายกันกลับ พร้อมทั้งยกเลิกการเดินทางไปยังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเกรงจะเกิดการปะทะกับกลุ่มนปก.เพราะก่อนหน้านี้ทางกลุ่ม นปก.ได้เดินทางเข้าให้กำลังใจตำรวจ
สำหรับเนื้อหาของแถลงการณ์กลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ร่วมกับกลุ่มจามจุรีรักชาติมีดังนี้
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต ความทุพลภาพ และบาดเจ็บร่วม 400 ราย อันเป็นวิธีปฏิบัติต่อประชาชนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมและประชาคมโลก และเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะ ความสามารถในการคิดจัดการปัญหา รวมถึงศีลธรรมจรรยาของผู้นำประเทศ และเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ในนามของคณาจารย์ นิสิต เจ้าหน้าที่ และบุคลากรของจุฬาฯ รวมทั้งประชาชน กลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ของแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทหาร ตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ทางกลุ่มจึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนรง หรือยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าโดยทันที 2.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องยุติการใช้อาวุธ โดยเฉพาะอาวุธทำลายล้างสูงในการปราบประชาชนผู้บริสุทธิ์ 3. คณะรัฐมนตรีในฐานะผู้สั่งการและตำรวจซึ่งเป็นผู้ก่อให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียต่อประชาชนต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ในครั้งนี้ด้วยความจริงใจในทันที 4.รัฐสภาต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นบริเวณรัฐสภา 5.ต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายมาดำเนินการสอบสวน เพื่อนำผู้สั่งการ และผู้กระทำความผิดดังกล่าวมารับโทษโดยเร็ว
6.ตำรวจซึ่งเป็นผู้ทำร้ายประชาชนจนถึงแก่ชีวิต ทุพลภาพ ได้รับบาดเจ็บต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดทันที เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิดชอบ อันสมกับเป็นผู้พิทักษิสันติราษฏร์ 7.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ต่างๆ และวางตัวเป็นกลางโดยไม่ใช้อคติ ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช้คำพูด หรือการนำเสนอชี้นำ ชักจูงให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และไม่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว เพราะปัจจุบันการนำเสนอข่าวของสื่อถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตของประเทศ 8.ขอแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ขอเชิญชวนประชาชน ข้าราชการ และพนักงานของรัฐร่วมกันแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 7 วัน เพื่อไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตและเหตุการณ์ความรุนแรงอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
**บี้รัฐบาล-ตำรวจรับผิดชอบ
นายพอพันธ์ วัชจิตพันธ์ ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการ เหล่าคณะนิสิตทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งประชาชนผู้ไม่นิยมความรุนแรงในครั้งนี้แสดงออกเพื่อไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนให้เกิดความรุนแรงทั้งรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ และอย่าได้ทำร้ายประชาชนด้วยความรุนแรงอีก
“เราขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างสุดซึ้ง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มคณาจารย์จุฬาฯและนิสิต รวมถึงประชาชนต้องออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบและสะท้อนถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล และอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี กลุ่ม ส.ส. ฝ่ายบริหารออกมาแสดงความรับผิดชอบ อย่ามัวแต่หวงเก้าอี้ รักตำแหน่งที่เงินเดือนน้อยนิด ถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติคนเหล่านี้จะหวงตำแหน่งขนาดนี้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้อยากให้คนที่รับข่าวสารที่แม้ว่าจะไม่ครบสมบูรณ์ทั้งหมดวิเคราะห์ที่ไปที่มาว่าทำไมเหตุการณ์จึงบานปลายจนถึงวันนี้”
“ตอนนี้คิดว่ากลุ่มคนที่เป็นกลางมีอยู่แล้วแต่ไม่รู้จะกล้าออกมาหรือไม่ อยากให้มีผู้เสียสละออกมาไม่อยากให้นักวิชาอยู่แต่ในห้องแอร์ ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ เลือกคนที่มีความยุติธรรม เป็นกลาง และเป็นคนดีในการแก้ปัญหานี้ อยากจะขอร้องให้รัฐบาลยุติการกระทำที่รุนแรงสอบสวนหาผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ได้”ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์ กล่าว
ด้านอ.จุฑารัตน์ คัมภีรภาพ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาคณาจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การออกมาแสดงพลังของกลุ่มจุฬาฯรับใช้ประชาชนและเรียกร้องให้ประชาชน ตลอดจนข้าราชการและพนักงานของรัฐแต่งกายด้วยชุดดำไว้อาลัยให้เหตุการณ์ความสูญเสียจากกรณีการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เนื่องจากเห็นแล้วว่าไม่มีความเป็นธรรม ดังนั้นสิ่งที่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อสอบสวนตัวเองหากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจและพิสูจน์ตนเอง
“คงจะเรียกร้องความเป็นธรรมจากคนกลุ่มนี้ลำบาก เพราะการถามหาจุดยืนการแก้ปัญหาก็ลำบากแล้ว เราเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ไม่ได้” ผู้ช่วยเลขาธิการสภาคณาจารย์จุฬาฯ กล่าว
นายสุทธิพงศ์ สุทธินราพรรณ ตัวแทนนิสิตจุฬาฯ กล่าวว่า การเรียกร้องของกลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชนคงจะยุติเพียงเท่านี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะมีการประชุมกลุ่มนิสิตกันต่อไปว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาตัวในแต่ละโรงพยาบาลได้อย่างไร ซึ่งอาจจะมีปัญหาในการระดมการช่วยเหลือบ้างเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายกลุ่มนิสิตจุฬาฯ บางส่วนจะเดินทางเข้าให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมทั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย
**ลั่น ”สมชาย” ไม่ใช่ผู้นำประเทศ
ด้าน พญ.คุณหญิงอัมพร สุคนธมาน หนึ่งในผู้เข้าร่วมเดินขบวน ซึ่งมาในนามศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ทัศนะกรณีการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในวันนี้ไม่ต้องถามหาจริยธรรม หรือมนุษยธรรมจากนายกที่ชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกต่อไป เพราะแม้แต่จิตสำนึกในการเป็นคนยังไม่มี เพราะนายกรัฐมนตรีเคยเป็นข้าราชการประจำ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้พิพากษา และปลัดกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งเหล่านี้ไม่ได้ปลุกสำนึกให้นายสมชายหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้เลย
“ในเช้าวันที่ 7 ต.ค.เห็นอยู่แล้วว่าคนที่สั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมก็คือ นายกรัฐมนตรี เราเห็นว่ามีทางแก้ไขมากกว่าหนึ่งทางแต่ทำไมต้องสั่งให้ใช้กำลังกับประชาชนซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการเสียเลือดเนื้อแน่ๆ นั่นแสดงว่าเขาขาดความเป็นผู้นำ และไม่สง่างาม”
นอกจากนี้จุดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีขาดความชอบธรรมไม่ว่าจะแก้ตัวด้วยถ้อยคำหรือการกระทำใดๆ ก็คือ การสั่งสลายการชุมนุมในรอบบ่ายเพื่อเปิดทางให้บรรดาส.ส. และส.ว.ออกมานั้นตอกย้ำความป่าเถื่อนและรุนแรงของผู้นำรัฐบาล ซึ่งไม่สมควรได้รับคำว่าผู้นำประเทศเสียด้วยซ้ำ
“คนอย่างนายสมชายเป็นได้อย่างมากก็แค่ผู้นำ ส.ส. ในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น ไม่ควรเป็นผู้นำประเทศ อีกทั้งการแสดงออกต่อเหตุการณ์ด้วยการไปเยี่ยมคนเจ็บนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่จริงใจ เพราะหากคุณจริงใจจะต้องไม่สั่งใช้กำลังกับประชาชนตั้งแต่แรกแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์คือ นายก คนเดียว ไม่ใช่ทั้งพันธมิตร หรือตำรวจ แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจจะไม่ผิดนะ ตำรวจก็ผิด ผิดที่เป็นคนทำการ” พญ.คุณหญิงอัมพร กล่าว
**นปก.สุดชั่วรอเผชิญหน้าชาวจุฬาฯ
วันเดียวกันเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชินวัตร หาบุญพาด นายสมยศ พฤษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มนปก.ได้นำกลุ่มนปก.ประมาณ 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีที่เข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณรอบรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องดีแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ สถิตย์เอก จเรตำรวจ ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือและช่อดอกไม้พร้อมกับกล่าวว่าในเรื่องนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.รู้สึกเป็นห่วงประชาชน และจะดูแลประชาชน เพราะอยากให้สังคมสงบสันติ อีกทั้งจะพยายามดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวไปจนถึงครอบครัวอย่างเต็มที่
หลังจากนั้น กลุ่ม นปก.ทั้งหมดได้ยืนยันจะอยู่รอเผชิญหน้ากับกลุ่มแพทย์จุฬาฯ ที่จะเดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิทย์ ผบก.น.7 ได้นำกำลังตำรวจ 1 กองร้อยตรึงกำลังรอบบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งได้ปิดประตูใหญ่ทางเข้า-ออก สตช.เพื่อสกัดกั้นให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจอกัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุปะทะเผชิญหน้า 2 กลุ่ม
**หญิงชุดดำฝ่าวงล้อมวางหรีดอาลัย ตร.
ต่อมาเวลา 11.00 น. มีผู้หญิงแต่งชุดดำบอกว่าตนเองอยู่ฝั่งพันธมิตรฯ โดยระบุว่าเป็น ผศ.ดร.ร.ท.สพ.หญิงเนาวรัตน์ สุธัมนาถพงศ์ ได้ถือพวงหรีดสีดำนำมาวางไว้ที่หน้า สตช.เพื่อเป็นการไว้อาลัยตำรวจที่ทำร้ายประชาชน พร้อมบอกว่ามาต่อต้านเป็นการส่วนตัว และได้กล่าวถึงกรณีที่แพทย์จุฬาฯ ไม่ยอมรักษาตำรวจนั้น มองว่าเป็นการอารยะขัดขืน แต่หากตำรวจถอดเครื่องแบบเข้าไปให้รักษา กลุ่มแพทย์ก็คงไม่ต่อต้าน ซึ่งกลุ่ม นปก.ได้ตะโกนชี้หน้าด่าหญิงคนดังกล่าวด้วยคำที่หยาบคาย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์ผู้หญิงแต่งกายชุดดำอยู่ ได้มีชายวัยกลางคนใส่เสื้อสีแดงได้พยายามเดินเข้ามาชี้หน้าด่าตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย จนผู้สื่อข่าวต้องพยายามกันชายเสื้อแดงให้ออกห่างหญิงชุดดำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่ยืนมองรักษาความปลอดภัย ไม่ได้สกัดกั้นให้ชายเสื้อแดงหยุดตะโกนด่า หรือห้ามปรามไม่ให้เดินเข้าไปก่อกวน ซึ่งเมื่อหญิงชุดดำวางพวงหวีดก็ได้มีพันธมิตรฯ ที่แต่งชุดดำเข้ามาช่วยอีก 2-3 คน
ทั้งนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ให้แพทย์จุฬาฯ เดินเข้าไปยัง สตช. โดยปิดกั้นไว้ที่ถนนปทุมวัน หน้าสยามพารากอน เนื่องจากเกรงจะเกิดการปะทะวุ่นวายระหว่างกลุ่มต่อต้าน และกลุ่มสนันสนุน
**”สุชาติ” สุดดีใจไข่แม้วให้กำลังใจ
ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 10.20 น. กลุ่มชุมชนบุปผาราม ชมรมคนรู้ใจ จ.นนทบุรี และชมรมคนคิดถึงทักษิณ ประมาณ 200 คน นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบ.ช.น.และรอง ผบช.น.
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ขอบคุณผู้ที่มาให้กำลังใจ ตนเองเพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำได้ ต้องรวมถึงนายตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และทั้งหมดทำเพื่อประชาชน และตำรวจจะคงไว้ซึ่งความยุติธรรม รวมถึงจะพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ หากสิ่งใดไม่ถูกต้องก็จำเป็นต้องดำเนินการ
“จริงๆ กำลังใจจะหมด แต่กำลังใจที่หลั่งไหลมาเหมือนฝนหล่นจากฟ้ามาชโลมใจ” พล.ต.ท.สุชาติกล่าว.
วานนี้ (9 ต.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น. ที่บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ 2 รัชกาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณาจารย์จากคณะต่างๆ นิสิตและศิษย์เก่า รวมทั้งประชาชนผู้รักความเป็นธรรมได้รวมตัวกันกว่า 2,000 คน โดยทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ-ขาว เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในการเคลื่อนขบวนครั้งนี้มีการถือป้ายข้อความต่างๆ เพื่อประณามการกระทำของรัฐบาลและตำรวจจำนวนมาก เช่น กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และนักวิชาการขอประณามรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน นอกจากนี้กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมยังได้มีการถือป้ายข้อความขนาด A4 ว่า สมชาย Get out, สมชายไอ้ฆาตกร, รัฐบาลชั่วออกไปได้แล้วอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนปรากฏว่า มีเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากมีผู้ชุมนุมตะโกนว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 คนเข้ามา จึงได้เกิดลุกฮือเพื่อขับไล่ ส่งผลให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนขวัญเสียเล็กน้อย แต่ในที่สุดเหตุการณ์ก็คลี่คลายขึ้น เมื่อตำรวจได้ชี้แจงว่า สาเหตุที่มานั้นก็เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย
ต่อมาผู้ร่วมชุมนุมได้พร้อมใจกันทำพิธีถวายสักการะพระบรมราชนุสาวรีย์ 2 รัชกาล พร้อมทั้งร่วมกันร้องเพลงจามจุรี จากนั้นในเวลาประมาณ 10.15 น. ก็ได้เคลื่อนขบวนออกจากพระบรมราชานุสาวรีย์ไปยังประดูด้านคณะรัฐศาสตร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังสยามพารากอนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างเคลื่อนขบวนได้มีการประกาศว่า ขณะนี้มีกลุ่มนปก.ได้มีการรวมตัวกันอยู่ที่หน้าสตช. จึงขอให้ผู้ร่วมชุมนุมทุกคนเดินทางด้วยความระมัดระวังเพราะอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันและความรุนแรงได้
**แถลงการณ์ 8 ข้อประณามความรุนแรง
ในเวลาประมาณ 10.45 น.ขบวนได้เคลื่อนมาถึงยังสยามเซ็นเตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ ซึ่งในระหว่างเดินขบวนได้มีการตะโกนคำว่า “ออกไป” เป็นระยะ แต่ทางผู้ประสานงานของกลุ่มได้ขอร้องไม่ให้มีการใช้เสียงเนื่องจากต้องการให้ขบวนเป็นไปด้วยความสงบ
จากนั้นเมื่อเวลา 11.00 น. นายสุทธิพงศ์ สุทธินราพรรณ ตัวแทนกลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ร่วมกับกลุ่มจามจุรีรักชาติได้อ่านแลงการณ์ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่ออ่านจบได้มีการร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลง สรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้องทั่วทั้งบริเวณสยามพารากอน จากนั้นในเวลา 11.20 น. ได้แยกย้ายกันกลับ พร้อมทั้งยกเลิกการเดินทางไปยังหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเกรงจะเกิดการปะทะกับกลุ่มนปก.เพราะก่อนหน้านี้ทางกลุ่ม นปก.ได้เดินทางเข้าให้กำลังใจตำรวจ
สำหรับเนื้อหาของแถลงการณ์กลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ร่วมกับกลุ่มจามจุรีรักชาติมีดังนี้
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต ความทุพลภาพ และบาดเจ็บร่วม 400 ราย อันเป็นวิธีปฏิบัติต่อประชาชนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมและประชาคมโลก และเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะ ความสามารถในการคิดจัดการปัญหา รวมถึงศีลธรรมจรรยาของผู้นำประเทศ และเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ในนามของคณาจารย์ นิสิต เจ้าหน้าที่ และบุคลากรของจุฬาฯ รวมทั้งประชาชน กลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชน ของแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทหาร ตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ทางกลุ่มจึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนรง หรือยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าโดยทันที 2.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องยุติการใช้อาวุธ โดยเฉพาะอาวุธทำลายล้างสูงในการปราบประชาชนผู้บริสุทธิ์ 3. คณะรัฐมนตรีในฐานะผู้สั่งการและตำรวจซึ่งเป็นผู้ก่อให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียต่อประชาชนต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ในครั้งนี้ด้วยความจริงใจในทันที 4.รัฐสภาต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นบริเวณรัฐสภา 5.ต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายมาดำเนินการสอบสวน เพื่อนำผู้สั่งการ และผู้กระทำความผิดดังกล่าวมารับโทษโดยเร็ว
6.ตำรวจซึ่งเป็นผู้ทำร้ายประชาชนจนถึงแก่ชีวิต ทุพลภาพ ได้รับบาดเจ็บต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดทันที เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิดชอบ อันสมกับเป็นผู้พิทักษิสันติราษฏร์ 7.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ต่างๆ และวางตัวเป็นกลางโดยไม่ใช้อคติ ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ใช้คำพูด หรือการนำเสนอชี้นำ ชักจูงให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน และไม่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว เพราะปัจจุบันการนำเสนอข่าวของสื่อถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตของประเทศ 8.ขอแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข ที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และขอให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ขอเชิญชวนประชาชน ข้าราชการ และพนักงานของรัฐร่วมกันแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 7 วัน เพื่อไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตและเหตุการณ์ความรุนแรงอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
**บี้รัฐบาล-ตำรวจรับผิดชอบ
นายพอพันธ์ วัชจิตพันธ์ ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการ เหล่าคณะนิสิตทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งประชาชนผู้ไม่นิยมความรุนแรงในครั้งนี้แสดงออกเพื่อไว้อาลัยให้กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนให้เกิดความรุนแรงทั้งรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ และอย่าได้ทำร้ายประชาชนด้วยความรุนแรงอีก
“เราขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างสุดซึ้ง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้กลุ่มคณาจารย์จุฬาฯและนิสิต รวมถึงประชาชนต้องออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบและสะท้อนถึงความไม่จริงใจของรัฐบาล และอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี กลุ่ม ส.ส. ฝ่ายบริหารออกมาแสดงความรับผิดชอบ อย่ามัวแต่หวงเก้าอี้ รักตำแหน่งที่เงินเดือนน้อยนิด ถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติคนเหล่านี้จะหวงตำแหน่งขนาดนี้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้อยากให้คนที่รับข่าวสารที่แม้ว่าจะไม่ครบสมบูรณ์ทั้งหมดวิเคราะห์ที่ไปที่มาว่าทำไมเหตุการณ์จึงบานปลายจนถึงวันนี้”
“ตอนนี้คิดว่ากลุ่มคนที่เป็นกลางมีอยู่แล้วแต่ไม่รู้จะกล้าออกมาหรือไม่ อยากให้มีผู้เสียสละออกมาไม่อยากให้นักวิชาอยู่แต่ในห้องแอร์ ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ เลือกคนที่มีความยุติธรรม เป็นกลาง และเป็นคนดีในการแก้ปัญหานี้ อยากจะขอร้องให้รัฐบาลยุติการกระทำที่รุนแรงสอบสวนหาผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ได้”ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์ กล่าว
ด้านอ.จุฑารัตน์ คัมภีรภาพ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาคณาจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การออกมาแสดงพลังของกลุ่มจุฬาฯรับใช้ประชาชนและเรียกร้องให้ประชาชน ตลอดจนข้าราชการและพนักงานของรัฐแต่งกายด้วยชุดดำไว้อาลัยให้เหตุการณ์ความสูญเสียจากกรณีการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เนื่องจากเห็นแล้วว่าไม่มีความเป็นธรรม ดังนั้นสิ่งที่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อสอบสวนตัวเองหากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจและพิสูจน์ตนเอง
“คงจะเรียกร้องความเป็นธรรมจากคนกลุ่มนี้ลำบาก เพราะการถามหาจุดยืนการแก้ปัญหาก็ลำบากแล้ว เราเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ไม่ได้” ผู้ช่วยเลขาธิการสภาคณาจารย์จุฬาฯ กล่าว
นายสุทธิพงศ์ สุทธินราพรรณ ตัวแทนนิสิตจุฬาฯ กล่าวว่า การเรียกร้องของกลุ่มจุฬาฯ รับใช้ประชาชนคงจะยุติเพียงเท่านี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะมีการประชุมกลุ่มนิสิตกันต่อไปว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาตัวในแต่ละโรงพยาบาลได้อย่างไร ซึ่งอาจจะมีปัญหาในการระดมการช่วยเหลือบ้างเนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายกลุ่มนิสิตจุฬาฯ บางส่วนจะเดินทางเข้าให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมทั้งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย
**ลั่น ”สมชาย” ไม่ใช่ผู้นำประเทศ
ด้าน พญ.คุณหญิงอัมพร สุคนธมาน หนึ่งในผู้เข้าร่วมเดินขบวน ซึ่งมาในนามศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ทัศนะกรณีการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในวันนี้ไม่ต้องถามหาจริยธรรม หรือมนุษยธรรมจากนายกที่ชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกต่อไป เพราะแม้แต่จิตสำนึกในการเป็นคนยังไม่มี เพราะนายกรัฐมนตรีเคยเป็นข้าราชการประจำ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้พิพากษา และปลัดกระทรวงยุติธรรม ตำแหน่งเหล่านี้ไม่ได้ปลุกสำนึกให้นายสมชายหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้เลย
“ในเช้าวันที่ 7 ต.ค.เห็นอยู่แล้วว่าคนที่สั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมก็คือ นายกรัฐมนตรี เราเห็นว่ามีทางแก้ไขมากกว่าหนึ่งทางแต่ทำไมต้องสั่งให้ใช้กำลังกับประชาชนซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการเสียเลือดเนื้อแน่ๆ นั่นแสดงว่าเขาขาดความเป็นผู้นำ และไม่สง่างาม”
นอกจากนี้จุดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีขาดความชอบธรรมไม่ว่าจะแก้ตัวด้วยถ้อยคำหรือการกระทำใดๆ ก็คือ การสั่งสลายการชุมนุมในรอบบ่ายเพื่อเปิดทางให้บรรดาส.ส. และส.ว.ออกมานั้นตอกย้ำความป่าเถื่อนและรุนแรงของผู้นำรัฐบาล ซึ่งไม่สมควรได้รับคำว่าผู้นำประเทศเสียด้วยซ้ำ
“คนอย่างนายสมชายเป็นได้อย่างมากก็แค่ผู้นำ ส.ส. ในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น ไม่ควรเป็นผู้นำประเทศ อีกทั้งการแสดงออกต่อเหตุการณ์ด้วยการไปเยี่ยมคนเจ็บนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่จริงใจ เพราะหากคุณจริงใจจะต้องไม่สั่งใช้กำลังกับประชาชนตั้งแต่แรกแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์คือ นายก คนเดียว ไม่ใช่ทั้งพันธมิตร หรือตำรวจ แต่ไม่ใช่ว่าตำรวจจะไม่ผิดนะ ตำรวจก็ผิด ผิดที่เป็นคนทำการ” พญ.คุณหญิงอัมพร กล่าว
**นปก.สุดชั่วรอเผชิญหน้าชาวจุฬาฯ
วันเดียวกันเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชินวัตร หาบุญพาด นายสมยศ พฤษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มนปก.ได้นำกลุ่มนปก.ประมาณ 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีที่เข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณรอบรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องดีแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ สถิตย์เอก จเรตำรวจ ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือและช่อดอกไม้พร้อมกับกล่าวว่าในเรื่องนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.รู้สึกเป็นห่วงประชาชน และจะดูแลประชาชน เพราะอยากให้สังคมสงบสันติ อีกทั้งจะพยายามดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าวไปจนถึงครอบครัวอย่างเต็มที่
หลังจากนั้น กลุ่ม นปก.ทั้งหมดได้ยืนยันจะอยู่รอเผชิญหน้ากับกลุ่มแพทย์จุฬาฯ ที่จะเดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิทย์ ผบก.น.7 ได้นำกำลังตำรวจ 1 กองร้อยตรึงกำลังรอบบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งได้ปิดประตูใหญ่ทางเข้า-ออก สตช.เพื่อสกัดกั้นให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจอกัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุปะทะเผชิญหน้า 2 กลุ่ม
**หญิงชุดดำฝ่าวงล้อมวางหรีดอาลัย ตร.
ต่อมาเวลา 11.00 น. มีผู้หญิงแต่งชุดดำบอกว่าตนเองอยู่ฝั่งพันธมิตรฯ โดยระบุว่าเป็น ผศ.ดร.ร.ท.สพ.หญิงเนาวรัตน์ สุธัมนาถพงศ์ ได้ถือพวงหรีดสีดำนำมาวางไว้ที่หน้า สตช.เพื่อเป็นการไว้อาลัยตำรวจที่ทำร้ายประชาชน พร้อมบอกว่ามาต่อต้านเป็นการส่วนตัว และได้กล่าวถึงกรณีที่แพทย์จุฬาฯ ไม่ยอมรักษาตำรวจนั้น มองว่าเป็นการอารยะขัดขืน แต่หากตำรวจถอดเครื่องแบบเข้าไปให้รักษา กลุ่มแพทย์ก็คงไม่ต่อต้าน ซึ่งกลุ่ม นปก.ได้ตะโกนชี้หน้าด่าหญิงคนดังกล่าวด้วยคำที่หยาบคาย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์ผู้หญิงแต่งกายชุดดำอยู่ ได้มีชายวัยกลางคนใส่เสื้อสีแดงได้พยายามเดินเข้ามาชี้หน้าด่าตลอดเวลา แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย จนผู้สื่อข่าวต้องพยายามกันชายเสื้อแดงให้ออกห่างหญิงชุดดำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่ยืนมองรักษาความปลอดภัย ไม่ได้สกัดกั้นให้ชายเสื้อแดงหยุดตะโกนด่า หรือห้ามปรามไม่ให้เดินเข้าไปก่อกวน ซึ่งเมื่อหญิงชุดดำวางพวงหวีดก็ได้มีพันธมิตรฯ ที่แต่งชุดดำเข้ามาช่วยอีก 2-3 คน
ทั้งนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ให้แพทย์จุฬาฯ เดินเข้าไปยัง สตช. โดยปิดกั้นไว้ที่ถนนปทุมวัน หน้าสยามพารากอน เนื่องจากเกรงจะเกิดการปะทะวุ่นวายระหว่างกลุ่มต่อต้าน และกลุ่มสนันสนุน
**”สุชาติ” สุดดีใจไข่แม้วให้กำลังใจ
ในวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 10.20 น. กลุ่มชุมชนบุปผาราม ชมรมคนรู้ใจ จ.นนทบุรี และชมรมคนคิดถึงทักษิณ ประมาณ 200 คน นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบ.ช.น.และรอง ผบช.น.
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ขอบคุณผู้ที่มาให้กำลังใจ ตนเองเพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำได้ ต้องรวมถึงนายตำรวจทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และทั้งหมดทำเพื่อประชาชน และตำรวจจะคงไว้ซึ่งความยุติธรรม รวมถึงจะพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ หากสิ่งใดไม่ถูกต้องก็จำเป็นต้องดำเนินการ
“จริงๆ กำลังใจจะหมด แต่กำลังใจที่หลั่งไหลมาเหมือนฝนหล่นจากฟ้ามาชโลมใจ” พล.ต.ท.สุชาติกล่าว.