ปชป.ระดม ส.ก.-ส.ข.50 เขต ปูพรมหาเสียงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ประกาศเปิดตัวทีมงานผู้บริหาร 5 โมงเย็น วันที่ 29 ก.ย.นี้ ขณะที่ “ชูวิทย์” กราบนมัสการสมเด็จเกี่ยว เปรียบตนเองเป็นองคุลีมาลกลับใจ ชูนโยบายส่งเสริมกทม.เป็นแหล่งท่องเที่ยวช้อปปิ้ง "สมชาย" มั่นใจ "ประภัสร์" แก้จราจรได้ ขณะที่ผู้สมัครพร้อมใจประสานเสียงไม่มีนโยบายรื้อสล้มพ้นกทม.
วันที่ 28 กันยายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 ได้ปล่อยขบวนรถหาเสียงใน 50 เขตของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชน เลือกผู้สมัครหมายเลข 5 กลับมาทำงานอีกสมัย โดยมอบธงสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ให้กับ ส.ก.และส.ข.ทั้ง 50 เขต จากนั้นขึ้นขบวนรถหาเสียง เพื่อตระเวนประชาสัมพันธ์
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การปล่อยขบวนรถหาเสียงครั้งนี้เพื่อแสดงความพร้อมและตั้งใจจริงของพรรค ที่ต้องการกลับมารับใช้ประชาชนชาว กทม.อีกครั้ง โดยตนจะนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์การทำงาน มาปรับใช้ และทำงานเพื่อประชาชน และพร้อมที่จะประชันวิสัยทัศน์กับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนอื่นๆ ในทุกพื้นที่
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จะเปิดตัวทีมงานผู้บริหารในเวลา 17.00 น.ที่สวนลุมพินี ซึ่งทีมงานล้วนเป็นบุคลากรที่สำคัญ มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเข้ามาทำงาน
“ขณะนี้มีความกังวลว่าผลการสำรวจที่ออกมาว่า นายอภิรักษ์มีคะแนนนำ ทำให้มีความเคลื่อนไหวของบางพื้นที่ที่จะมีการเทคะแนนจากผู้สมัครคนนึ่งไปอีกคนหนึ่ง เหมือนกับที่เคยมีการทำในต่างจังหวัด และยังมีการใส่ร้ายป้ายสีออกมาเป็นทั้งใบปลิวและแผ่นป้าย เพื่อลดความน่าเชื่อถือนายอภิรักษ์ ซึ่งพรรคกำลังรวบรวมข้อมูล หากพบว่ามีการทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที” นายองอาจกล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 เดินทางพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดสระเกศ ทั้งนี้ยังได้ร่วมสนทนาธรรมและรับพรจากสมเด็จเกี่ยวด้วย โดยนายชูวิทย์ เปรียบตนเองเป็นองคุลีมาล ที่กลับเนื้อกลับตัวเพื่อต้องการรับใช้ประชาชน ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวว่า องคุลีมาลเป็นคนดี และขอให้มีความตั้งใจในการทำงาน
นายชูวิทย์ กล่าวถึงนโยบายด้านการท่องเที่ยวด้วยว่า เป็น 1 ในนโยบายริเริ่มของตนเอง โดยจะสร้างจุดขายสำคัญของ กทม.คือ โบราณสถาน วัฒนธรรม และแหล่งชอปปิ้ง หากตนเป็นผู้ว่าฯ จะเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโบราณสถานและวัด ถือเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ จะจัดสรรงบประมาณเฉพาะมาทำนุ บำรุงโบราณสถาน วัดต่างๆ ใน กทม. จัดแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้ง
**รับปากไม่รื้อถอนสลัมออกจากเมือง
วันเดียวกัน ในเวทีอภิปรายสาธารณะ ในหัวข้อ “เปิดพื้นที่คนจนเมือง เปิดวิสัยทัศน์ด้านชุมชนแออัด ที่จัดโดย คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเครือข่ายสลัม 4 ภาค ที่ห้องประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนการอภิปรายตามกำหนดการมีรายชื่อผู้ร่วมอภิปราย เพียงแค่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 หมายเลข 5 หมายเลข 8 และหมายเลข 10 เท่านั้น ซึ่งทีมงานหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7 ได้มาตะโกนร้องประณามการจัดงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อประชาธิปไตย และไม่ได้รับเชิญเข้ามาร่วมงาน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 5 กล่าวยืนยันหากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะไม่มีนโยบายรือถอนสลัมออกจากเมือง และจะดำเนินการสำรวจจำนวนผู้อยู่อาศัยภายในชุมชนอย่างชัดเจน เพื่อการแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการอื่น อาทิ โอกาสทางการศึกษาเรียนฟรีใน รร.สังกัด กทม.และได้รับแบบเรียนอุปกรณ์การเรียนอื่น บริการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ผลักดันให้ได้รับสิทธิ และทะเบียนบ้าน
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 ยืนยันจะไม่มีการรื้อถอนสลัมออกจากเมือง และเพิ่มการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโดยสารรถประจำทาง และเสนอจัดให้มีบุฟเฟ่ต์อาหาร สำหรับคนยากไร้ เนื่องจากพบว่าค่าใช้จ่ายของผู้ยากไร้ส่วนใหญ่ร้อยละ 50 เป็นค่าอาหาร อีกร้อยละ20 เป็นค่าเดินทาง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาชุมชนในสำเร็จจริงนั้น ต้องถือเป็นหน้าที่ของรัฐ หากชาวชุมชนสามารถรวมตัวกันได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อต่อรองไม่ต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่ได้ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะสนับสนุนให้เกิด พ.ร.บ.พิเศษ ที่จะเป็นการออกระเบียบการอยู่อาศัยในชุมชน ทั้งกายภาพทำให้เกิดการปฏิบัติ และอยู่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการอนุรักษ์ชุมชนเก่า พร้อมสนับสนุนให้เกิดการออกทะเบียนบ้านในชุมชน และทะเบียนบ้านชั่วคราวให้ผู้ใช้แรงงานก่อสร้าง
นางลีน่า จังจรรจา ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 กล่าวว่า หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ร่ำรวยเหมือนตน โดยสนับสนุนให้มีการตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อส่งออก และดูแลด้านสวัสดิการอื่น ทั้งอัตราค่าโดยสาร 88 บาท และการขึ้นเรือด่วนฟรี
**สมชายเชื่อประภัสร์แก้จราจรได้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีสยาม ไปยังสถานีสะพานตากสิน เพื่อลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคพลังประชาชน โดย นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาจราจรใน กทม. เป็นปัญหาใหญ่ต้องการคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านระบบการจราจรมาช่วยแก้ไข เชื่อว่าหาก นายประภัสร์ ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า ฯ กทม. จะนำประสบการณ์ด้านระบบขนส่งมวลชนที่มีมานับสิบปี ช่วยแก้ปัญหาจราจรใน กทม. ได้ นอกจากนี้ หากผู้ว่าฯ กทม. และรัฐบาลกลางมาจากพรรคเดียวกัน การประสานงานในโครงการต่าง ๆ จะได้สอดคล้อง และงานจะดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
ด้าน นายประภัสร์ ได้หาเสียงด้วยการขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาจราจร จัดทำระบบขนส่งที่เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้า กทม. และรถไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างครบวงจร คาดว่า จะช่วยแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี และหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเร่งประสานดำเนินการโครงการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีตากสินไปยังฝั่งธนบุรี ให้สามารถเปิดบริการได้ภายใน 1 ปี จากนั้น นายประภัสร์ ได้เดินทางไปหาเสียงที่บริเวณถนนสีลม
วันที่ 28 กันยายน ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 ได้ปล่อยขบวนรถหาเสียงใน 50 เขตของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชน เลือกผู้สมัครหมายเลข 5 กลับมาทำงานอีกสมัย โดยมอบธงสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ให้กับ ส.ก.และส.ข.ทั้ง 50 เขต จากนั้นขึ้นขบวนรถหาเสียง เพื่อตระเวนประชาสัมพันธ์
นายอภิรักษ์ กล่าวว่า การปล่อยขบวนรถหาเสียงครั้งนี้เพื่อแสดงความพร้อมและตั้งใจจริงของพรรค ที่ต้องการกลับมารับใช้ประชาชนชาว กทม.อีกครั้ง โดยตนจะนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์การทำงาน มาปรับใช้ และทำงานเพื่อประชาชน และพร้อมที่จะประชันวิสัยทัศน์กับผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนอื่นๆ ในทุกพื้นที่
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จะเปิดตัวทีมงานผู้บริหารในเวลา 17.00 น.ที่สวนลุมพินี ซึ่งทีมงานล้วนเป็นบุคลากรที่สำคัญ มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเข้ามาทำงาน
“ขณะนี้มีความกังวลว่าผลการสำรวจที่ออกมาว่า นายอภิรักษ์มีคะแนนนำ ทำให้มีความเคลื่อนไหวของบางพื้นที่ที่จะมีการเทคะแนนจากผู้สมัครคนนึ่งไปอีกคนหนึ่ง เหมือนกับที่เคยมีการทำในต่างจังหวัด และยังมีการใส่ร้ายป้ายสีออกมาเป็นทั้งใบปลิวและแผ่นป้าย เพื่อลดความน่าเชื่อถือนายอภิรักษ์ ซึ่งพรรคกำลังรวบรวมข้อมูล หากพบว่ามีการทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที” นายองอาจกล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 เดินทางพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) ประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดสระเกศ ทั้งนี้ยังได้ร่วมสนทนาธรรมและรับพรจากสมเด็จเกี่ยวด้วย โดยนายชูวิทย์ เปรียบตนเองเป็นองคุลีมาล ที่กลับเนื้อกลับตัวเพื่อต้องการรับใช้ประชาชน ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวว่า องคุลีมาลเป็นคนดี และขอให้มีความตั้งใจในการทำงาน
นายชูวิทย์ กล่าวถึงนโยบายด้านการท่องเที่ยวด้วยว่า เป็น 1 ในนโยบายริเริ่มของตนเอง โดยจะสร้างจุดขายสำคัญของ กทม.คือ โบราณสถาน วัฒนธรรม และแหล่งชอปปิ้ง หากตนเป็นผู้ว่าฯ จะเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโบราณสถานและวัด ถือเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ จะจัดสรรงบประมาณเฉพาะมาทำนุ บำรุงโบราณสถาน วัดต่างๆ ใน กทม. จัดแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งชอปปิ้ง
**รับปากไม่รื้อถอนสลัมออกจากเมือง
วันเดียวกัน ในเวทีอภิปรายสาธารณะ ในหัวข้อ “เปิดพื้นที่คนจนเมือง เปิดวิสัยทัศน์ด้านชุมชนแออัด ที่จัดโดย คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเครือข่ายสลัม 4 ภาค ที่ห้องประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนการอภิปรายตามกำหนดการมีรายชื่อผู้ร่วมอภิปราย เพียงแค่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 หมายเลข 5 หมายเลข 8 และหมายเลข 10 เท่านั้น ซึ่งทีมงานหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7 ได้มาตะโกนร้องประณามการจัดงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อประชาธิปไตย และไม่ได้รับเชิญเข้ามาร่วมงาน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 5 กล่าวยืนยันหากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะไม่มีนโยบายรือถอนสลัมออกจากเมือง และจะดำเนินการสำรวจจำนวนผู้อยู่อาศัยภายในชุมชนอย่างชัดเจน เพื่อการแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการอื่น อาทิ โอกาสทางการศึกษาเรียนฟรีใน รร.สังกัด กทม.และได้รับแบบเรียนอุปกรณ์การเรียนอื่น บริการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ผลักดันให้ได้รับสิทธิ และทะเบียนบ้าน
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 2 ยืนยันจะไม่มีการรื้อถอนสลัมออกจากเมือง และเพิ่มการให้ความช่วยเหลือ ทั้งการไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโดยสารรถประจำทาง และเสนอจัดให้มีบุฟเฟ่ต์อาหาร สำหรับคนยากไร้ เนื่องจากพบว่าค่าใช้จ่ายของผู้ยากไร้ส่วนใหญ่ร้อยละ 50 เป็นค่าอาหาร อีกร้อยละ20 เป็นค่าเดินทาง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาชุมชนในสำเร็จจริงนั้น ต้องถือเป็นหน้าที่ของรัฐ หากชาวชุมชนสามารถรวมตัวกันได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อต่อรองไม่ต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่ได้ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะสนับสนุนให้เกิด พ.ร.บ.พิเศษ ที่จะเป็นการออกระเบียบการอยู่อาศัยในชุมชน ทั้งกายภาพทำให้เกิดการปฏิบัติ และอยู่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการอนุรักษ์ชุมชนเก่า พร้อมสนับสนุนให้เกิดการออกทะเบียนบ้านในชุมชน และทะเบียนบ้านชั่วคราวให้ผู้ใช้แรงงานก่อสร้าง
นางลีน่า จังจรรจา ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 กล่าวว่า หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ร่ำรวยเหมือนตน โดยสนับสนุนให้มีการตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อส่งออก และดูแลด้านสวัสดิการอื่น ทั้งอัตราค่าโดยสาร 88 บาท และการขึ้นเรือด่วนฟรี
**สมชายเชื่อประภัสร์แก้จราจรได้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสจากสถานีสยาม ไปยังสถานีสะพานตากสิน เพื่อลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคพลังประชาชน โดย นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาจราจรใน กทม. เป็นปัญหาใหญ่ต้องการคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านระบบการจราจรมาช่วยแก้ไข เชื่อว่าหาก นายประภัสร์ ได้รับเลือกเป็นผู้ว่า ฯ กทม. จะนำประสบการณ์ด้านระบบขนส่งมวลชนที่มีมานับสิบปี ช่วยแก้ปัญหาจราจรใน กทม. ได้ นอกจากนี้ หากผู้ว่าฯ กทม. และรัฐบาลกลางมาจากพรรคเดียวกัน การประสานงานในโครงการต่าง ๆ จะได้สอดคล้อง และงานจะดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
ด้าน นายประภัสร์ ได้หาเสียงด้วยการขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาจราจร จัดทำระบบขนส่งที่เชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้า กทม. และรถไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างครบวงจร คาดว่า จะช่วยแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี และหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะเร่งประสานดำเนินการโครงการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีตากสินไปยังฝั่งธนบุรี ให้สามารถเปิดบริการได้ภายใน 1 ปี จากนั้น นายประภัสร์ ได้เดินทางไปหาเสียงที่บริเวณถนนสีลม