xs
xsm
sm
md
lg

“อภิรักษ์” ชูเก็บค่ากรีนฟรี ลดน้ำเน่าเสีย ดร.แดน โวมือประสานสิบทิศ ชูวิทย์ถล่มคู่แข่งไม่ยั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิรักษ์ โกษะโยธิน
ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ตัวเต็งร่วมโชว์กึ๋นนักศึกษา “อภิรักษ์” ชูเก็บค่ากรีนฟรี ลดน้ำเน่าเสียในคู คลอง เน้นพัฒนาคนที่จิตใจ “ดร.แดน” โวมีเพื่อน-ลูกศิษย์ในกระทรวง กรมต่างๆ เยอะ ประสานงานลื่นชัวร์ ส่วน “ชูวิทย์” ให้ใช้วิจารณญาณเลือกคนดีเป็นผู้ว่าฯ แต่ยังใช้เวทีดีเบตโจมตีผู้สมัครคนอื่นเหมือนเดิม พร้อมชูระบบปลายท่อเปิด ช่วยบำบัดน้ำเสียในกทม.ประหยัดงบ แทนการสร้างโรงบำบัดนำเสียขนาดใหญ่ แฉ “หล่อเล็ก” อีกทีคลองไม่ใสจริงอย่างโว

วันนี้ (25 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรได้จัดเวทีเสวนา “แถลงนโยบายของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” โดยมี นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หมายเลข 2 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หมายเลข 8 เข้าร่วมงาน

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ครั้งที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ตลอดระยะการทำงานได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุก 3 เดือน และได้นำความเห็นดังกล่าวมาปรับเป็นนโยบาย 5 ด้าน เพื่อสร้าง กทม.แห่งอนาคต ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในด้านการศึกษา ตนได้พัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง ผ่านการประเมินของ สมศ.กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ผ่านแค่ 70 เปอร์เซ็นต์ แพ้ก็แค่โรงเรียนสาธิต เท่านั้น ด้านโรงเรียน 2 ภาษา ก็มีอยู่แล้ว เช่น สอนภาษาไทย-อังกฤษ ที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร สอนภาษาไทย-จีน ที่โรงเรียนวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่สำคัญจะเน้นการพัฒนาจิตใจให้เด็กกทม. มีจิตอาสาซึ่งจะบรรจุลงในหลักสูตรกรุงเทพฯศึกษา ส่วนความปลอดภัยก็จะมีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่เสี่ยง และเพื่อให้กทม. เท่าเทียมกับต่างประเทศเทศในเรื่องของการสื่อสาร จะมีการเปิดช่อง Bangkok city channel” สถานีโทรทัศน์ 24 ชม.

นอกจากนั้น นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขน้ำเน่าเสีย ว่า ต้องใช้ระบบการบริหารจัดการแบบประเทศในทวีปยุโรปที่ประชาชนจะต้องจ่ายค่า กรีนฟรี ซึ่งเป็นการบังคับให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดมลพิษทางน้ำน้อยลง และประชาชนก็ไม่ต้องเสียเงินในการบำบัดน้ำเสีย อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการ กทม.จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากคนกรุงทพฯไม่มีการเปลี่ยนวิธีคิด ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้กับข้าราชการลูกจ้างกทม. งานทุกอย่าง ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งต้องมีการปลูกฝังค่านิยมทางด้านจิตใจใหม่ทั้งนี้หากมีข้อเสนอแนะ หรือ คำถามให้โพสต์ไว้ได้ที่ www.futurebangkok.net
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
ด้านนายเกรียงศักดิ์ กล่าวถึงคุณสมบัติของตนเองที่เหมาะสมจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ว่า สิ่งที่ผู้สมัครรายอื่นไม่มี แต่ตนมี ก็คือ อุดมการณ์ที่มุ่งมั่น ที่อยากเข้ามาช่วยเหลือประชาชนกทม.ตั้งแต่ช่วงที่ตนยังเป็นวัยรุ่น ที่เจอเด็กตาบอด และได้ทำกิจกรรมเพื่อคนตาบอด เช่นหนังสืออักษรเบลล์ และกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม จนมาวันนี้อายุ 53 ปี อุดมการณ์ก็ยังไม่เปลี่ยน และการที่ตนอาสามาให้ประชาชนเลือก เพราะว่าตนอยากแบ่งเบาภาระคนกทม. ไม่เอาชีวิตของคนกทม.มาเป็นสนามทดลองที่ไร้ทิศทาง สะเปะสะปะ นอกจากนี้ตนยังมีความพร้อมทางด้านนโยบายเพราะตนได้เขียนหนังสือวิชาการ บทความที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง นอกจากนั้นยังมีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีคณะกรรมการถึง 66 ชุดจำนวน กว่า 3,000 คนเข้าร่วม ซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ ตลอนจนมีความตั้งใจจริง ในการประสานงานกับทุกหน่วยงานไม่ติดผลประโยชน์พรรคการเมือง เป็นมิตรกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง กรม กองไหน ตนเชื่อว่าตนสามารถประสานงานได้ เพราะว่า ผู้บริหารในหน่วยงานนั้น อาทิ อธิบดี ข้าราชการระดับสูงก็ล้วนเป็นเพื่อนและลูกศิษย์ของตน

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นถ้าเลือกตนจะได้เห็นแตกต่าง เพราะตนจะขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิวัฒน์ครั้งยิ่งใหญ่ใน กทม.นอกจากนี้ ในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯกทม. อยากให้เปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัคร ทางด้านการศึกษา ประวัติการทำงาน ผลงาน ประสบการณ์ ซึ่งตนมีทั้งใน และต่างประเทศอย่างโชกโชน ทั้งนี้ตนขอเสนอตัวทำบุญกับคนกทม. ถ้าเห็นว่าตนมีประโยชน์พอ นอกจากนี้ ในส่วนที่เป็นคนต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาทำงานใน กทม.ตนมีนโยบายให้คนเหล่านั้นย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาเป็นประชากรในกทม. ได้จริง ไม่ใช่เป็นประชากรแฝงอย่างในปัจจุบัน โดยต้องมีอาชีพที่เหมาะสม รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนให้นักธุรกิจทั่วโลกมาลงทุนกับ กทม.เช่น สร้างแรงจูงใจในการขอใบอนุญาตกับกทม.ในเวลาอันสั้น ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์กับบ้านพี่เมืองน้อง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่สำคัญ จะมีการเชิญทูตมาหาโอกาสสร้างการลงทุนใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น รวมถึงตนมีแนวคิดเปลี่ยนชุมชนแออัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนในแหล่งชุมชนได้

“มหานครไวแม็กซ์ของตนจะทำอย่างโปร่งใส โดยให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูล ไม่มีการผูกขาดเหมือน Bangkok Green Wi-Fi และจะติดตั้งเสาสัญญาณทั้งหมด 200 เสา ห่างกัน 10 กม. ครอบคลุมทั่วพื้นที่ กทม.ทั้งนี้ เชื่อว่า ไวแมกซ์จะไม่มีล่ม เพราะจะนำเทคโลยีระดับสูงมาใช้ แต่หากระบบสัญญาเกิดความผิดพลาด บริษัทที่ร่วมลงทุนต้องดูแล” นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

ส่วนการแก้ไขปัญหาแหล่งบันเทิงใกล้สถานศึกษา นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า จะร่วมมือกับหน่วยงานอื่น และปรับเปลี่ยนวางผัง จัดโซนนิ่งและใช้กลไกทางภาษีเพื่อให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงย้ายเข้าโซนที่ได้จัดวางผังไว้

นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย น้ำท่วมว่า ตนจะระบุให้มีการลอกท่อปีละ 2 ครั้ง กำหนดวันเวลาที่แน่นอน ปักป้ายบอกไว้ เพื่อไม่ให้ขยะล้นเมือง ที่สำคัญ จะมีการสร้างสะดือ กทม.เพื่อรับน้ำในเขตพื้นที่หนองจอก หนองแขม จากนั้นก็จะสร้างสวนสาธารณะล้อมรอบ โดยมีสายสะดือกทม. เชื่อมกับคลองเพื่อระบายออกรอบนอก รวมถึงติดเซ็นเซอร์ระบบพยากรณ์น้ำ ปริมาณน้ำ โดยใช้ระบบไวแมกซ์เข้ามาช่วย นอกจากนี้ยังมีแนวคิดทำบ้านลอยน้ำให้กับประชาชนโดยให้บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง นำไปออกแบบ และสร้างบ้าน ทั้งนี้จะได้เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในภาวะที่เกิดน้ำท่วม แต่ต้องพิจารณาดูสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ด้วยการสร้างเขื่อนที่ปากอ่าว เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากพื้นที่ กทม.แต่เป็นการไหลบ่ามาจากแม่น้ำสายต่างๆ รวมไปถึงการเกิดพายุที่ทะเลด้วย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ส่วนนายชูวิทย์ กล่าวว่า อย่าถามว่าตนมีนโยบายอะไร แต่ตนอยากให้ทุกคนคิดดูว่า 4 ปีที่ผ่านมา ที่เขาให้นโยบายว่าทำได้หรือไม่ อยากให้ดูว่าทำได้แค่ไหน และนโยบายที่ทำสงครามกับหนูแมลงสาบ เชื่อหรือไม่ว่าจะทำได้จริง ถ้าเชื่อก็ไม่ใช่นักศึกษาแล้ว แม้แต่โครงการรถเมล์ด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) สร้างสถานีเสร็จก็ไม่มีรถวิ่ง เพราะกรรมการที่ยื่นซองประกวดราคา ถือหุ้นไขว้กัน เข้าข่ายฮั้วประมูล มีแต่สถานีจะทำอะไรได้ รถดับเพลิงก็เช่นเดียวกัน ก็จอดตากแดด ตากฝน เสียงงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่อับยศทุจริตที่สุด คิดดูแล้วกันว่า รถดับเพลิงเป็นยี่ห้อมิตซูบิชิ ที่ประเทศไทยผลิตขึ้นแต่กลับให้ฝรั่งเอามาขายให้เรา หากตนได้นั่งเบาะนิ่มๆ ที่ศาลาว่าการ กทม.ตนจะต่อราคารถดับเพลิง เพราะมันเหมือนสินค้ามือสอง ถ้าไม่ขายก็ให้เอากลับไป ส่วนที่กทม. ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง คือ 1.กระทบต่อเศรษฐกิจ 2.ระเบียบเมือง 3.ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขอถามว่า คน กทม.ได้รับผลประโยชน์จริงหรือไม่ และที่ กทม.ได้รับรางวัล เพราะ กทม.เป็นคนทำเองหรือไม่

นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า อำนาจของผู้ว่าฯกทม.มีอยู่อย่างจำกัด จะให้คนเพียงคนเดียวทำงานให้กับคน 12 ล้านคนที่อาศัยอยู่ใน กทม.มีความสุข คงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องให้ ข้าราชการกทม. เป็นตัวเชื่อมกับคน 12 ล้านคน เพราะเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง สามารถตอบสนองความต้องการของคนกทม.ได้ทันที ดังนั้นในวันที่ 5 ตุลาคม จะตัดสินใจเลือกใครเป็นผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องแล้วแต่วิจารญาณ ให้คิดเอง ตนคงไม่บอกว่าให้เลือกตน เพราะยังมีผู้สมัครรายอื่นอีก แต่คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯกทม. ไม่มีให้เลือกเยอะ ไม่ใช่ของที่หาซื้อได้ตามในตลาด เช่น ยาสีฟัน ซึ่งจะเลือกใครก็ชั่งน้ำหนักเอาเอง และอย่าถามว่า หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้ว มีมีการฮั้ว คอร์รัปชั่นหรือไม่ ตนขอตัวอย่างว่า คนที่มาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทุ่มงบ 39 ล้านบาทในการหาเสียง แต่หากได้เป็นทำงาน 4 ปี ได้เงินเดือนแค่ 6 ล้านบาท ดังนั้น ก็ต้องมีการถอนทุนคืน แต่จะมากหรือน้อยให้พิจารณาที่สังกัด หากมีพรรคการเมืองช่วยเหลือการถอนทุนก็ต้องแบ่งประโยชน์ให้กับทางพรรคพวกด้วย

นอกจากนี้ ได้มีคำถามจากนักศึกษาถามว่า จะกลับเมืองระดับประเทศอีกหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า “ผมเอาปลาไหลมา ก็ต้องเจอใบข่อยเท่านั้น ที่จะไม่ทำให้ปลาไหลมันลื่น ที่บอกว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ก็เข้าร่วม ที่บอกว่าไม่เอาครอบครัวเข้ามายุ่ง แต่พอจัดตั้ง ครม.สมชาย 1 ลูกปลาไหลอายุ 35 ปีมามาดๆ ก็ได้เป็น รมช.คมนาคม เห็นหรือไม่ว่าผมรู้ทันคน”


วันเดียวกัน เวลา 10.00 น.ที่ริมคลองหลอดวัดราชบพิตร ด้านหน้าสวนรมณีนาถ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 ในนามอิสระ แถลงนโยบายปรับปรุงคุณภาพน้ำในคลองชั้นใน กทม. ว่า ในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธินผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ได้ มีโครงการ 10 สวนสวย 10 คลองใส และ 10 ถนนสะอาด ถือเป็นของขวัญให้กับคนกรุงเทพฯ ซึ่ง 1 ใน 10 คลองที่ว่ารวมคลองหลอดวัดราชบพิตรด้วย แต่ที่ตนพาสื่อลงมาพื้นที่นี้อยากให้เห็นกับตาว่าคลองหลอดใสจริงอย่างที่โฆษณาประชาสัมพันธ์หรือไม่ ซึ่งตนยืนยันว่า จำเป็นต้องพูดถึงความล้มเหลวของนโยบายต่างๆ ที่นายอภิรักษ์เคยทำไว้ อย่าหาว่าตนโจมตีอย่างเดียว โดยวันนี้ตนมีนโยบายแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียมานำเสนอ ซึ่งจะใช้วิธีระบบระบบปลายท่อเปิด (open end) เป็นระบบบำบัดน้ำเสียขนาดเล็ก แทนการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนสูง

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียของ กทม.ในปัจจุบัน เริ่มจากการบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนประชาชน ซอย ถนน คลอง ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำ แต่ระบบปลายท่อเปิดของตน จะรองรับน้ำเสียจากบ้านเรือนประชาชน ไหลลงสู่ซอย ถนน แต่ก่อนจะไหลลงคลองจะมีการสร้างบ่อบำบัดย่อยดักไว้ที่ท่อก่อนปล่อยลงสู่คลองและแม่น้ำ งบประมาณไม่เกิน 300,000 บาท/บ่อ หากดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ชั้นใน 12 เขต ใช้งบประมาณไม่เกิน 100 ล้านบาท ทั้งนี้หากตนได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. สามารถทำได้ทันทีภายใน 3 เดือน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียที่ต้องลงทุนถึง 5,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถบำบัดน้ำเสียได้เต็มที่ เพราะปัจจุบัน กทม.มีโรงบำบัดน้ำเสีย 9 แห่ง สามารบำบัดน้ำเสียได้ 40% ของพื้นที่ กทม.ทั้งหมดเท่านั้น อีกทั้งก่อนก่อสร้างยังจะมีการปัญหาการประมูลจัดซื้อจัดจ้างอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่นายชูวิทย์เริ่มแถลงข่าวไปได้ไม่นาน ได้มีรถทีมงานของนางลีนา จังจรรจา (ลีน่า จัง) หมายเลข 7 มาจอดอีกฟากถนนพร้อมเปิดเครื่องขยายเสียง ส่วนทีมงานในชุดไทยทยอยลงจากกระบะหลังมาชูป้าย ทำให้ นายชูวิทย์ หยุดแถลงข่าวไปชั่วขณะ และทีมงานต้องข้ามถนนไปเคลียร์กับนางลีน่า จัง ซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าของรถแต่ไม่สามารถตกลงได้ ทำให้นายชูวิทย์ที่นั่งอยู่กับโต๊ะแถลงข่าวต้องโทรศัพท์เข้าหานางลีน่า จังด้วยตัวเอง ซึ่งทันทีที่นางลีน่า จัง รับสาย นายชูวิทย์ ได้กดลำโพงให้ผู้สื่อข่าวได้รับฟังการสนทนาด้วย โดยนายชูวิทย์ ระบุว่าขอให้ตนแถลงข่าวเสร็จก่อน พร้อมกับแซวว่า เมื่อวานนางลีน่า จัง ตกคลองสวยแล้ว ดังไปแล้วต้องแบ่งกันบ้าง อย่ามาแย่งกันดัง ซึ่ง นางลีน่า จัง ก็ยอมปิดเครื่องเสียงแต่ยังไม่ออกรถไปไหนรอจน นายชูวิทย์ แถลงข่าวเสร็จสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น