xs
xsm
sm
md
lg

“นิติภูมิ” ควงอดีตผู้ช่วยเลขา “หมัก” ลงผู้ว่าฯ นามพรรคสุวรรณภูมิ เบอร์ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.นิติภูมิ เนาวรัตน์ หัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ
“นิติภูมิ” ควง “เอธัส” อดีตผู้ช่วยเลขาผู้ว่าฯ กทม.สมัย “สมัคร” กุมบังเหียน ลงสู้ศึก ผู้ว่าฯ ในนามพรรคสุวรรณภูมิ ยื่นใบสมัครลำดับสุดท้ายหมายเลข 14 นำแนวคิด “ชูวิทย์” ปรับใช้บริหารงานกทม.แบบบอร์ด-ซีอีโอ

เมื่อเวลา 15.22 น.ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.อ.นิติภูมิ เนาวรัตน์ หัวหน้าพรรคสุวรรณภูมิ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 2547 ได้นำนายเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าฯ กทม.มายื่นใบสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคสุวรรณภูมิ เป็นลำดับที่ 14 โดยก่อนหน้าที่ นายเอธัส จะมายื่นใบสมัครได้ไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม.ด้วย ทั้งนี้ หลังได้หมายเลขประจำตัว คือ หมายเลข 14

ร.ต.อ.นิติภูมิ เปิดเผยว่า พรรคสุวรรณภูมิ มีมติส่ง นายเอธัส ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจาก นายเอธัส เป็นคนหนุ่มที่มีประสบการณ์ เนื่องจากเคยทำงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการนายสมัคร สุนทรเวช สมัยที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.ทั้งนี้ ในแนวทางการทำงานหากตัวแทนพรรคได้รับเลือกนั้น ทั้งนี้ หาก นายเอธัส ได้โอกาสรับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะมีการบริหารจัดการการทำงานใหม่ ด้วยการตั้งคณะกรรมการผู้ว่าฯ กทม.5 คน โดยผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นคณะกรรมการนี้ โดยตำแหน่งและจะเลือกคณะกรรมการจำนวนที่เหลืออีก 4 คน จากที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ที่มีอยู่ 9 คน โดยตนจะทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าว เหมือนเป็นคณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัท เพื่อมาทำงานบริหารงาน กทม.ส่วนผู้ว่าฯ กทม.จะทำหน้าที่เป็นซีอีโอ ซึ่งคณะกรรมการแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบพื้นที่คนละ 10 เขต ทำให้สามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้อำนาจการตัดสินใจเด็ดขาดจะอยู่ที่คณะกรรมการชุดนี้ ไม่ได้อยู่ที่ผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของผู้ว่าฯ กทม. ไม่ผิดพลาดจนเกิดความเสียหาย เหมือนกับผู้ว่าฯ กทม.2 คนที่ผ่านมา

ร.ต.อ.นิติภูมิ กล่าวต่อว่า เหตุที่ตนไม่ลงสมัครเอง เพราะอยากเป็นผู้นำการบริหาร และไม่มีเวลามาทำงานประจำได้ จึงส่ง นายเอธัส ที่เคยมีประสบการณ์การทำงานใน กทม.มาลง ส่วนตนจะทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการรอลงการเมืองสนามใหญ่ ยังไม่ได้คิด ตอนนี้แค่อยากสร้างชื่อเสียงให้พรรคด้วยการบริหารจัดการงาน กทม. สำหรับนโยบายหลักที่จะทำหาก นายเอธัส ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.คือ จะเน้นเพิ่มคุณภาพด้านการศึกษา เน้นการท่องเที่ยว และการนำความมั่งคั่งมาสู่กรุงเทพฯ จะปรับปรุงโครงการพื้นฐานของกรุงเทพฯ ให้เหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางการค้าขายของภูมิภาค จะทำให้ กทม.เป็นมหานครแห่งเทคโนโลยี จะรื้อฟื้นชื่อเสียงของ กทม.ลดน้อยลงไปให้กลับมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมมีแต่ความขัดแย้ง ถ้าผู้ว่าฯ กทม.ยังเป็นคนจากพรรคเก่าๆ ความขัดแย้งจะไม่หายไป จึงกลายเป็นจุดเด่นของพรรคสุวรรณภูมิ ที่เป็นพรรคจัดตั้งใหม่ จะแก้ปัญหาในจุดนี้ได้

ต่อข้อถามที่ว่า แนวทางการทำงานแบบกรรมการบริหาร และ ซีอีโอ นั้นได้นำมาจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่ประกาศถอนตัวไปก่อนหน้านี้ ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.นิติภูมิ ยอมรับว่า ได้หารือกับ นายชูวิทย์ ถึงแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ เพื่อให้การพัฒนา กทม.มีประสิทธิภาพขึ้น แต่ยังไม่มีการเจรจาให้ นายชูวิทย์ มาร่วมทีม

นอกจากนี้ ร.ต.อ.นิติภูมิ ยังชี้แจงกรณีที่มีการนำการก่อตั้งพรรคสุวรรณภูมิไปเกี่ยวกับข้องกับนายเนวิน ชิดชอบ ว่า ตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายเนวิน และไม่รู้ว่ามีการนำตนไปเกี่ยวข้องกับนายเนวินได้อย่างไร แต่ยืนยันว่าในความเป็นจริงตนกับนายเนวินไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

ด้าน นายเอธัส กล่าวว่า ตนเคยทำงานที่ กทม.ทำให้ทราบระบบ รู้วิธีการบริหารจัดการ และอยากทำอะไรเพื่อช่วยเหลือสังคม จึงตัดสินใจมาลงสมัคร ตนจะไม่บอกว่าจะมาเก็บขยะ หรือทำให้น้ำในคลองใสสะอาด เพราะเรื่องเหล่านี้ข้าราชการประจำสามารถทำได้ แต่ตนจะทำงานบริหารจัดการเมืองให้ดี ตนจะไม่ทำงานเป็นนักการเมือง แต่จะทำงานเป็นนักบริหารจัดการ

นายมนูญ ศิริวรรณ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (กกต.ทถ.กทม.) เปิดเผยภายหลังการปิดรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในเวลา 16.30 น.ว่า สรุปยอดผู้สมัครมีทั้งหมด 14 คน คาดว่าจะตรวจคุณสมบัติผู้สมัครได้ภายใน 7 วัน โดยผู้สมัครมีทั้งหน้าใหม่และบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งน่าจะทำให้มีคนมาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ถึง 70% ใช้งบประชาสัมพันธ์ 26 ล้านบาท ช่วงแรกจะเร่งประชาสัมพันธ์วันเลือกตั้ง คือ วันที่ 11 ม.ค.2552 ให้ประชาชนรับทราบ และช่วงก่อนวันเลือกตั้ง 2-3 สัปดาห์ จะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ

กำลังโหลดความคิดเห็น