ปลัด กทม.เผยบัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 4.4 ล้านใบพิมพ์เสร็จ และถึงมือ 50 เขตเรียบร้อยแล้ว พร้อมแจกไปยังหน่วยเลือกตั้งในวันที่ 4 ต.ค. เพื่อให้คนกรุงเลือกผู้ว่าฯ ในดวงใจ ด้านพรรคประชาธิปัตย์เล็งออกสมุดปกขาว หลัง “ชูวิทย์” แฉทุจริตรถดับเพลิง และทุกโครงการที่ถูกโจมตีจากผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.รายอื่น ด้านเจ้าตัวลั่นคอขาดบาดตายก็ต้องพูด ระบุ “อภิรักษ์-ปชป.” ต้องรับผิดชอบ
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้จัดการอบรมเพื่อทำความเข้าใจถึงขั้นตอน วิธีการ การปฏิบัติหน้าที่ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกว่า 60,000 คนแล้ว ขณะที่ความพร้อมในด้านอื่นๆ นั้น เกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงแค่การจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ แจกหีบบัตรเลือกตั้ง การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุด
"ส่วนปัญหาฝนตก น้ำท่วมนั้นเห็นว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่จะทำให้ประชาชนไม่สามารถมาลงคะแนนเสียงได้ แต่ทาง กทม. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการในพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วม หากฝนตกลงมาอย่างหนักให้เตรียมเต็นท์ ร่ม ไว้บริการประชาชน รวมไปถึงการหาหน่วยเลือกตั้งสำรองกรณีที่เกิดน้ำท่วมในหน่วยจนไม่สามารถใช้เป็นสถานที่ลงคะแนนเสียงได้"นายพงศ์ศักดิฐ์ กล่าว
นายพงศ์ศักดิฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนบัตรเลือกตั้งจำนวน 4.4 ล้านใบนั้นพิมพ์เสร็จหมดแล้ว และได้กระจายแจกไปยังสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตแล้ว ซึ่งก่อนวันลงคะแนน 1 วันก็จะได้ดำเนินการแจกไปยังหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ในพื้นที่เขต
ปลัด กทม. กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถือว่ามีความสำคัญต่อประชาชนกทม.อย่างมาก ซึ่งอาจจะเรียกว่าสำคัญกว่าการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมืองอื่น เนื่องจากบุคคลที่ได้รับการเลือกจากประชาชนมากที่สุด ต้องเข้าไปบริหาร กทม.ให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ประชาชนผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดี ตลอดจนบ้านเมืองได้รับการพัฒนา ดังนั้นประชาชนกทม.ที่มีสิทธิควรออกมาลงคะแนนเสียงเลือกผู้ว่าฯ กทม.ในดวงใจให้มาพัฒนา กทม.ต่อไป
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คณะทำงานด้านยุทธ์ศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 เตรียมแถลงข่าวการทุจริตในโครงการจัดซื้อรถ เรือ ดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาท ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ว่า พรรคฯไม่กลัวสิ่งที่นายชูวิทย์จะพูด เพราะเรื่องนี้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว บางส่วนก็ได้ให้เครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคณะทำงานด้านหาเสียงลงพื้นที่ชี้แจงกับประชาชนแล้ว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางคณะทำงานด้านการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์หารือกันว่าหลังจากที่นายชูวิทย์แถลงข่าวเรื่องดังกล่าวแล้วอาจจะมีการออกสมุดปกขาวชี้แจงถึงเรื่องต่างๆ ที่ถูกผู้สมัครคนอื่นๆ นำมาโจมตี โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิงของ กทม.ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงนายชูวิทย์ว่าจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากที่ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงละเมิดกระบวนการสอบสวนของหน่วยงานที่กำลังดำเนินการ และกระทบต่อรูปคดีได้
“คุณอภิรักษ์ทำงานมา 4 ปี จะไม่มีเรื่องให้คนอื่นเอามาโจมตีก็คงเป็นไปไม่ได้ วันนี้เท่าที่ได้สำรวจลงพื้นที่ กทม. ก็ยังพบว่าประชาชนยังคงตัดสินใจจะเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยนโยบายมากกว่าการนำเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวยืนยันว่าวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะเดินหน้าเปิดเผยข้อมูลเรื่องทุจริตโครงการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิง อย่างแน่นอน แม้อาจจะโดนฝ่ายตรงข้ามฟ้องร้อง ก็ไม่กลัว ทั้งนี้การจัดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการละเมิดกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเป็นการกระทำที่ไปเร่งรัดให้ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการสอบสวนให้เร็วขึ้น และหลังจากนั้นแล้วนายอภิรักษ์ รวมไปถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมารับผิดชอบ
“ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องที่ผมจะแฉเป็นเรื่องการโจมตีใคร แต่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผมเท่านั้น และวันที่ 30 ก.ย.นี้เป็นหมัดเด็ด คอขาดบาดตายก็ต้องพูด และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ” นายชูวิทย์ กล่าว
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้จัดการอบรมเพื่อทำความเข้าใจถึงขั้นตอน วิธีการ การปฏิบัติหน้าที่ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกว่า 60,000 คนแล้ว ขณะที่ความพร้อมในด้านอื่นๆ นั้น เกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงแค่การจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ แจกหีบบัตรเลือกตั้ง การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุด
"ส่วนปัญหาฝนตก น้ำท่วมนั้นเห็นว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคที่จะทำให้ประชาชนไม่สามารถมาลงคะแนนเสียงได้ แต่ทาง กทม. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการในพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วม หากฝนตกลงมาอย่างหนักให้เตรียมเต็นท์ ร่ม ไว้บริการประชาชน รวมไปถึงการหาหน่วยเลือกตั้งสำรองกรณีที่เกิดน้ำท่วมในหน่วยจนไม่สามารถใช้เป็นสถานที่ลงคะแนนเสียงได้"นายพงศ์ศักดิฐ์ กล่าว
นายพงศ์ศักดิฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนบัตรเลือกตั้งจำนวน 4.4 ล้านใบนั้นพิมพ์เสร็จหมดแล้ว และได้กระจายแจกไปยังสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตแล้ว ซึ่งก่อนวันลงคะแนน 1 วันก็จะได้ดำเนินการแจกไปยังหน่วยเลือกตั้งที่อยู่ในพื้นที่เขต
ปลัด กทม. กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถือว่ามีความสำคัญต่อประชาชนกทม.อย่างมาก ซึ่งอาจจะเรียกว่าสำคัญกว่าการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมืองอื่น เนื่องจากบุคคลที่ได้รับการเลือกจากประชาชนมากที่สุด ต้องเข้าไปบริหาร กทม.ให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ประชาชนผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพดี ตลอดจนบ้านเมืองได้รับการพัฒนา ดังนั้นประชาชนกทม.ที่มีสิทธิควรออกมาลงคะแนนเสียงเลือกผู้ว่าฯ กทม.ในดวงใจให้มาพัฒนา กทม.ต่อไป
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คณะทำงานด้านยุทธ์ศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 เตรียมแถลงข่าวการทุจริตในโครงการจัดซื้อรถ เรือ ดับเพลิง มูลค่า 6,687 ล้านบาท ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ว่า พรรคฯไม่กลัวสิ่งที่นายชูวิทย์จะพูด เพราะเรื่องนี้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว บางส่วนก็ได้ให้เครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคณะทำงานด้านหาเสียงลงพื้นที่ชี้แจงกับประชาชนแล้ว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางคณะทำงานด้านการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์หารือกันว่าหลังจากที่นายชูวิทย์แถลงข่าวเรื่องดังกล่าวแล้วอาจจะมีการออกสมุดปกขาวชี้แจงถึงเรื่องต่างๆ ที่ถูกผู้สมัครคนอื่นๆ นำมาโจมตี โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิงของ กทม.ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงนายชูวิทย์ว่าจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากที่ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงละเมิดกระบวนการสอบสวนของหน่วยงานที่กำลังดำเนินการ และกระทบต่อรูปคดีได้
“คุณอภิรักษ์ทำงานมา 4 ปี จะไม่มีเรื่องให้คนอื่นเอามาโจมตีก็คงเป็นไปไม่ได้ วันนี้เท่าที่ได้สำรวจลงพื้นที่ กทม. ก็ยังพบว่าประชาชนยังคงตัดสินใจจะเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยนโยบายมากกว่าการนำเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวยืนยันว่าวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะเดินหน้าเปิดเผยข้อมูลเรื่องทุจริตโครงการจัดซื้อรถ เรือดับเพลิง อย่างแน่นอน แม้อาจจะโดนฝ่ายตรงข้ามฟ้องร้อง ก็ไม่กลัว ทั้งนี้การจัดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการละเมิดกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเป็นการกระทำที่ไปเร่งรัดให้ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการสอบสวนให้เร็วขึ้น และหลังจากนั้นแล้วนายอภิรักษ์ รวมไปถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมารับผิดชอบ
“ผมไม่อยากให้มองว่าเรื่องที่ผมจะแฉเป็นเรื่องการโจมตีใคร แต่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ของผมเท่านั้น และวันที่ 30 ก.ย.นี้เป็นหมัดเด็ด คอขาดบาดตายก็ต้องพูด และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ” นายชูวิทย์ กล่าว
