นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่หาเสียงกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนย่านห้างแพลตตินัม ประตูน้ำ พร้อมชูนโยบายที่จะผลักดัน กทม.ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้คนไทยพัฒนาการตัดเย็บเสื้อผ้าและเครื่องประดับ สร้างผลิตภัณฑ์เมดอินแบงค็อก เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งวันนี้ผู้ประกอบการมีศักยภาพสามารถทำได้ และจะทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่จะสร้างสถานีโทรทัศน์กรุงเทพฯ หรือ "ซิตี้ชาแนล" เพื่อให้ชาว กทม.มีโอกาสรับรู้ข่าวสารเพิ่มขึ้นจากระบบฟรีทีวีและเคเบิลทีวีในขณะนี้ และเป็นช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคนกรุงเทพฯ กับผู้บริหาร เช่น กรณีเกิดภัยพิบัติ หรือประสบปัญหาน้ำท่วม การจราจรติดขัด รวมถึงเป็นเวทีให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น โดยจะมีคณะกรรมการบริหารสถานีฯ ที่มาจากตัวแทนประชาคม ซึ่งสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ภายใน 1 เดือน เพราะได้ศึกษาโครงสร้างและมีแผนงานไว้แล้ว โดยจะใช้งบประมาณไม่มาก
นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงกรณีผลสำรวจความเห็นของประชาชน ล่าสุด ที่คะแนนนิยมยังทิ้งห่างผู้สมัครรายอื่น ว่า ตนไม่ได้สนใจว่าผลสำรวจจะเป็นอย่างไร และจะตั้งใจลงพื้นที่หาเสียง เพื่อพบปะประชาชนทุกกลุ่มให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการทำงาน
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ อีกคนหนึ่ง ประกาศจะเดินหน้าเปิดเผยข้อมูลทุจริตรถดับเพลิง เพื่อหาตัวผิดให้ได้ นายอภิรักษ์ ระบุว่า ไม่มีผลกระทบหรือหวั่นใจ เพราะเรื่องดังกล่าวมีกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน และเชื่อว่าประชาชนคงรู้สึกเบื่อหน่ายการหาเสียงด้วยวิธีการโจมตีผู้อื่น และอยากเห็นผู้สมัครแข่งขันในเรื่องนโยบายมากกว่า
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีนโยบายที่จะสร้างสถานีโทรทัศน์กรุงเทพฯ หรือ "ซิตี้ชาแนล" เพื่อให้ชาว กทม.มีโอกาสรับรู้ข่าวสารเพิ่มขึ้นจากระบบฟรีทีวีและเคเบิลทีวีในขณะนี้ และเป็นช่องทางสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคนกรุงเทพฯ กับผู้บริหาร เช่น กรณีเกิดภัยพิบัติ หรือประสบปัญหาน้ำท่วม การจราจรติดขัด รวมถึงเป็นเวทีให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น โดยจะมีคณะกรรมการบริหารสถานีฯ ที่มาจากตัวแทนประชาคม ซึ่งสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ภายใน 1 เดือน เพราะได้ศึกษาโครงสร้างและมีแผนงานไว้แล้ว โดยจะใช้งบประมาณไม่มาก
นายอภิรักษ์ ยังกล่าวถึงกรณีผลสำรวจความเห็นของประชาชน ล่าสุด ที่คะแนนนิยมยังทิ้งห่างผู้สมัครรายอื่น ว่า ตนไม่ได้สนใจว่าผลสำรวจจะเป็นอย่างไร และจะตั้งใจลงพื้นที่หาเสียง เพื่อพบปะประชาชนทุกกลุ่มให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการทำงาน
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ อีกคนหนึ่ง ประกาศจะเดินหน้าเปิดเผยข้อมูลทุจริตรถดับเพลิง เพื่อหาตัวผิดให้ได้ นายอภิรักษ์ ระบุว่า ไม่มีผลกระทบหรือหวั่นใจ เพราะเรื่องดังกล่าวมีกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน และเชื่อว่าประชาชนคงรู้สึกเบื่อหน่ายการหาเสียงด้วยวิธีการโจมตีผู้อื่น และอยากเห็นผู้สมัครแข่งขันในเรื่องนโยบายมากกว่า
