“ประภัสร์” ไม่เชื่อเอ็กซิตโพล รอลุ้นผลอย่างเป็นทางการ ยันเสนอตัวรับใช้ประชาชนไม่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ขณะที่ “ชูวิทย์” ประกาศติดตามตรวจสอบการทำงานอภิรักษ์ต่อไป เตือนอย่าเพิ่งได้ใจ รอ กกต.รับรองผลก่อน พร้อมตั้งพรรคสู้เพื่อไทย ลงสนามการเมืองระดับชาติ ขณะที่ “เกรียงศักดิ์” ไม่ท้อขอยันอุดมการณ์เดิม “ลีนา” ลุ้นคะแนนถึงแสน ลงสมัคร ส.ส.
วันที่ 5 ตุลาคม ที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 10 กล่าวภายหลังทราบผลคะแนนจากเอ็กซิตโพล ซึ่งสำรวจผลคะแนน ณ หน่วยเลือกตั้ง โดย นายประภัสร์ ตามมาอยู่ในอันดับที่ 2 ว่า คงต้องรอผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อรอคะแนนนับจนครบจึงจะทราบว่าผลของคะแนนเป็นอย่างไร ขณะนี้คงยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ เพราะเท่าที่ดูตัวเลขโพลในช่วงแรก ไม่เคยมีคะแนนติดลำดับต้นๆ เชื่อว่า เป็นการทำโพลหลายวิธีและถามจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น สำหรับคะแนนเสียงที่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้น ได้มาจากการดีเบตทางทีวี มีหลายครั้งที่พูดในเรื่องนโยบายค่อนข้างชัดเจน จนทำให้ผู้แข่งขันพยายามเลี่ยงออกทีวีพร้อมๆ กัน เพราะเกรงว่าคะแนนจะหายไปเรื่อยๆ
**ยันอาสาเสนอตัวเองรับใช้ประชาชน
“การตัดสินใจลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการอาสาเสนอตัวเอง ทำงานรับใช้ประชาชน เพราะต้องการทำงานเพื่อประเทศ ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง โดยในส่วนของพรรคก็ให้อิสระในการบริหารเต็มที่ ที่ผ่านมา จึงมีการรณรงค์ให้ประชาชนเลือกผู้ว่าฯ กทม.ด้วยเหตุผลว่า จะทำอะไรให้กับชาว กทม.บ้างโดยอย่าเอาเรื่องพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมว่าเป็นเรื่องไม่ถูก ควรจะเอาความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งสูงสุด แต่ไม่รู้คนอื่นสอนกันอย่างไร แต่ให้คิดถึงส่วนรวมมาก่อน” นายประภัสร์ กล่าว
นายประภัสร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากนี้คงจะขอพักผ่อนก่อน หลังจากที่หาเสียงมานานกว่า 1 เดือน โดยหลังจากที่ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเสร็จเรียบร้อยก็ไปรับประทานอาหาร พบปะประชาชนหลายคนบอกว่าให้กำลังใจอยู่ รวมถึง นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก็บอกว่า ขอให้โชคดี
**“ชูวิทย์” ลั่นตามติดตรวจสอบ “อภิรักษ์”
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนซึ่งไม่ใช่เพียงชาวกทม.แต่เป็นประชาชนทั่วประเทศที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อ 4 ปี ที่แล้วตนสร้างสวนชูวิทย์ฯ เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนเข้ามาพักผ่อนได้ฟรี มาครั้งนี้เมื่อมีประชาชนให้ความไว้วางใจลงคะแนนให้ตนก็จะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อย่างเข้มงวด เพราะในอีก 4 ปี ข้างหน้าก็เป็นงานหนัก เนื่องจากตนได้นำข้อมูลต่างๆ มาให้ประชาชนรับทราบ ทำให้ประชาชนจับตา ทั้งเรื่องรถบีอาร์ที รถและเรือดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยจะอาศัยความเป็นหัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย ที่ได้ทำการจดทะเบียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีสัญลักษณ์รูปกำปั้น มีสโลแกนว่า “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก”
“เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาทำให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แต่ละคนมีความเครียด ต้องพบปะพี่น้องประชาชน แสดงวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะผู้สมัครในนามอิสระ ที่ไม่มีพรรคการเมืองที่สามารถแบ่งบันความเครียดกันได้ ซึ่งตนต้องบริหารทั้งเวลา การเงิน และกำลังคน ซึ่งผลโพลครั้งก่อนบอกว่าผมจะอยู่อันดับ 2 จึงน่าจะสู้ได้อย่างน้อยอันดับ 2 ซึ่งหากเป็นเพราะเหตุการณ์ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาก็น่าเสียดายมาก โดยการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัคร 2 ครั้ง ก็พอแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว
เตือน “อภิรักษ์” อย่าเพิ่งมั่นใจรอ กกต.รับรองผลก่อน
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ นายอภิรักษ์ ก็อย่าเพิ่งมั่นใจ เพราะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งนายอภิรักษ์ อาจต้องต่อสู้ในประเด็นต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ ตนได้ร้องเรียนกับทาง กกต.ซึ่งเป็นเรื่องที่ นายอภิรักษ์ทำตัวเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะได้ใบเหลือง ใบแดง ก็แล้วแต่ สุดท้าย นายอภิรักษ์ ต้องเจอกับข้อหาหนักในการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายอภิรักษ์ มีผลงานนั้น ตนถือว่าผลงาน 4 ปีที่ผ่านมามีไม่มาก แต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 2555 อีก 4 ปีข้างหน้า ทำนายว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ถ้าผลงานยังมีน้อยเช่นนี้
**ดร.แดน ไม่ท้อหางานทำวงการอื่น
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ตน และคะแนนที่ไม่ให้ก็ขอขอบคุณที่แสดงจุดยืนเพื่อให้ประโยชน์กับส่วนรวม และจะเอาไปพิจารณาว่าจะต้องทำอะไรเพื่อประชาชนมากขึ้น ซึ่งหากได้ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ถือว่าจะได้ทำงานเต็มที่เพื่อประชาชน หรือหากไม่ได้ก็ยังทำงานเต็มที่เพื่อประชาชนเช่นกัน ตนไม่ยึดติดและยังเป็นคนเดิมไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ตำแหน่งก็ตาม อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูผลคะแนนก่อน เชื่อว่าหากกระบวนการนับคะแนนยุติธรรมตนก็ให้ความเคารพผลที่ออกมา แม้จะชนะหรือแพ้ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน หรือท้อถอย
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะไปทำงานวงการอื่น แต่ยังไม่เจาะจงว่าวงการไหน คงต้องดูปัญหาบ้านเมืองก่อนว่า ตนมีแนวคิด และอุดมการณ์แบบนี้ จะไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง ส่วนนโยบายของตนที่เขียนไว้นั้น หากใครจะเอาไปใช้ก็ไม่หวงเพราะถือว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ และจะดีใจมาก เช่น การดูแลความปลอดภัยของผู้หญิงใน กทม.อย่างจริงจัง โดยมีวงจรปิด มีแสงสว่างเพียงพอ สนับสนุนเพื่อให้มีโรงเรียน 2 ภาษาที่มีคุณภาพเกิดขึ้น และให้ลูกคนจนมีโอกาสได้เรียนเพื่อจะได้มีอาชีพที่ดี หรือนโยบายอินเตอร์เน็ตไร้สายไวแม็กหนูลาจาก แมลงสาปลาตาย เป็นต้น
**“ลีน่า” น้ำตาซึมหลังรู้ผลเอ็กซิตโพล
ด้านนางลีนา จังจรรจา กล่าวหลังทราบผลเอ็กซิตโพล ว่า เห็นแล้วน้ำตาจะไหล แต่ก็ขอขอบคุณทุกคะแนนบริสุทธิ์ที่ประชาชนมีให้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการ เพราะหากว่าผลออกมามีคะแนนถึง 2 แสนคน จะลงสมัครส.ส.และจะเลือกสมัครสังกัดพรรคใหญ่ คือ ประชาธิปัตย์ และ พลังประชาชน แต่ตนฝันว่าได้ 1 แสนคะแนน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนว่า จะเล่นการเมืองต่อไปจนกว่าเงินไม่มีหรือจนตาย และมั่นใจว่าจะลง ส.ส.เพราะเชื่อว่าอีกภายใน 3 เดือนจะยุบสภาแน่นอน
“ก็ขอแสดงความยินดีกับ คุณอภิรักษ์ ด้วยที่ผลเอ็กซิตโพลมาเป็นที่ 1 แต่ก็ต้องคิดเสมอว่า เมื่อคนกรุงเทพฯ ให้โอกาสทำงานสมัยที่ 2 แล้ว ก็อยากให้เลิกสร้างภาพ และให้สานต่อโครงการที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จ และทำงานซื่อสัตย์รับใช้ประชาชนต่อไป” นางลีน่าจัง กล่าว
**คาดเริ่มนับคะแนน 6 โมงเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เมื่อเวลา 15.00 น.ภายหลังปิดหีบบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ กทม.แจ้งว่า หีบบัตรทุกใบจะถูกนำไปที่สำนักงานเขตต่างๆ หรือพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่นับคะแนน
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถจะนับคะแนนหน่วยแรกได้ที่เขตสัมพันธวงศ์ เนื่องจากมีหน่วยเลือกตั้งเพียง 34 หน่วย โดยคาดว่าจะเริ่มนับคะแนนได้ใน เวลาประมาณ 18.00 น.
ส่วนบรรยากาศบริเวณลานคนเมือง ที่ศาลาว่าการ กทม.ขณะนี้มีประชาชนบางส่วนมาติดตามผลการนับคะแนนผู้ว่าฯ กทม. โดยมีทีมหาเสียงของนางลีน่าจัง มาปักหลักรอลุ้นผลการนับคะแนนเช่นกัน ซึ่งคาดว่าหลัง 18.00 น.ประชาชนจะเดินทางมาติดตามการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จำนวนมากขึ้น
เวลา 17.00 น.ที่ฝ่ายประมวลผลคะแนนห้องรัตนโกสินทร์ กทม.ได้รายงานจำนวนเขตที่ลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงจุดนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว 100% จำนวน 5 เขต คือ เขตสัมพันธวงษ์ 34 หน่วยเลือกตั้ง เขตห้วยขวาง 81 หน่วยเลือกตั้ง เขตราชเทวี 86 หน่วยเลือกตั้ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 63 หน่วยเลือกตั้ง และเขตพญาไท 87 หน่วยเลือกตั้ง โดยมีการลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปยังจุดนับคะแนนทั้งหมด 3,763 หน่วย จากจำนวนทั้งหมด 6,337 หน่วย คิดเป็นกว่า 50% เกินครึ่งของหีบบัตรทั้งหมด
จนกระทั่งเวลา 17.30 น.มีเขตที่ลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงจุดนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว 100% เพิ่มเติม ดังนี้ เขตสวนหลวง 128 หน่วยเลือกตั้ง ทวีวัฒนา 87 หน่วยเลือกตั้ง คลองสาย 113 หน่วยเลือกตั้ง บางคอแหลม 118 หน่วยเลือกตั้ง บางบอน 89 หน่วยเลือกตั้ง ประเวศ 160 หน่วยเลือกตั้ง ลาดพร้าว 123หน่วยเลือกตั้ง สวนหลวง 128 หน่วยเลือกตั้ง สะพานสูง 93 หน่วยเลือกตั้ง พระนคร 83 หน่วยเลือกตั้ง บางรัก 55 หน่วยเลือกตั้ง จนถึงขณะนี้ จากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 6,337 ลำเลี้ยงมาถึงจุดนับคะแนนจำนวน 4,594 หน่วยเลือกตั้ง คิดเป็น 72.49%
เวลา 17.50 น. เขตที่ลำเลียงหีบบัตรมาถึง จำนวน 12 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง 145 หน่วยเลือกตั้ง ราษบูรณะ 115 หน่วยเลือกตั้ง สายไหม 185 หน่วยเลือกตั้ง จตุจักร 199 หน่วยเลือกตั้ง บางขุนเทียน 139 หน่วยเลือกตั้ง จอมทอง 205 หน่วยเลือกตั้ง หนองแคม 136 หน่วยเลือกตั้ง ดอนเมือง 169 หน่วยเลือกตั้ง บึ่งกุ่ม 150 หน่วยเลือกตั้ง มีนบุรี 131 หน่วยเลือกตั้ง คันนายาว 122 หน่วยเลือกตั้ง หลักสี่ 118 หน่วยเลือกตั้ง รวม 28 เขต 5,608 หน่วยเลือกตั้ง คิดเป็น 89.88%
วันที่ 5 ตุลาคม ที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 10 กล่าวภายหลังทราบผลคะแนนจากเอ็กซิตโพล ซึ่งสำรวจผลคะแนน ณ หน่วยเลือกตั้ง โดย นายประภัสร์ ตามมาอยู่ในอันดับที่ 2 ว่า คงต้องรอผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อรอคะแนนนับจนครบจึงจะทราบว่าผลของคะแนนเป็นอย่างไร ขณะนี้คงยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ เพราะเท่าที่ดูตัวเลขโพลในช่วงแรก ไม่เคยมีคะแนนติดลำดับต้นๆ เชื่อว่า เป็นการทำโพลหลายวิธีและถามจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น สำหรับคะแนนเสียงที่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั้น ได้มาจากการดีเบตทางทีวี มีหลายครั้งที่พูดในเรื่องนโยบายค่อนข้างชัดเจน จนทำให้ผู้แข่งขันพยายามเลี่ยงออกทีวีพร้อมๆ กัน เพราะเกรงว่าคะแนนจะหายไปเรื่อยๆ
**ยันอาสาเสนอตัวเองรับใช้ประชาชน
“การตัดสินใจลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการอาสาเสนอตัวเอง ทำงานรับใช้ประชาชน เพราะต้องการทำงานเพื่อประเทศ ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง โดยในส่วนของพรรคก็ให้อิสระในการบริหารเต็มที่ ที่ผ่านมา จึงมีการรณรงค์ให้ประชาชนเลือกผู้ว่าฯ กทม.ด้วยเหตุผลว่า จะทำอะไรให้กับชาว กทม.บ้างโดยอย่าเอาเรื่องพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมว่าเป็นเรื่องไม่ถูก ควรจะเอาความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งสูงสุด แต่ไม่รู้คนอื่นสอนกันอย่างไร แต่ให้คิดถึงส่วนรวมมาก่อน” นายประภัสร์ กล่าว
นายประภัสร์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม จากนี้คงจะขอพักผ่อนก่อน หลังจากที่หาเสียงมานานกว่า 1 เดือน โดยหลังจากที่ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเสร็จเรียบร้อยก็ไปรับประทานอาหาร พบปะประชาชนหลายคนบอกว่าให้กำลังใจอยู่ รวมถึง นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเคยเป็นผู้บังคับบัญชาก็บอกว่า ขอให้โชคดี
**“ชูวิทย์” ลั่นตามติดตรวจสอบ “อภิรักษ์”
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนซึ่งไม่ใช่เพียงชาวกทม.แต่เป็นประชาชนทั่วประเทศที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อ 4 ปี ที่แล้วตนสร้างสวนชูวิทย์ฯ เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนเข้ามาพักผ่อนได้ฟรี มาครั้งนี้เมื่อมีประชาชนให้ความไว้วางใจลงคะแนนให้ตนก็จะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อย่างเข้มงวด เพราะในอีก 4 ปี ข้างหน้าก็เป็นงานหนัก เนื่องจากตนได้นำข้อมูลต่างๆ มาให้ประชาชนรับทราบ ทำให้ประชาชนจับตา ทั้งเรื่องรถบีอาร์ที รถและเรือดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยจะอาศัยความเป็นหัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย ที่ได้ทำการจดทะเบียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีสัญลักษณ์รูปกำปั้น มีสโลแกนว่า “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก”
“เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาทำให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.แต่ละคนมีความเครียด ต้องพบปะพี่น้องประชาชน แสดงวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะผู้สมัครในนามอิสระ ที่ไม่มีพรรคการเมืองที่สามารถแบ่งบันความเครียดกันได้ ซึ่งตนต้องบริหารทั้งเวลา การเงิน และกำลังคน ซึ่งผลโพลครั้งก่อนบอกว่าผมจะอยู่อันดับ 2 จึงน่าจะสู้ได้อย่างน้อยอันดับ 2 ซึ่งหากเป็นเพราะเหตุการณ์ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาก็น่าเสียดายมาก โดยการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัคร 2 ครั้ง ก็พอแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว
เตือน “อภิรักษ์” อย่าเพิ่งมั่นใจรอ กกต.รับรองผลก่อน
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ นายอภิรักษ์ ก็อย่าเพิ่งมั่นใจ เพราะต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งนายอภิรักษ์ อาจต้องต่อสู้ในประเด็นต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ ตนได้ร้องเรียนกับทาง กกต.ซึ่งเป็นเรื่องที่ นายอภิรักษ์ทำตัวเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะได้ใบเหลือง ใบแดง ก็แล้วแต่ สุดท้าย นายอภิรักษ์ ต้องเจอกับข้อหาหนักในการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า นายอภิรักษ์ มีผลงานนั้น ตนถือว่าผลงาน 4 ปีที่ผ่านมามีไม่มาก แต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 2555 อีก 4 ปีข้างหน้า ทำนายว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ถ้าผลงานยังมีน้อยเช่นนี้
**ดร.แดน ไม่ท้อหางานทำวงการอื่น
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ตน และคะแนนที่ไม่ให้ก็ขอขอบคุณที่แสดงจุดยืนเพื่อให้ประโยชน์กับส่วนรวม และจะเอาไปพิจารณาว่าจะต้องทำอะไรเพื่อประชาชนมากขึ้น ซึ่งหากได้ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ถือว่าจะได้ทำงานเต็มที่เพื่อประชาชน หรือหากไม่ได้ก็ยังทำงานเต็มที่เพื่อประชาชนเช่นกัน ตนไม่ยึดติดและยังเป็นคนเดิมไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ตำแหน่งก็ตาม อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูผลคะแนนก่อน เชื่อว่าหากกระบวนการนับคะแนนยุติธรรมตนก็ให้ความเคารพผลที่ออกมา แม้จะชนะหรือแพ้ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน หรือท้อถอย
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะไปทำงานวงการอื่น แต่ยังไม่เจาะจงว่าวงการไหน คงต้องดูปัญหาบ้านเมืองก่อนว่า ตนมีแนวคิด และอุดมการณ์แบบนี้ จะไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง ส่วนนโยบายของตนที่เขียนไว้นั้น หากใครจะเอาไปใช้ก็ไม่หวงเพราะถือว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ และจะดีใจมาก เช่น การดูแลความปลอดภัยของผู้หญิงใน กทม.อย่างจริงจัง โดยมีวงจรปิด มีแสงสว่างเพียงพอ สนับสนุนเพื่อให้มีโรงเรียน 2 ภาษาที่มีคุณภาพเกิดขึ้น และให้ลูกคนจนมีโอกาสได้เรียนเพื่อจะได้มีอาชีพที่ดี หรือนโยบายอินเตอร์เน็ตไร้สายไวแม็กหนูลาจาก แมลงสาปลาตาย เป็นต้น
**“ลีน่า” น้ำตาซึมหลังรู้ผลเอ็กซิตโพล
ด้านนางลีนา จังจรรจา กล่าวหลังทราบผลเอ็กซิตโพล ว่า เห็นแล้วน้ำตาจะไหล แต่ก็ขอขอบคุณทุกคะแนนบริสุทธิ์ที่ประชาชนมีให้ อย่างไรก็ตาม ตนอยากทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการ เพราะหากว่าผลออกมามีคะแนนถึง 2 แสนคน จะลงสมัครส.ส.และจะเลือกสมัครสังกัดพรรคใหญ่ คือ ประชาธิปัตย์ และ พลังประชาชน แต่ตนฝันว่าได้ 1 แสนคะแนน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนว่า จะเล่นการเมืองต่อไปจนกว่าเงินไม่มีหรือจนตาย และมั่นใจว่าจะลง ส.ส.เพราะเชื่อว่าอีกภายใน 3 เดือนจะยุบสภาแน่นอน
“ก็ขอแสดงความยินดีกับ คุณอภิรักษ์ ด้วยที่ผลเอ็กซิตโพลมาเป็นที่ 1 แต่ก็ต้องคิดเสมอว่า เมื่อคนกรุงเทพฯ ให้โอกาสทำงานสมัยที่ 2 แล้ว ก็อยากให้เลิกสร้างภาพ และให้สานต่อโครงการที่ค้างคาอยู่ให้เสร็จ และทำงานซื่อสัตย์รับใช้ประชาชนต่อไป” นางลีน่าจัง กล่าว
**คาดเริ่มนับคะแนน 6 โมงเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เมื่อเวลา 15.00 น.ภายหลังปิดหีบบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ กทม.แจ้งว่า หีบบัตรทุกใบจะถูกนำไปที่สำนักงานเขตต่างๆ หรือพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่นับคะแนน
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถจะนับคะแนนหน่วยแรกได้ที่เขตสัมพันธวงศ์ เนื่องจากมีหน่วยเลือกตั้งเพียง 34 หน่วย โดยคาดว่าจะเริ่มนับคะแนนได้ใน เวลาประมาณ 18.00 น.
ส่วนบรรยากาศบริเวณลานคนเมือง ที่ศาลาว่าการ กทม.ขณะนี้มีประชาชนบางส่วนมาติดตามผลการนับคะแนนผู้ว่าฯ กทม. โดยมีทีมหาเสียงของนางลีน่าจัง มาปักหลักรอลุ้นผลการนับคะแนนเช่นกัน ซึ่งคาดว่าหลัง 18.00 น.ประชาชนจะเดินทางมาติดตามการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จำนวนมากขึ้น
เวลา 17.00 น.ที่ฝ่ายประมวลผลคะแนนห้องรัตนโกสินทร์ กทม.ได้รายงานจำนวนเขตที่ลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงจุดนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว 100% จำนวน 5 เขต คือ เขตสัมพันธวงษ์ 34 หน่วยเลือกตั้ง เขตห้วยขวาง 81 หน่วยเลือกตั้ง เขตราชเทวี 86 หน่วยเลือกตั้ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 63 หน่วยเลือกตั้ง และเขตพญาไท 87 หน่วยเลือกตั้ง โดยมีการลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปยังจุดนับคะแนนทั้งหมด 3,763 หน่วย จากจำนวนทั้งหมด 6,337 หน่วย คิดเป็นกว่า 50% เกินครึ่งของหีบบัตรทั้งหมด
จนกระทั่งเวลา 17.30 น.มีเขตที่ลำเลียงหีบบัตรเลือกตั้งไปถึงจุดนับคะแนนเรียบร้อยแล้ว 100% เพิ่มเติม ดังนี้ เขตสวนหลวง 128 หน่วยเลือกตั้ง ทวีวัฒนา 87 หน่วยเลือกตั้ง คลองสาย 113 หน่วยเลือกตั้ง บางคอแหลม 118 หน่วยเลือกตั้ง บางบอน 89 หน่วยเลือกตั้ง ประเวศ 160 หน่วยเลือกตั้ง ลาดพร้าว 123หน่วยเลือกตั้ง สวนหลวง 128 หน่วยเลือกตั้ง สะพานสูง 93 หน่วยเลือกตั้ง พระนคร 83 หน่วยเลือกตั้ง บางรัก 55 หน่วยเลือกตั้ง จนถึงขณะนี้ จากหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 6,337 ลำเลี้ยงมาถึงจุดนับคะแนนจำนวน 4,594 หน่วยเลือกตั้ง คิดเป็น 72.49%
เวลา 17.50 น. เขตที่ลำเลียงหีบบัตรมาถึง จำนวน 12 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง 145 หน่วยเลือกตั้ง ราษบูรณะ 115 หน่วยเลือกตั้ง สายไหม 185 หน่วยเลือกตั้ง จตุจักร 199 หน่วยเลือกตั้ง บางขุนเทียน 139 หน่วยเลือกตั้ง จอมทอง 205 หน่วยเลือกตั้ง หนองแคม 136 หน่วยเลือกตั้ง ดอนเมือง 169 หน่วยเลือกตั้ง บึ่งกุ่ม 150 หน่วยเลือกตั้ง มีนบุรี 131 หน่วยเลือกตั้ง คันนายาว 122 หน่วยเลือกตั้ง หลักสี่ 118 หน่วยเลือกตั้ง รวม 28 เขต 5,608 หน่วยเลือกตั้ง คิดเป็น 89.88%
