ผู้จัดการรายวัน – “อภิรักษ์” ชนะขาดเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทุบสถิติตัวเองเมื่อ 4 ปีก่อน ทิ้งห่างคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น จูงมือ “อภิสิทธิ์”แถลงขอบคุณประชาชน เตรียมเดินหน้า 5 นโยบายเพื่อคนเมืองหลวง ไม่หวั่นคดีร้องเรียนใน กกต. มั่นใจแจงได้ วอนรัฐบาลเอื้อทำงานเพื่อประชาชน ด้าน พปช.หงอย “สมชาย”ยอมรับ “ประภัสร์”พ่ายศึกพ่อเมืองคนกรุง “ชูวิทย์”ตั้งพรรค “สู้เพื่อไทย” บอกชิงผู้ว่าฯ กทม. 2 สมัยพอแล้ว “ลีล่า จัง”ลุ้นคะแนนแสนลงการเมืองสนามใหญ่ คนเบื่อการเมืองใช้สิทธิ์ต่ำกว่าเป้าแค่ 54.18% กกต.เผยรับรองผลไม่เกิน 7 วัน
วานนี้(5 ตุลาคม) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เวลา 7.50 น.นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ 3 และ 4 แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร ซึ่งอยู่บริเวณหลังศาลาว่าการ กทม. เพื่อตรวจความพร้อม และเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และในเวลา 8.00 น.ได้เปิดหีบเลือกตั้งทั้ง 6,337 หน่วยเลือกตั้ง ให้ประชาชนลงคะแนน นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 4,086,064 คนจากจำนวนประชากรกรุงเทพฯ ทั้งหมด 5,702,488 คน มีจำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 6,337 หน่วย ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว โดยสถิติปี 2547 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 3,955,855 คน มีหน่วยเลือก 5,999 คน มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,472,486 คน คิดเป็น 12.5%
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พร้อมด้วย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ได้เดินทางตรวจความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. บริเวณ โรงเรียนประชานิเวศน์ (ประถมศึกษา) ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ 42-47 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยนายอภิชาต กล่าวว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย กกต. จะเร่งประกาศรับรองชื่อ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ให้ได้ภายใน 7 วัน หากไม่มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้พบรายงานเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือ เรื่องป้ายหาเสียงเลือกตั้ง และการแจกไวไฟ ส่วนอีก 1 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายทุจริตการเลือกตั้งหรือไม่ เป็นเหตุที่ประชาชนในหมู่บ้านเขตลาดพร้าว 93 คน ไม่มีรายชื่อในทะเบียน เนื่องมาจากหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านใหม่ และ 93 รายชื่อ ที่ตกไปคือรายชื่อที่ย้ายเข้ามาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งได้ให้ ผอ.เขตอธิบายชี้แจงแล้ว ซึ่งการร้องทุจริตเลือกตั้งในปีนี้ถือว่าน้อยกว่าการเลือกตั้งในปี 47
**ประชุมด่วน ผอ.เขตฯ“จำลอง” ถูกจับ
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานการจับกุมตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ถูกตำรวจจับกุมตัวระหว่างเดินทางใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ถ.พระราม 5 เขตดุสิต และมีการคาดการณ์ว่าจะทำให้มีผู้ชุมนุมเดินทางมาสมทบกับพธม.ที่ทำเนียบมากยิ่งขึ้น จึงเรียกประชุมผู้อำนวยการเขตที่อยู่ใกล้พื้นที่การชุมนุมทั้ง 3 เขต ได้แก่ เขตดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย ถึงการรับมือมาตรการรองรับและประเมินสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อทราบความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยไม่มีมาตรการใดเป็นพิเศษ และจากการตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ใกล้เคียงของการชุมนุมของ พธม.ยังไม่พบปัญหาหรือผลกระทบที่เกิดจากการชุมนุมของ พธม.แต่อย่างใด
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงภาพรวมของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. หลังปิดการลงคะแนนว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยังไม่ได้รับรายงานเรื่องทุจริต ส่วนการทำผิดกฎหมายมีเพียงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานมาว่ามีการกระทำผิดโดยการจำหน่ายจ่ายแจกสุราในเวลาที่ห้าม จำนวน 23 ราย
**"ประภัสร์"- "อภิรักษ์"ควงภรรยาลงคะแนน
บรรยากาศการลงคะแนนของผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายประภัสร์ จงสงวน พร้อมนางดารณี น.ส.นภัสนันท์ จงสงวน ภรรยาและบุตรสาว เดินทางใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 เขตสาทร ถนนจันทร์ 24 ซึ่งทั้ง 3 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีส้มเดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน พร้อมภรรยาเดินทางใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ภายในสวนเบญจสิริ เขตคลองเตย ด้วยสีหน้าที่แจ่มใส โดยกล่าวว่า หลังใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วจะพักผ่อนกับครอบครัวไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ จ.นนทบุรี จากนั้นจะเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางทำบุญตักบาตรที่วัดเบญจมบพิตรในช่วงเช้า ก่อนจะไปไหว้ศาลเจ้ามารดาที่โรงแรมเดอะเดวิส ถนนสุขุมวิท 24 พร้อมโชว์พระนารายณ์ทรงครุฑที่พกติดตัวไว้ ซึ่งได้มาจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 84 แขวงและเขตดินแดง
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เดินทางออกจากบ้านย่านถนนนางลิ้นจี่ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 115 หน้าตลาดมหาสิน แขวงและเขตบางนา เมื่อเวลา 9.09 น.
ส่วน นางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่าจัง พร้อมบุตรชายทั้ง 2 คน คือ นายวิชชุ และ นายวินัย แสงพรศรีอรุณ เดินทางใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนสยามธุรกิจพาณิชยการ หน่วยเลือกตั้งที่ 5 แขวงพญาไท เขตราชเทวี
สำหรับหน่วยเลือกตั้งภายในสวนเบญจสิริ บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สูงอายุและผู้พิการมาใช้สิทธิ์ด้วย นายประพันธ์ วัชราภัย อายุ 96 ปี เดินมาด้วยไม้เท้าค้ำยัน กล่าวว่า แม้จะลำบากก็เดินทางมาด้วยหัวใจประชาธิปไตย
**เอ็กซิตโพล“อภิรักษ์” นำโด่ง
เวลา 15.01 น.ภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สำนักโพลต่างๆ ได้เปิดเผยผลสำรวจหลังการลงคะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือ EXIT POLL โดย สวนดุสิตโพลรายงานผล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 มีคะแนนนำผู้สมัครรายอื่น โดยได้รับคะแนนเสียง ร้อยละ 52.08 ส่วน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลย 10 ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ร้อยละ 22.23 อันดับ 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 ร้อยละ 12.10 อันดับ 4 ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 2 ร้อยละ 11.40 และ อันดับ 5 นางลีนา จรรจังจา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 ร้อยละ 1.23
ขณะที่ เอแบคโพล เปิดเผยผล EXIT POLL ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยลำดับที่ 1 คือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ 899,683 คะแนน หรือ ร้อยละ 44.07 ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ลำดับที่ 2 คือ นายประภัสร์ จงสงวน ได้ 622,115 คะแนน หรือ ร้อยละ 23.90 ลำดับที่ 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ 367,827 คะแนน หรือ ร้อยละ 14.18 ส่วนลำดับที่ 4 คือ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้ 325,982 คะแนน หรือ ร้อยละ 12.64 โดยมีการสำรวจประชาชนจำนวน 63,264 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 4.8 ล้านคน
ส่วน EXIT POLL รามคำแหง ผลสรุปว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อันดับหนึ่ง มีคะแนนนำที่ 45.34% นายประภัสร์ จงสงวน อันดับสอง 24.03% นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อันดับสาม 13.91% และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อันดับสี่ 13.58%
**"อภิรักษ์"ขอบคุณคนกรุงนั่งผู้ว่าฯสมัย 2
บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)หลังจากปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกองทัพผู้สื่อข่าวมาเกาะติดสถานการณ์รายงานบรรยากาศการรอผลนับคะแนนเป็นจำนวนมาก โดยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ และนายอภิรักษ์เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคเพื่อรอลุ้นผลการนับคะแนน
ในเวลา 16.00 น.นายอภิรักษ์ ได้แถลงข่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยกล่าวว่า จากนี้ไปจะดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทำงานและผลักดัน กทม.ให้มีอนาคตสดใส รวมถึงการดูแลนโยบายการศึกษาให้เยาวชนได้เป็นคนดีของสังคมไทย โดยเฉพาะผลักดันตั้งคณะกรรมการพัฒนาเขตพื้นที่ โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการเสนอแนะด้วย รวมถึงการทำงานร่วมกับทุกกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นโยบายได้รับการตรวจสอบและเป็นกลาง และยืนยันที่จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และตั้งใจทำงานแม้ว่าจะมีเรื่องที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบก็พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งจะมีปัญหาเรื่องคดีรถและเรือดับเพลิงหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวลในเรื่องดังกล่าว และพร้อมที่จะไปชี้แจง มั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมายใดๆ แต่หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กทม. เชิญตนไปชี้แจง ตนก็พร้อม และหากได้ติดตามดูตลอดระยะเวลาการหาเสียงที่ผ่านมา ตนก็ทำตามกฎหมายเลือกตั้งทุกอย่าง คาดว่าในสัปดาห์หน้า กกต.จะมีการตรวจสอบและประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงประชาชนกับสถานการณ์ที่กำลังขัดแย้งอยู่ในขณะนี้ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คนไทยทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุข และอยากให้มีความสามัคคีแม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง อยากให้มีจุดเริ่มต้นด้วยการมาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามก็ต้องแยกกันระหว่างปัญหาการเมืองระดับประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายพยายามหาทางแก้ไขอยู่ หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่า กทม.อย่างเป็นทางการ ก็จะตั้งใจเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาตามบทบาทของผู้ว่าฯ กทม.ที่จะทำได้ ซึ่งพร้อมที่จะเข้าไปประสานงานกับรัฐบาลโดยตรง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหรือการนำเสนอของนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องการจราจร
“ในระยะยาวควรมีการแก้กฎหมาย เพื่อกระจายอำนาจให้ผู้ว่าฯ กทม.มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และผมพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีทุกคน”นายอภิรักษ์กล่าว
** “มาร์ค”ดันเดินหน้า 5 นโยบายเพื่อคนกทม.
ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณชาว กทม.ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจนายอภิรักษ์ที่ให้กลับมาทำงานอีก 4 ปี ซึ่งขั้นตอนต่อไปอยู่ที่ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้ง หากมีประเด็นร้องเรียนตนยืนยันว่า ปชป. และนายอภิรักษ์จะให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริงกับ กกต.อย่างเต็มที่ และหากมีการรับรองผลแล้ว ตนยืนยันว่านายอภิรักษ์และพรรคฯ จะเดินหน้าทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด ซึ่งมีหลายเรื่องที่เร่งด่วน เช่น ปัญหาน้ำท่วม ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อคน กทม. และ 5 นโยบายที่นายอภิรักษ์ได้หาเสียงไว้จะต้องมีการผลักดันอย่างเต็มที่ โดยพรรคจะทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของนายอภิรักษ์ให้บรรลุตามนโยบายต่างๆ และจะเชื่อมโยงกับนโยบายระดับชาติของพรรคที่จะใช้กรุงเทพฯเป็นต้นแบบ ในการผลักดันไปสู่นโยบายระดับชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่เป็นผู้ว่า กทม.จะต้องทำงานประสานกับฝ่ายนโยบายคิดว่าจะประสานกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ปชป.อาจจะไม่เป็นฝ่ายค้าน 4 ปีข้างหน้า แต่ตนคิดว่าประชาชนเป็นคนบอกในการเลือกตั้งวันนี้ว่าต้องการใครเป็นผู้บริหาร กทม. ดังนั้น รัฐบาลและ กทม.ควรจะมีจุดประสงค์เดียวกันไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนคือทำงานแก้ปัญหาของประชาชน หากเรื่องไหนที่รัฐบาลคิดว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่าและทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จริง ปชป.ก็ไม่ติดใจจะเห็นว่าที่ผ่านมานายอภิรักษ์ที่ทำหน้าที่ผู้ว่า กทม.ไม่ว่าเป็นรัฐบาลของยุคใคร ก็ให้ความร่วมมือในการทำงานอยู่แล้ว เราคาดหวังว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะใจกว้างพอที่จะสนับสนุนงานของ กทม.ตนหวังว่า อย่างน้อยการเมืองมีความขัดแย้งอย่างไร เราจะเคารพในบทบาทหน้าที่กันและกันและจะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคในการพัฒนาให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจากนายอภิสิทธิ์ และนายกอภิรักษ์ แถลงข่าวเสร็จปรากฎว่ามีกลุ่มมือตบ ที่สนับสนุนนายอภิรักษ์เป็นผู้ว่ากทม.มายืนตบมือแสดงความยินดีอย่างคึกคัก
** “สมชาย”ยอมรับ“ประภัสร์” แพ้“อภิรักษ์”
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) กล่าวหลังทราบผลเอ็กซิตโพลที่นายประภัสร์มีคะแนนตามมาเป็นอันดับ 2 รองจากนายอภิรักษ์ว่า ต้องเคารพเสียงของประชาชนว่าออกมาอย่างไร ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่างพรรคการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มองเรื่องศักดิ์ศรี ต้องเคารพประชาชน ถ้าประชาชนเลือกนายอภิรักษ์ก็เคยทำงานมาแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อถามว่าฐานเสียงของพรรคพลังประชาชนในกทม.ต่ำหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่ต่ำ เพราะคราวที่แล้วไม่ได้ส่ง
ต่อข้อถามว่าเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายสมชายกล่าวว่า ไม่เหมือนกัน เลือกตั้งมาเหมือนกันเท่าที่สังเกตสถิติของประชาชน ไม่ว่าอะไรเป็นเรื่องของประชาชน ตัดสินใจอย่างไรต้องเคารพตามนั้น พรรคการเมืองมีหน้าที่เสนอคนออกไป คนก็ไปเสนอวิธีการทำงานของเขา ถ้าประชาชนตัดสินใจเลือกใครก็เป็นอย่างนั้น พรรคการเมืองมันต้องแพ้ได้ชนะได้ธรรมดา เมื่อถามว่า เป็นผลมาจากประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองภาพใหญ่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่เบื่อหรอก เพราะประชาชนเขาออกมาใช้สิทธิเลือกกันเยอะ ใช้สิทธิเลือกใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
**“ชูวิทย์”ตั้งพรรค“สู้เพื่อไทย”
บรรยากาศที่พรรคพลังประชาชนเป็นไปด้วยความเงียบเหงา หลังเริ่มรู้ผลจากเอ็กซิตโพลว่านายประภัสร์ มีคะแนนอยู่อันดับ 2 รองจากนายอภิรักษ์ โดยนายประภัสร์ กล่าวว่า ไม่เชื่อผลโพลใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเคยทำงานราชการมาก่อนทราบว่าการทำโพลมีที่มาหลายรูปแบบ หากไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะขอพักผ่อนสักระยะ ส่วนจะก้าวสู่การเมืองใหญ่หรือไม่นั้นขอทราบผลอย่างเป็นทางการก่อน วันนี้ไม่ได้มองถึงการเมืองระดับชาติ ยังไม่มีใครมาทาบทาม ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยหน้า คงไม่ลงสมัครแล้ว เพราะอายุมากแล้ว สำหรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หากตนไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ก็ขอฝากไปยังผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ว่าให้รักษาสัจจะ พูดอะไรไว้ก็ต้องทำให้ได้ ส่วนวันนี้ (6 ต.ค.) จะแถลงเปิดใจในเวลา 12.00 น.
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่า ตนจะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อย่างเข้มงวด เพราะในอีก 4 ปี ข้างหน้าก็เป็นงานหนัก เนื่องจากตนได้นำข้อมูลต่างๆ มาให้ประชาชนรับทราบ ทำให้ประชาชนจับตา ทั้งเรื่องรถบีอาร์ที รถและเรือดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยจะอาศัยความเป็นหัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย ที่ได้ทำการจดทะเบียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีสัญลักษณ์รูปกำปั้น มีสโลแกนว่า “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก” โดยการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัคร 2 ครั้ง ก็พอแล้ว
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็ให้ความเคารพแม้จะชนะหรือแพ้ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน หรือท้อถอย หากไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะไปทำงานวงการอื่น แต่ยังไม่เจาะจงว่าวงการไหน คงต้องดูปัญหาบ้านเมืองก่อนว่า ตนมีแนวคิด และอุดมการณ์แบบนี้ จะไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง ส่วนนโยบายของตนที่เขียนไว้นั้น หากใครจะเอาไปใช้ก็ไม่หวงเพราะถือว่าประชาชนจะได้ประโยชน์
ด้านนางลีนา จังจรรจา กล่าวว่า เห็นผลโพลแล้วน้ำตาจะไหล ตนอยากทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการ เพราะหากว่าผลออกมามีคะแนนถึง 2 แสนคน จะลงสมัครส.ส.และจะเลือกสมัครสังกัดพรรคใหญ่ คือ ประชาธิปัตย์ และ พลังประชาชน แต่ตนฝันว่าได้ 1 แสนคะแนน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนว่า จะเล่นการเมืองต่อไปจนกว่าเงินไม่มีหรือจนตาย และมั่นใจว่าจะลง ส.ส.เพราะเชื่อว่าอีกภายใน 3 เดือนจะยุบสภาแน่นอน
**คนกรุงใช้สิทธิ์ต่ำเป้าแค่ 54%
พล.เรือโท ณรงค์ ชโลธร ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ประจำปี 2551 ว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 54.18% หรือ 2,163,359 คน จากผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 4,087,329 คน โดยไม่ถึงเป้าตามที่กทม.ตั้งไว้ 70% โดยสถิติปี 2547 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 3,955,855 คน มีหน่วยเลือก 5,999 คน มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,472,486 คน คิดเป็น 62.5%
"สาเหตุที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์น้อยอาจเนื่องมาจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่มีความวุ่นวายประชาชนเกิดความความเบื่อหน่ายประกอบกับความไม่สะดวกและความไม่พร้อม ไม่สะดวกในการไปใช้สิทธิ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยคาดว่าจะนับคะแนนเสร็จประมาณ 00.00 น.วันที่ 5 ตุลาคม"
สำหรับเขตที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เขตทวีวัฒนา 2.เขตพญาไท 3.เขตสัมพันธวงศ์ 4.เขตลาดพร้าว 5.เขตสะพานสูง ส่วนเขตที่มีผู้มาใช้สิทธิต่ำที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.เขตบางกอกน้อย 2.เขตวังทองหลาง 3.เขตวัฒนา 4.เขตดุสิต 5.เขตคลองเตย
** “อภิรักษ์”ทิ้งขาด “ประภัสร์”ไม่เห็นฝุ่น
สำหรับผลการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อเวลา 22.30 น.วานนี้(5 ต.ค.) หลังนับคะแนนไปแล้ว 96.29% จากจำนวนบัตรลงคะแนนทั้งสิ้น 2,214,315 ใบ นับคะแนนไปแล้ว 2,132,108 ใบ ปรากฏกว่านายอภิรักษ์ ได้คะแนน 953,257 คะแนน นายประภัสร์ ได้คะแนน 524,140 คะแนน นายชูวิทย์ ได้คะแนน 328,021 คะแนน และ ดร.เกรียงศักดิ์ ได้คะแนน 250,526 คะแนน
ทั้งนี้ มีบัตรเสียทั้งสิ้น 0.87% ไม่ลงคะแนน 1.69% และบัตรดี 97.44% โดยคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของนายอภิรักษ์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้รับคะแนนเสียงทั้งหมด 911,441 คะแนน
วานนี้(5 ตุลาคม) ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เวลา 7.50 น.นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่ 3 และ 4 แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร ซึ่งอยู่บริเวณหลังศาลาว่าการ กทม. เพื่อตรวจความพร้อม และเปิดการลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และในเวลา 8.00 น.ได้เปิดหีบเลือกตั้งทั้ง 6,337 หน่วยเลือกตั้ง ให้ประชาชนลงคะแนน นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 4,086,064 คนจากจำนวนประชากรกรุงเทพฯ ทั้งหมด 5,702,488 คน มีจำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 6,337 หน่วย ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว โดยสถิติปี 2547 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 3,955,855 คน มีหน่วยเลือก 5,999 คน มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,472,486 คน คิดเป็น 12.5%
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. พร้อมด้วย นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ได้เดินทางตรวจความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. บริเวณ โรงเรียนประชานิเวศน์ (ประถมศึกษา) ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่ 42-47 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยนายอภิชาต กล่าวว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย กกต. จะเร่งประกาศรับรองชื่อ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ให้ได้ภายใน 7 วัน หากไม่มีเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้พบรายงานเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือ เรื่องป้ายหาเสียงเลือกตั้ง และการแจกไวไฟ ส่วนอีก 1 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายทุจริตการเลือกตั้งหรือไม่ เป็นเหตุที่ประชาชนในหมู่บ้านเขตลาดพร้าว 93 คน ไม่มีรายชื่อในทะเบียน เนื่องมาจากหมู่บ้านดังกล่าวเป็นหมู่บ้านใหม่ และ 93 รายชื่อ ที่ตกไปคือรายชื่อที่ย้ายเข้ามาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งได้ให้ ผอ.เขตอธิบายชี้แจงแล้ว ซึ่งการร้องทุจริตเลือกตั้งในปีนี้ถือว่าน้อยกว่าการเลือกตั้งในปี 47
**ประชุมด่วน ผอ.เขตฯ“จำลอง” ถูกจับ
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานการจับกุมตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ถูกตำรวจจับกุมตัวระหว่างเดินทางใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร ถ.พระราม 5 เขตดุสิต และมีการคาดการณ์ว่าจะทำให้มีผู้ชุมนุมเดินทางมาสมทบกับพธม.ที่ทำเนียบมากยิ่งขึ้น จึงเรียกประชุมผู้อำนวยการเขตที่อยู่ใกล้พื้นที่การชุมนุมทั้ง 3 เขต ได้แก่ เขตดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย ถึงการรับมือมาตรการรองรับและประเมินสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อทราบความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยไม่มีมาตรการใดเป็นพิเศษ และจากการตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ใกล้เคียงของการชุมนุมของ พธม.ยังไม่พบปัญหาหรือผลกระทบที่เกิดจากการชุมนุมของ พธม.แต่อย่างใด
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงภาพรวมของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. หลังปิดการลงคะแนนว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยังไม่ได้รับรายงานเรื่องทุจริต ส่วนการทำผิดกฎหมายมีเพียงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานมาว่ามีการกระทำผิดโดยการจำหน่ายจ่ายแจกสุราในเวลาที่ห้าม จำนวน 23 ราย
**"ประภัสร์"- "อภิรักษ์"ควงภรรยาลงคะแนน
บรรยากาศการลงคะแนนของผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายประภัสร์ จงสงวน พร้อมนางดารณี น.ส.นภัสนันท์ จงสงวน ภรรยาและบุตรสาว เดินทางใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 เขตสาทร ถนนจันทร์ 24 ซึ่งทั้ง 3 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อสีส้มเดินทางมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน พร้อมภรรยาเดินทางใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ภายในสวนเบญจสิริ เขตคลองเตย ด้วยสีหน้าที่แจ่มใส โดยกล่าวว่า หลังใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วจะพักผ่อนกับครอบครัวไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ จ.นนทบุรี จากนั้นจะเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางทำบุญตักบาตรที่วัดเบญจมบพิตรในช่วงเช้า ก่อนจะไปไหว้ศาลเจ้ามารดาที่โรงแรมเดอะเดวิส ถนนสุขุมวิท 24 พร้อมโชว์พระนารายณ์ทรงครุฑที่พกติดตัวไว้ ซึ่งได้มาจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 84 แขวงและเขตดินแดง
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เดินทางออกจากบ้านย่านถนนนางลิ้นจี่ ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 115 หน้าตลาดมหาสิน แขวงและเขตบางนา เมื่อเวลา 9.09 น.
ส่วน นางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่าจัง พร้อมบุตรชายทั้ง 2 คน คือ นายวิชชุ และ นายวินัย แสงพรศรีอรุณ เดินทางใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนสยามธุรกิจพาณิชยการ หน่วยเลือกตั้งที่ 5 แขวงพญาไท เขตราชเทวี
สำหรับหน่วยเลือกตั้งภายในสวนเบญจสิริ บรรยากาศการเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สูงอายุและผู้พิการมาใช้สิทธิ์ด้วย นายประพันธ์ วัชราภัย อายุ 96 ปี เดินมาด้วยไม้เท้าค้ำยัน กล่าวว่า แม้จะลำบากก็เดินทางมาด้วยหัวใจประชาธิปไตย
**เอ็กซิตโพล“อภิรักษ์” นำโด่ง
เวลา 15.01 น.ภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สำนักโพลต่างๆ ได้เปิดเผยผลสำรวจหลังการลงคะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือ EXIT POLL โดย สวนดุสิตโพลรายงานผล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 5 มีคะแนนนำผู้สมัครรายอื่น โดยได้รับคะแนนเสียง ร้อยละ 52.08 ส่วน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลย 10 ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 ร้อยละ 22.23 อันดับ 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 ร้อยละ 12.10 อันดับ 4 ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 2 ร้อยละ 11.40 และ อันดับ 5 นางลีนา จรรจังจา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 ร้อยละ 1.23
ขณะที่ เอแบคโพล เปิดเผยผล EXIT POLL ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยลำดับที่ 1 คือ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ 899,683 คะแนน หรือ ร้อยละ 44.07 ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ลำดับที่ 2 คือ นายประภัสร์ จงสงวน ได้ 622,115 คะแนน หรือ ร้อยละ 23.90 ลำดับที่ 3 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ 367,827 คะแนน หรือ ร้อยละ 14.18 ส่วนลำดับที่ 4 คือ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้ 325,982 คะแนน หรือ ร้อยละ 12.64 โดยมีการสำรวจประชาชนจำนวน 63,264 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 4.8 ล้านคน
ส่วน EXIT POLL รามคำแหง ผลสรุปว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อันดับหนึ่ง มีคะแนนนำที่ 45.34% นายประภัสร์ จงสงวน อันดับสอง 24.03% นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อันดับสาม 13.91% และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อันดับสี่ 13.58%
**"อภิรักษ์"ขอบคุณคนกรุงนั่งผู้ว่าฯสมัย 2
บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)หลังจากปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีกองทัพผู้สื่อข่าวมาเกาะติดสถานการณ์รายงานบรรยากาศการรอผลนับคะแนนเป็นจำนวนมาก โดยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ และนายอภิรักษ์เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคเพื่อรอลุ้นผลการนับคะแนน
ในเวลา 16.00 น.นายอภิรักษ์ ได้แถลงข่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยกล่าวว่า จากนี้ไปจะดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทำงานและผลักดัน กทม.ให้มีอนาคตสดใส รวมถึงการดูแลนโยบายการศึกษาให้เยาวชนได้เป็นคนดีของสังคมไทย โดยเฉพาะผลักดันตั้งคณะกรรมการพัฒนาเขตพื้นที่ โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการเสนอแนะด้วย รวมถึงการทำงานร่วมกับทุกกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นโยบายได้รับการตรวจสอบและเป็นกลาง และยืนยันที่จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และตั้งใจทำงานแม้ว่าจะมีเรื่องที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบก็พร้อมที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งจะมีปัญหาเรื่องคดีรถและเรือดับเพลิงหรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวลในเรื่องดังกล่าว และพร้อมที่จะไปชี้แจง มั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิดกฎหมายใดๆ แต่หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กทม. เชิญตนไปชี้แจง ตนก็พร้อม และหากได้ติดตามดูตลอดระยะเวลาการหาเสียงที่ผ่านมา ตนก็ทำตามกฎหมายเลือกตั้งทุกอย่าง คาดว่าในสัปดาห์หน้า กกต.จะมีการตรวจสอบและประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงประชาชนกับสถานการณ์ที่กำลังขัดแย้งอยู่ในขณะนี้ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า คนไทยทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองมีความสงบสุข และอยากให้มีความสามัคคีแม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง อยากให้มีจุดเริ่มต้นด้วยการมาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามก็ต้องแยกกันระหว่างปัญหาการเมืองระดับประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายพยายามหาทางแก้ไขอยู่ หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่า กทม.อย่างเป็นทางการ ก็จะตั้งใจเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาตามบทบาทของผู้ว่าฯ กทม.ที่จะทำได้ ซึ่งพร้อมที่จะเข้าไปประสานงานกับรัฐบาลโดยตรง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหรือการนำเสนอของนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องการจราจร
“ในระยะยาวควรมีการแก้กฎหมาย เพื่อกระจายอำนาจให้ผู้ว่าฯ กทม.มีอำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และผมพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีทุกคน”นายอภิรักษ์กล่าว
** “มาร์ค”ดันเดินหน้า 5 นโยบายเพื่อคนกทม.
ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณชาว กทม.ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจนายอภิรักษ์ที่ให้กลับมาทำงานอีก 4 ปี ซึ่งขั้นตอนต่อไปอยู่ที่ กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้ง หากมีประเด็นร้องเรียนตนยืนยันว่า ปชป. และนายอภิรักษ์จะให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริงกับ กกต.อย่างเต็มที่ และหากมีการรับรองผลแล้ว ตนยืนยันว่านายอภิรักษ์และพรรคฯ จะเดินหน้าทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด ซึ่งมีหลายเรื่องที่เร่งด่วน เช่น ปัญหาน้ำท่วม ภัยพิบัติ เศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบต่อคน กทม. และ 5 นโยบายที่นายอภิรักษ์ได้หาเสียงไว้จะต้องมีการผลักดันอย่างเต็มที่ โดยพรรคจะทำหน้าที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของนายอภิรักษ์ให้บรรลุตามนโยบายต่างๆ และจะเชื่อมโยงกับนโยบายระดับชาติของพรรคที่จะใช้กรุงเทพฯเป็นต้นแบบ ในการผลักดันไปสู่นโยบายระดับชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่เป็นผู้ว่า กทม.จะต้องทำงานประสานกับฝ่ายนโยบายคิดว่าจะประสานกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ปชป.อาจจะไม่เป็นฝ่ายค้าน 4 ปีข้างหน้า แต่ตนคิดว่าประชาชนเป็นคนบอกในการเลือกตั้งวันนี้ว่าต้องการใครเป็นผู้บริหาร กทม. ดังนั้น รัฐบาลและ กทม.ควรจะมีจุดประสงค์เดียวกันไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนคือทำงานแก้ปัญหาของประชาชน หากเรื่องไหนที่รัฐบาลคิดว่าแก้ปัญหาได้ดีกว่าและทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จริง ปชป.ก็ไม่ติดใจจะเห็นว่าที่ผ่านมานายอภิรักษ์ที่ทำหน้าที่ผู้ว่า กทม.ไม่ว่าเป็นรัฐบาลของยุคใคร ก็ให้ความร่วมมือในการทำงานอยู่แล้ว เราคาดหวังว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะใจกว้างพอที่จะสนับสนุนงานของ กทม.ตนหวังว่า อย่างน้อยการเมืองมีความขัดแย้งอย่างไร เราจะเคารพในบทบาทหน้าที่กันและกันและจะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคในการพัฒนาให้กับประชาชนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังจากนายอภิสิทธิ์ และนายกอภิรักษ์ แถลงข่าวเสร็จปรากฎว่ามีกลุ่มมือตบ ที่สนับสนุนนายอภิรักษ์เป็นผู้ว่ากทม.มายืนตบมือแสดงความยินดีอย่างคึกคัก
** “สมชาย”ยอมรับ“ประภัสร์” แพ้“อภิรักษ์”
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.) กล่าวหลังทราบผลเอ็กซิตโพลที่นายประภัสร์มีคะแนนตามมาเป็นอันดับ 2 รองจากนายอภิรักษ์ว่า ต้องเคารพเสียงของประชาชนว่าออกมาอย่างไร ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่างพรรคการเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มองเรื่องศักดิ์ศรี ต้องเคารพประชาชน ถ้าประชาชนเลือกนายอภิรักษ์ก็เคยทำงานมาแล้วไม่เป็นปัญหาอะไร เมื่อถามว่าฐานเสียงของพรรคพลังประชาชนในกทม.ต่ำหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่ต่ำ เพราะคราวที่แล้วไม่ได้ส่ง
ต่อข้อถามว่าเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายสมชายกล่าวว่า ไม่เหมือนกัน เลือกตั้งมาเหมือนกันเท่าที่สังเกตสถิติของประชาชน ไม่ว่าอะไรเป็นเรื่องของประชาชน ตัดสินใจอย่างไรต้องเคารพตามนั้น พรรคการเมืองมีหน้าที่เสนอคนออกไป คนก็ไปเสนอวิธีการทำงานของเขา ถ้าประชาชนตัดสินใจเลือกใครก็เป็นอย่างนั้น พรรคการเมืองมันต้องแพ้ได้ชนะได้ธรรมดา เมื่อถามว่า เป็นผลมาจากประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองภาพใหญ่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่เบื่อหรอก เพราะประชาชนเขาออกมาใช้สิทธิเลือกกันเยอะ ใช้สิทธิเลือกใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
**“ชูวิทย์”ตั้งพรรค“สู้เพื่อไทย”
บรรยากาศที่พรรคพลังประชาชนเป็นไปด้วยความเงียบเหงา หลังเริ่มรู้ผลจากเอ็กซิตโพลว่านายประภัสร์ มีคะแนนอยู่อันดับ 2 รองจากนายอภิรักษ์ โดยนายประภัสร์ กล่าวว่า ไม่เชื่อผลโพลใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเคยทำงานราชการมาก่อนทราบว่าการทำโพลมีที่มาหลายรูปแบบ หากไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะขอพักผ่อนสักระยะ ส่วนจะก้าวสู่การเมืองใหญ่หรือไม่นั้นขอทราบผลอย่างเป็นทางการก่อน วันนี้ไม่ได้มองถึงการเมืองระดับชาติ ยังไม่มีใครมาทาบทาม ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยหน้า คงไม่ลงสมัครแล้ว เพราะอายุมากแล้ว สำหรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ หากตนไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ ก็ขอฝากไปยังผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ว่าให้รักษาสัจจะ พูดอะไรไว้ก็ต้องทำให้ได้ ส่วนวันนี้ (6 ต.ค.) จะแถลงเปิดใจในเวลา 12.00 น.
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่า ตนจะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการทำงานของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อย่างเข้มงวด เพราะในอีก 4 ปี ข้างหน้าก็เป็นงานหนัก เนื่องจากตนได้นำข้อมูลต่างๆ มาให้ประชาชนรับทราบ ทำให้ประชาชนจับตา ทั้งเรื่องรถบีอาร์ที รถและเรือดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยจะอาศัยความเป็นหัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย ที่ได้ทำการจดทะเบียนไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีสัญลักษณ์รูปกำปั้น มีสโลแกนว่า “แตกต่างแต่ไม่แตกแยก” โดยการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.สมัคร 2 ครั้ง ก็พอแล้ว
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็ให้ความเคารพแม้จะชนะหรือแพ้ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน หรือท้อถอย หากไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็จะไปทำงานวงการอื่น แต่ยังไม่เจาะจงว่าวงการไหน คงต้องดูปัญหาบ้านเมืองก่อนว่า ตนมีแนวคิด และอุดมการณ์แบบนี้ จะไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบ้านเมือง ส่วนนโยบายของตนที่เขียนไว้นั้น หากใครจะเอาไปใช้ก็ไม่หวงเพราะถือว่าประชาชนจะได้ประโยชน์
ด้านนางลีนา จังจรรจา กล่าวว่า เห็นผลโพลแล้วน้ำตาจะไหล ตนอยากทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการ เพราะหากว่าผลออกมามีคะแนนถึง 2 แสนคน จะลงสมัครส.ส.และจะเลือกสมัครสังกัดพรรคใหญ่ คือ ประชาธิปัตย์ และ พลังประชาชน แต่ตนฝันว่าได้ 1 แสนคะแนน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนว่า จะเล่นการเมืองต่อไปจนกว่าเงินไม่มีหรือจนตาย และมั่นใจว่าจะลง ส.ส.เพราะเชื่อว่าอีกภายใน 3 เดือนจะยุบสภาแน่นอน
**คนกรุงใช้สิทธิ์ต่ำเป้าแค่ 54%
พล.เรือโท ณรงค์ ชโลธร ประธานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร แถลงสรุปจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ประจำปี 2551 ว่า มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 54.18% หรือ 2,163,359 คน จากผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 4,087,329 คน โดยไม่ถึงเป้าตามที่กทม.ตั้งไว้ 70% โดยสถิติปี 2547 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 3,955,855 คน มีหน่วยเลือก 5,999 คน มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,472,486 คน คิดเป็น 62.5%
"สาเหตุที่มีผู้ไปใช้สิทธิ์น้อยอาจเนื่องมาจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่มีความวุ่นวายประชาชนเกิดความความเบื่อหน่ายประกอบกับความไม่สะดวกและความไม่พร้อม ไม่สะดวกในการไปใช้สิทธิ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยคาดว่าจะนับคะแนนเสร็จประมาณ 00.00 น.วันที่ 5 ตุลาคม"
สำหรับเขตที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เขตทวีวัฒนา 2.เขตพญาไท 3.เขตสัมพันธวงศ์ 4.เขตลาดพร้าว 5.เขตสะพานสูง ส่วนเขตที่มีผู้มาใช้สิทธิต่ำที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.เขตบางกอกน้อย 2.เขตวังทองหลาง 3.เขตวัฒนา 4.เขตดุสิต 5.เขตคลองเตย
** “อภิรักษ์”ทิ้งขาด “ประภัสร์”ไม่เห็นฝุ่น
สำหรับผลการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อเวลา 22.30 น.วานนี้(5 ต.ค.) หลังนับคะแนนไปแล้ว 96.29% จากจำนวนบัตรลงคะแนนทั้งสิ้น 2,214,315 ใบ นับคะแนนไปแล้ว 2,132,108 ใบ ปรากฏกว่านายอภิรักษ์ ได้คะแนน 953,257 คะแนน นายประภัสร์ ได้คะแนน 524,140 คะแนน นายชูวิทย์ ได้คะแนน 328,021 คะแนน และ ดร.เกรียงศักดิ์ ได้คะแนน 250,526 คะแนน
ทั้งนี้ มีบัตรเสียทั้งสิ้น 0.87% ไม่ลงคะแนน 1.69% และบัตรดี 97.44% โดยคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของนายอภิรักษ์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้รับคะแนนเสียงทั้งหมด 911,441 คะแนน