เผยช่วงโค้งสุดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เจอวิชามารโจมตี มีทั้งลอกเลียนแบบป้ายหาเสียง “อภิรักษ์” แต่เป็นถ้อยคำหนุนม็อบพันธมิตรฯ ใบปลิวจงใจให้เกิดความเข้าใจผิดในตัวผู้สมัคร ร้อง กกต.กทม.ตรวจสอบ ด้านเจ้าตัว เผย หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.เตรียมเข้าพบนายกฯ-มท.1 เคลียร์ปัญหากรณีรถ เรือดับเพลิง พร้อมดันส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าให้เป็นรูปธรรม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.โค้งสุดท้าย ว่า ในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง พบว่า มีการใช้วิชามารที่สกปรกมากขึ้น ด้วยการทำป้ายลอกเลียนแบบป้ายประชาสัมพันธ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสติกเกอร์พื้นสีแดง ตัวหนังสือสีขาว มีข้อความว่า “ผมพร้อมทำงานเพื่อคน กทม.อีกครั้ง และหนึ่งเสียงของท่านสร้างอนาคตกรุงเทพฯ ร่วมกัน” โดยพรรคนำข้อความดังกล่าวปิดทับป้ายหาเสียงของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครของพรรค แต่พบมีผู้ทำข้อความเลียนแบบ โดยใช้ถ้อยคำว่า “หนึ่งเสียงของท่าน สนับสนุนม็อบพันธมิตรฯ” ไปปิดทับ ป้ายหาเสียงของนายอภิรักษ์ จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
“ถือเป็นวิชามารโค้งสุดท้ายก่อนลงคะแนน ซึ่งเป็นความอัปยศอดสูของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นการเล่นสกปรกหลายรูปแบบ มีทั้งใบปลิวที่จงใจให้เกิดความเข้าใจผิดในตัว นายอภิรักษ์ ซึ่งไม่สามารถนำข้อความมาเปิดเผยได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่า มีการเอาชนะโดยไม่คำนึงถึงถูกผิด ชั่วดี” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังเรียกร้องไปยัง กกต.กทม.ให้ทำความชัดเจนเกี่ยวกับข่าวลือเรื่อง นายอภิรักษ์ อาจถูกใบเหลือง โดยขอให้ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริง เพราะเท่าที่ตรวจสอบ กกต.กทม.ยืนยันว่า ไม่มีใครบอกว่านายอภิรักษ์จะได้ใบเหลือง เพียงแต่ได้สรุปเรื่องที่ นายชูวิทย์ ร้องเรียนให้ กกต.กลาง พิจารณาเท่านั้น
**อภิรักษ์ยันทุกอย่างโปร่งใส
ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดใจถึงการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ สมัยที่ 2 หลังจากที่มีผู้สมัครจำนวนหนึ่งกล่าวโจมตีถึงเรื่องการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้สมัครบางคนได้กล่าวโจมตีถึงความไม่โปร่งใสในการทำงาน ในเรื่องต่างๆ เช่น โครงการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิง การก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายจากสถานีตากสิน ไปถึง สถานีวงเวียนใหญ่ระยะทาง 2.2 กม.ซึ่งไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ยึดถือในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ซึ่งเรื่องรถดับเพลิงนั้นเป็นโครงการที่รัฐบาลในสมัยนั้นได้ผลักดัน และดำเนินการแล้วเสร็จก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อ พ.ศ.2547 ส่วนรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนั้น จากการตรวจสอบยืนยันว่า คน กทม. ฝั่งธนบุรีจะได้ใช้บริการในต้นเดือน เม.ย.พ.ศ.2552 อย่างแน่นอน
“การโจมตีที่ผ่านมา เขาพูดเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา ผมเอาเวลาไปเดินเล่น แท้ที่จริงโครงการใหญ่ๆ ที่ทำไม่แล้วเสร็จตามเวลาที่ผมเคยประกาศไปนั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล 4ปีที่ผ่านมานั้น ผมได้ทำการเปลี่ยนแปลงให้กับกทม.อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัว และหากผมมีโอกาสอีกครั้งผมก็จะเข้ามาสานต่อโครงการที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ”
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า เหตุที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่อยากใช้เวลาหาเสียงที่มีเพียง 1 เดือนนั้นตอบโต้กับข้อกล่าวหาต่างๆ และในวันนี้อยากชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบว่าตนใช้ความทุ่มเทเพียงใดในการบริหารและพัฒนา กทม.ไม่ใช่ว่าเหลืออดแล้ว
“เหลือเวลาอีก 3 วัน ที่ประชาชนจะได้ใช้โอกาสในการตัดสินเลือกอนาคต ด้วยการไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่จะเข้ามาทำหน้าที่สร้างอนาคตให้กับเมืองกรุงเทพฯ ผมยืนยันในความพร้อมการทำงานให้กับประชาชน ด้วยทีมงาน บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมไปถึงสมาชิกพรรค ส.ก. ส.ข.ที่พร้อมจะลงพื้นที่ทำงานให้กับประชาชน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากได้รับโอกาสอีกครั้ง จะแก้ไขเรื่องการทุจริต คอร์รัปชันใน กทม.อย่างไร นายอภิรักษ์ กล่าวว่า 1.จะจัดระเบียบ สร้างระเบียบในเรื่องการไม่ทุจริต คอร์รัปชันร่วมกับข้าราชการ ดึงคณะกรรมการพัฒนาเขต พัฒนาย่าน ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เช่น หากมีโครงการที่ทำให้กับชุมชน ประชาชนสามารถตรวจสอบการดำเนินการของโครงการได้ 2.ใช้ระบบเทคโนโลยีเพื่อเอื้อให้กับประชาชนได้เข้ามาตรวจสอบได้ง่ายในทุกโครงการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตสืบค้นข้อมูล และ 3.เปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาชน เช่น สภาเยาวชน องค์กรสตรี คนพิการ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับเปิดให้มีการตรวจสอบได้ด้วย
นอกจากนั้น ขอให้สัญญาประชาคมว่าหากได้รับโอกาส และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรอง ภายใน 3 เดือน จะขอหารือกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องโครงการรถ เรือ ดับเพลิง ส่วนกระบวนการสอบสวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ดำเนินการอยู่นั้นก็ให้เดินหน้าต่อไป นอกจากนั้นแล้วจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ ปรับปรุงพื้นผิวถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อในพื้นที่ต่างๆ
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการทาบทามนายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ อดีตรองปลัดกทม.ที่ได้เกษียณอายุราชการให้เข้าร่วมคณะทำงานผู้บริหาร กทม.นั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการทาบทามแต่อย่างใด ทั้งนี้ คงต้องรอให้มีความชัดเจนก่อนว่าตนจะได้รับเลือกให้เป็น ผู้ว่าฯกทม.และ กกต.รับรองก่อน
**กกต.กลางชี้อย่าเชื่อกระแสใบเหลือง
ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.พร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันอาทิตย์นี้ ตั้งเป้ามีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 62 แม้จะห่วงเรื่องของฝน แต่ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม เบื้องต้น มีการย้ายหน่วยเลือกตั้งที่เสี่ยงกับฝนตกหนัก 9 หน่วย แต่ไม่ไกลจากจุดเดิม และได้เร่งให้ประชาชนได้รับทราบแล้ว
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงการร้องเรียน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ว่า กกต. คงวินิจฉัยไม่ทันก่อนวันเลือกตั้ง เพราะเบื้องต้นยังไม่มีการเสนอสำนวนมายัง กกต.กลาง หาก นายอภิรักษ์ ได้รับเลือกตั้ง อาจต้องประกาศรับรองผลไปก่อน และหากพบว่า มีความผิดจริง ก็คงต้องร้องต่อศาลให้เพิกถอนสิทธิต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ต้องระวัง หากจะนำเรื่องร้องเรียนไปหาเสียงโจมตีอาจจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 57 ของกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสี
นายประพันธ์ กล่าวยืนยันว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังถือว่าเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พร้อมขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้วิจารณญาณในการเลือกบุคคลที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.โดยอย่าคำนึงถึงกระแสข่าว โดยเฉพาะข่าวที่จะให้ใบเหลืองผู้สมัครบางคน
**กกต.กทม.เลื่อนส่งสำนวนอภิรักษ์เป็น 6 ต.ค.
ขณะที่นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกทม (กกต.กทม.) เปิดเผยว่า กกต.กทม.จะส่งสำนวนข้อร้องเรียนกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.อิสระร้องเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์ กทม.เป็นโฆษณาแฝง เอื้อประโยชน์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ไปยัง กกต.กลาง ในวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคมนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะส่งได้ภายในวันนี้เนื่องจาก กระบวนการทางด้านธุรการยังไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ทาง กกต.กลาง สามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติมได้หากเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วนเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
นายพิงค์ กล่างด้วยว่า ในส่วนของการเตรียมการเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมนี้ ยืนยันมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์และบุคลากร จืงขอเชิญชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมใช้สิทธิให้ได้ตามเป้า 70 เปอร์เซ็นต์