ศูนย์ข่าวภูมิภาค - นักวิชาการ ม.ขอนแก่น แต่งดำไว้ทุกข์ให้เหยื่อตำรวจโหด บุกสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 ยื่นแถลงการณ์-พวงหรีดประณามตำรวจและรัฐบาลทรราช หลังใช้ความรุนแรงสลายผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภาจนเสียชีวิตแขน-ขาขาด จวกตำรวจเหี้ยมโหดต่อประชาชน จี้"สมชาย" รับผิดชอบ "แพทย์-พยาบาล รพ.หนองคาย" ประกาศไม่สนองนโยบายรัฐบาลเปื้อนเลือด พร้อมยืนข้างประชาชน ด้านนักวิชาการ ม.บูรพา ประณามเป็น"รัฐบาลทมิฬ" อ้างเข้ามาเพื่อสมานฉันท์แต่เบื้องลึกสุด "อัปยศ" เชื่อเจตนาสร้างความรุนแรงให้ "พี่เมีย" ลี้ภัยสำเร็จ กลุ่มพันธมิตรฯปราจีนบุรี" แฉเห็นกับตา "ตำรวจพยายามฆ่าชาวบ้าน" อย่างเลือดเย็น ชี้ ปชช.หวังจะพึ่งพาความคุ้มครองจากทหารไม่ได้อีกแล้ว
นักวิชาการ ม.ขอนแก่นมอบหรีด ตร.
วานนี้(8 ต.ค.) กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มภาคีเครือข่ายใน จ.ขอนแก่น ประมาณ 50 คน ประกอบด้วยตัวแทนนักวิชาการจากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตัวแทนจากองค์กรเอกชนในพื้นที่ ได้ร่วมกันเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 4 อ.เมืองขอนแก่น เพื่อยื่นแถลงการณ์ และมอบพวงหรีดเพื่อประณามรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริเวณหน้ารัฐสภา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส แขนขาด ขาขาดจำนวนมากเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยกลุ่มนักวิชาการฯและกลุ่มภาคีเครือข่ายฯที่เดินทางมาในครั้งนี้ส่วนใหญ่สวมชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ให้กับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเหยื่อความเหี้ยมโหดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยพวงหรีด 2 พวงเพื่อมอบให้แก่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 4 (ผบช.ภ.4) มอบต่อไปให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ ผบช.ภ.4 ติดราชการ พล.ต.ต.บวร นันทะยาวงศ์ รอง ผบช.ภ.4 จึงเป็นตัวแทนมารับแถลงการณ์และพวงหรีดแทน
ก่อนที่รอง ผบช.ภ.4 จะมารับแถลงการณ์และพวงหรีด ทางกลุ่มนักวิชาการได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่หน้ารัฐสภาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกมาสอบถามถึงการเดินทางมาของกลุ่มนักวิชาการในครั้งนี้ว่า "ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้องทำร้ายประชาชนถึงขั้นแขน ขาขาด" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอบว่า "ผู้ทำร้ายประชาชนน่าจะเป็นบุคคลที่ 3" ทำให้กลุ่มนักวิชาการไม่พอใจกับคำตอบด้วยการโห่ร้องจนเสียงดังกึกก้อง
หลังจากนั้น พล.ต.ต.บวร นันทะยาวงศ์ รอง ผบช.ภ.4 ได้ออกมารับแถลงการณ์และพวงหรีด โดย รศ.นพ.ชวลิต ไพโรจน์กุล ตัวแทนกลุ่มฯได้อ่านแถลงการณ์ พร้อมกับนำพวงหรีดส่งมอบให้เพื่อนำไปมอบต่อนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร.จากนั้นกลุ่มนักวิชาการได้ออกมารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้า พร้อมกับส่งเสียงขับไล่รัฐบาลฆาตกร ออกไปๆ พร้อมกัน 3 ครั้งก่อนที่จะแยกย้ายกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทันทีที่มีข่าวว่านักวิชาการกลุ่มนี้จะเดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภาค 4 ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดประตูขาออก โดยเปิดเพียงประตูเข้าและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นายยืนอยู่ทั้งด้านหน้าและบริเวณประตู จากนั้นได้มีกำลังจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 4 เข้ามาสมทบ ราว 10 นาย สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มนักวิชาการที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องมีกำลังตำรวจมาจำนวนมาก เนื่องจากผู้ที่มาร่วมแถลงการณ์ ล้วนเป็นข้าราชการและอาจารย์ที่ให้ความรู้แก่ลูกศิษย์มาแล้วหลายต่อหลายรุ่น รวมทั้งข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 อีกด้วย
อัดตำรวจเหี้ยมโหดต่อกลุ่มผู้ชุมนุม
สำหรับแถลงการณ์มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ใช้กำลังตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล และในจุดเกิดเหตุอื่นๆ ตลอดทั้งวันที่ 7 ต.ค.51 จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่า 400 คนและเสียชีวิตอีก 2 คน ดังปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายทั่วไปและรับรู้กันแล้วนั้น
พวกข้าพเจ้าทั้งหลายในนามกลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มภาคีเครือข่ายใน จ.ขอนแก่นได้เฝ้าสังเกตการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมีความเห็นร่วมกันว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้ เป็นการกระทำที่เกิดกว่าเหตุและเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและแสดงออกทางการเมืองด้วยความบริสุทธิ์ใจและเป็นการเรียกร้องด้วยสองมือเปล่า
พวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้มาประชุมร่วมกัน จึงขอประณามการกระทำของรัฐบาลและขอเรียกร้องให้รัฐบาล มีการดำเนินการต่อไปนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด 1.ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม 2.ขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพื่อเอาตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เป็นผู้สั่งการ ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องให้มีการใช้กำลังความรุนแรง ในการปราบปรามประชาชนมาลงโทษตามกฎหมาย โดยในการสอบสวนการกระทำผิดครั้งนี้ขอให้มีคนกลางเข้าร่วมดำเนินการสอบสวนด้วย
และ 3.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย ยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน เนื่องจากขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศเพื่อลดปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นดังกล่าว เนื่องจากการขืนอยู่ในอำนาจไม่ใช่เป็นการจรรโลงประชาธิปไตย แต่เป็นการทำให้มาตรฐานประชาธิปไตยเสื่อมทรามลง
"หมอ รพ.หนองคาย"ประกาศ
ไม่สนองนโยบายรบ.เปื้อนเลือด
วันเดียวกันที่ด้านหน้าโรงพยาบาลหนองคาย กลุ่มแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลหนองคาย ประมาณ 40 คนนำโดย นพ.ธเนศ รุ่งเรืองฤทธิ์, นพ.สุพจน์ มังกร, นพ.ฉัตรชัย ลิ้มมณี, นพ.สุวิทย์ พญ.เปรมวดี เลิศศิริอักษร, นพ.สาธิต พจน์ลองศิลป์, พญ.โมฬี นาคสาร, พญ.สุกัญญา กราบไกรแก้ว ถือป้ายข้อความคัดค้านต่อต้านการสลายการชุมนุมพันธมิตรฯที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนของคณะแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองคาย ใจความสำคัญ 3 ข้อ คือ 1.ขอยืนข้างประชาชน ไม่ยอมรับรัฐบาลที่ทำร้ายประชาชนทำให้มีการบาดเจ็บรุนแรง ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ และไม่ขอขึ้นตรงกับรัฐบาลที่ทำร้ายประชาชนจะขอเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คอยดูแลประชาชนโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย 2.รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศอีกต่อไป และ 3.ขอให้ทหาร ตำรวจ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ข้างประชาชน ไม่ทอดทิ้งและทำร้ายประชาชน
นพ.ธเนศ กล่าวว่า คณะแพทย์ พยาบาลในโรงพยาบาลหนองคายทุกคนรักความยุติธรรม ไม่อยากเห็นความรุนแรง ไม่อยากให้มีใครได้รับบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ตนยังเชื่อว่าทุกคนที่เป็นคนไทย มาฆ่ากันเองได้อย่างไร มาใช้ความรุนแรงกับประชาชน เราไม่ได้อยู่ฝ่ายไหน แต่เราไม่อยากเห็นการใช้ความรุนแรงกับประชาชน อยากถามว่าคนไทยฆ่ากันเองไม่อายบ้างหรือ ฝ่ายหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกฝ่ายมีเพียงมือตบ
"คนที่บาดเจ็บนั้นผมรู้จักอยู่ 2-3 คน คนที่ขาขาด เป็นลูกชายของอาจารย์ที่สอนผมอยู่ที่จุฬาฯ สอนผมผ่าตัดมากับมือ ยืนยันว่า คนที่บาดเจ็บจนขาขาดโดนระเบิดไม่ใช่แก๊สน้ำตาแน่นอน ต่อจากนี้ไปผมคิดว่าองค์กรแพทย์ทั่วประเทศจะมีความคิดเห็นเหมือนกันหมด เราไม่มีอำนาจ แต่เราเรียกร้องว่า ทหาร โดยเฉพาะตำรวจ ก่อนจะทำอะไรให้คิดให้ดี นี่คือพี่น้องประชาชนของเรา เราจะใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชนได้อย่างไร สามัญสำนึกง่าย ๆ ไม่ต้องให้ใครมาสอน ไม่ต้องให้หมอออกมาพูดว่าควรจะทำอย่างไร ผู้ที่ทำร้ายประชาชน ฆ่าคนไทยด้วยกัน ขอประณามว่าสุดที่จะเอือมระอา อายหมา"
ขณะที่คณะแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลหนองคาย แสดงจุดยืนนั้น แต่ละคนได้แสดงความรู้สึก เปล่งเสียงขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตลอดเวลา และประณามการกระทำของรัฐบาลและตำรวจว่าเป็นการทำร้ายประชาชนที่โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน พร้อมทั้งไม่ยอมรับการทำงานของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคน
แฉแก๊งโจรฆ่า ปชช.สนองพี่เมียลี้ภัย
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้เกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงขอประณามว่า เป็นรัฐบาลทมิฬที่ต้องการให้ประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าจะเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะเข้ามาสมานฉันท์ แต่ในทางตรงกันข้ามกับประกาศใช้ความรุนแรงและไม่ต้องการให้มีความสมานฉันท์เกิดขึ้น
จากการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจากสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีและมาถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช่ช่วงแรกมองว่าจะเกิดความสมานฉันท์ เพราะท่าทางและกิริยาเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สร้างความตกใจและแตกตื่นให้กับทุกๆฝ่าย
นายโอฬาร กล่าวต่อว่า การขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ได้ปฏิบัติตัวเป็นผู้บริหารประเทศจริงหรือเปล่า เพราะการกระทำเช่นนี้จะต้องไม่ใช่ผู้บริหารประเทศอย่างแน่นอน โดยควรจะมีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เข้าสู่สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง โดยเชื่อว่าต้องการให้เข้าหลักการขอลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สามารถเข้าหลักการได้ จึงต้องสั่งการให้เป็นเช่นนี้
"รัฐบาลชุดนี้มี 3 แนวทาง คือ 1.รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยการลาออกหรือยุบสภา เพื่อสู่การสร้างกติกาใหม่ 2.ปล่อยให้ทหารกระทำรัฐประหาร หรือ 3.ปล่อยให้ประชาชน เกิดการนองเลือดกันเอง โดยมีช่องทางให้เลือกดังกล่าวว่าจะใช้รูปแบบไหน"
เห็นกับตาตำรวจพยายามฆ่าประชาชน
ขณะที่นายณัฐวุฒิ เชษฐวงค์รัตน์ แกนนำพันธมิตรฯปราจีนบุรี เผยว่า ตนอยู่ในบริเวณหน้ารัฐสภา โดยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาและใช้อาวุธหนักยิงใส่ผู้ชุมนุมอย่างเลือดเย็นโดยตลอด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำกับประชาชนผู้บริสุทธิ์และปราศจากอาวุธได้ถึงเพียงนี้
"ส่วนตัวแล้ว ผมอยากจะให้มีการยกเลิกสันติวิธี อยากจะลุยกันให้ได้เสียไปข้างหนึ่ง เพราะถึงแม้ว่าประชาชนจะใช้ความอหิงสากับภาครัฐ แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นความตายที่ถูกหยิบยื่นให้โดยไม่มีสิทธิจะต่อสู้ ประชาชนจึงน่าจะมีการป้องกันตัวเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจกระทำป่าเถื่อนและรุนแรงอยู่เพียงฝ่ายเดียว"
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อนๆ พี่น้องผู้รักชาติด้วยกันต่างมองว่า ประชาชนคงไม่สามารถพึ่งพาหรือขอความคุ้มครองจากทหารในพระเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้อีกต่อไป เหตุการณ์ที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายอย่างเลือดเย็น ชี้ให้เห็นแล้วว่าทหารเป็นของพวกทรราชหมดสิ้นแล้วประชาชนไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว เพราะฉะนั้นประชาชนสามารถจะป้องกันตัวขั้นพื้นฐานได้
พวก"สัตว์นรก"มุ่งฆ่าประชาชน
นางรัตนา อ่องสมบัติ เลขาธิการกลุ่มพันธมิตรฯพัทยา-นาเกลือ เผยความรู้สึกหลังมีเหตุการณ์ตำรวจใช้อาวุธหนักทำร้ายประชาชนที่บริเวณหน้ารัฐสภาจนมีผู้เจ็บปวดล้มตายจำนวนมากนั้นชี้ให้เห็นได้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย ต้องการเอาชนะประชาชน โดยมีเจตนาทำร้ายและมุ่งเข่นฆ่าประชาชนอย่างชัดเจน แต่ตัวนายสมชาย เองยังคงเลือดเย็นเปิดประชุมเพื่อแถลงนโยบายอย่างไม่มีสะทกสะท้าน
"ฉันมีความเศร้าใจอย่างมาก เนื่องจากผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไม่แสดงตัวออกมาช่วยเหลือประชาชนเลย โดยเฉพาะทหารหาญที่ไม่กล้าจะออกมาปกป้องประชาชนของพระราชา ไม่ออกมาปกป้องความชอบธรรมของสังคมไทยอย่างที่ควรกระทำ แต่กลับนิ่งเฉยและทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เห็นคนในเครื่องแบบราชการ พวกสัตว์นรกออกมาเข่นฆ่าประชาชนจนสื่อต่างประเทศตีข่าวอย่างกว้างขวาง"
อัด รบ.โจรเหยียบเลือด-น้ำตา ปชช.
นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาด้วยความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธ ไม้กระบอง แก๊สน้ำตา ระเบิดพริกไทย จนทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งมองว่าการที่ผู้แทนราษฎรที่อ้างตัวเป็นตัวแทนของประชาชนเดินเท้าเปื้อนเลือดของประชาชนผู้บริสุทธิ์เข้าไปประชุมสภา โดยอ้างความชอบธรรมว่ามาจากการเลือกตั้งเป็นความคิดและการกระทำที่ไม่สง่างาม เพราะภาพการประชุมแบบรีบเร่ง เหมือนผู้ร้ายหนีตำรวจกับภาพการใช้กำลังหน้ารัฐสภาขัดต่อความรู้สึกของนานาประเทศ และอาจพูดได้ว่าการประชุมสภาฯของประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลกที่ประชาชนไม่ยอมให้ผู้แทนประชาชนเข้าไปประชุมสภา ซึ่งถ้าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมทางการเมืองสูงอย่างประเทศญี่ปุ่น
"ผู้นำประเทศคงต้องคว้านท้องตัวเองหรือลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองที่ไม่สามารถปกครองคนในชาติได้ แต่เมืองไทยนักการเมืองระดับชาติกลับไร้จิตวิญญาณและสปิริตทางการเมือง โดยไม่นึกถึงหลักธรรม และเมตตาจิต"
นายชาติชาย กล่าวต่อว่า รัฐบาลน่าจะหาทางเจรจามากกว่าการใช้กำลังหรือเลื่อนวัน-เวลาการประชุมออกไป ไม่ใช่ใช้กระสุนและแก๊สน้ำตาแล้วเหยียบคราบเลือดประชาชนเข้าไปประชุมสภา แล้วอย่างนี้ผู้นำประเทศและรัฐมนตรีของประเทศไทยเวลาไปเจอหน้ากับสากลโลกหรือชาติที่มีอารยธรรมจะกล้าเงยหน้า หรือยิ้มตอบคำถามกับนานาประเทศได้อย่างไร จึงอยากฝากบอกรัฐบาลทำผิดไปแล้วแก้ตัวใหม่ได้ แต่อย่าทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะจะเป็นบ่อเกิดแห่งฉนวนสงครามประชาชนกับรัฐบาล
ประณาม "สภาโจร-รบ.น้องเขยชั่ว"
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯภาคเหนือตอนล่าง คณะกรรมการประสานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือตอนล่าง-ภาคกลางและเครือข่ายนักพัฒนาองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือตอนล่าง ได้แถลงการณ์ประณามรัฐบาลหลังจากใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยระบุว่า การปราบปรามประชาชนของตำรวจภายใต้การสั่งการของนายสมชาย ที่ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายและเป็นพฤติกรรมของเผด็จการกระหายเลือด การแถลงนโยบายของสภาโจร เป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้ผู้รักชาติรักแผ่นดิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรอยด่างของแระวัติศาสตร์การเมืองไทย ระบบประชาธิปไตยที่ถูกผูกขาดด้วยนายทุน กำลังใช้เครื่องมือ นักการเมือง เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้พวกพ้องและใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือตระกูลชินวัตร
การใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนในภาคเหนือตอนล่าง ขอประณามรัฐบาลนายสมชาย และคณะรัฐมนตรี ที่ได้สร้างความเจ็บปวดบนรอยเลือดและคราบน้ำตาของประชาชน และเรียกร้องให้ประชาชนที่รักความเป็นธรรม ตอบโต้ต่อรัฐบาลอย่างรุนแรงและเด็ดขาด และตัดสินใจเดินทางเข้าร่วมกับพันธมิตรอย่างเร่งด่วน รวมทั้งการปฏิเสธอำนาจรัฐทุกรูปแบบ
คณะแพทย์ มอ.ประณาม"รัฐบาลชั่ว"
ด้านคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง "ปัญหาวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง" โดยความเห็นพ้องต้องกันของผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ เกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มีมติเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้ 1.ขอประณามการใช้ความรุนแรง ในการแก้ปัญหาสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง ยุติการใช้ความรุนแรงโดยสิ้นเชิง และไม่กระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการเมืองภาคประชาชน และต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน ตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 3.ในฐานะที่รัฐบาลเป็นองค์กรสูงสุดในการปกครองประเทศ ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยา ชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน และครอบครัวของผู้เสียชีวิตในระดับสูงสุดที่พึงจะได้รับ
ชี้นโยบายรัฐบาลไม่มีอะไรใหม่
ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการชุมชน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่า นโยบายของรัฐบาลที่แถลงมานั้นโดยภาพรวมแล้วไม่มีอะไรที่ใหม่เป็นนโยบายต่อเนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการขยายเศรษฐกิจการลงทุนอุตสาหกรรมการพาณิชย์และการส่งออก แต่น่าเสียดายประเด็นแก้ปัญหาภาคใต้น่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้ น่าจะเป็นนโยบายพูดถึงยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาความรุนแรง ความขัดแย้ง ให้มีรายละเอียดมุมมองที่ชัดเจนมากกว่านี้