“ชูวิทย์” ยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เร่งรัดหาผู้กระทำผิดกินภาษีประชาชน กรณีจัดซื้อรถดับเพลิง ยันจะขุดคุ้ยจนกว่าจะมีคนติดคุก เผยสไตเออร์ฯ ส่งหนังสือมาถึง ป.ป.ช.แล้ว
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ผ่านนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการข่าว ป.ป.ช. เพื่อให้เร่งพิจารณาตรวจสอบทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร โดยได้แนบสรุปเหตุการณ์และแง่คิดในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.
โดยเห็นว่าหากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.แล้วได้มีการชี้มูลความผิดและลงความเห็นตัดสินว่านายอภิรักษ์มีความผิดจริงจะส่งผลให้นายอภิรักษ์ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ทำให้สูญเสียงบประมาณของแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวจึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นการด่วน
นายชูวิทย์ กล่าวยืนยันว่า ตนจะติดตามเร่งรัดเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดแม้จะต้องตามจนสุดขอบฟ้า จนตนเองตายก็จะไม่หยุด จะหยุดก็ต่อเมื่อมีคนติดคุก และใครที่ถูกตนร้องเรียนก็จะไม่รอดแน่ และการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะมาทำตีขลุมว่านายอภิรักษ์ไม่เกี่ยวข้องทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.ยังไม่สรุปคดีแม้ว่าจะไม่มีการชี้มูลความผิดในช่วงที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (ค.ต.ส.) รับผิดชอบคดีนี้อยู่ก็ตาม และขณะนี้ทางบริษัท สไตเออร์ฯ ได้ส่งจดหมายชี้แจงมายัง ป.ป.ช. แล้วซึ่งตนคงไม่ไปก้าวก่าย นอกจากนี้ การที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคฯ ออกมาระบุว่าข้อมูลที่ตนนำมาเปิดเผยนั้นเป็นข้อมูลเก่าแล้วแต่ข้อมูลเก่าที่ว่านี้ทำไม่ถึงไม่ตอบในสิ่งที่ตนถามไปและการที่ให้นายอภิรักษ์อยู่นิ่งๆ ไม่ตอบโต้ วิธีการนี้มันเป็นวิธีที่พรรคประชาธิปัตย์น่าจะใช้เมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่ใช่ตอนนี้
“ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่การเปิด L/C ของนายอภิรักษ์ เพราะมีผลทำให้สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ ดังนั้น นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าฯ กทม.ไม่เกี่ยวข้องแน่นอนแม้จะเป็นผู้ลงนามในสัญญากับบริษัท สไตเออร์ฯ ก็ตาม ทั้งนี้ หากเป็นการกระทำของพรรครัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์คงอภิปราย 7 วัน 7 คืนแน่นอน และผมมั่นใจว่าต้องมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รอบ 2 แน่ และคงจะมีใครได้ใบดำ กินข้าวในคุกแน่ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าส่วนตัวไม่เคยมีปัญหากับนายอภิรักษ์ เจอกันก็ทักทายเป็นปกติเพราะอาศัยอยู่คอนโดฯ เดียวกัน” นายชูวิทย์ กล่าว
จากนั้น นายชูวิทย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) มีมติส่งสำนวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์ของกทม. ที่เป็นการโฆษณาแฝงเอื้อประโยชน์ให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทั้ง 5 คน วินิจฉัยชี้ขาดว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ ว่า ตนมั่นใจว่าประเด็นที่ได้ร้องเรียนไปยังกกต.กทม.นั้นครอบคลุมทุกประเด็นจึงทำให้นายอภิรักษ์ รอดยาก ไม่มีหลุด เพราะตนได้โยนตาข่ายถี่ๆจับไว้แล้ว
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่โพลล์สำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากมหาวิทยาลัยรังสิตออกมาก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเพียง 3 วัน ทั้งๆที่กกต.ระบุว่าต้องเปิดเผยโพลล์ก่อนการเลือกตั้ง 7 วัน นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า โพลล์ดังกล่าวเป็นการสำรวจความคิดเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคดังกล่าว จัดทำขึ้นมา ดังนั้นกกต.ต้องเข้าไปตรวจสอบเพราะอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งได้
ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องดังกล่าว เพราะตนได้ทำการชี้แจงไปหมดแล้ว ว่าเรื่องการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่กระทำขณะที่ตนยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส่วนการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นตนก็ทำตามกฎหมายมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามตนก็พร้อมที่จะไปชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจะกระทบต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งช่วงนี้หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประชาชนใช้วิจารณญาณได้ว่าการเลือกบุคคลมาเป็นผู้ว่าฯกทม.นั้นต้องพิจารณาจากเรื่องอะไรบ้าง เช่น นโยบาย คณะทำงาน เป็นต้น
