xs
xsm
sm
md
lg

“หมอโรคไต” แนะ รพ.เอกชนยอมเสียสละเพื่อคนไข้ ไม่ใช่มุ่งแต่ผลประโยชน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หมอโรคไต แจงต้นทุนค่าฟอกเลือด แนะลดความเห็นแก่ตัว ยอมเสียสละเพื่อคนไข้ ยกพระราชดำรัสบิดาแห่งการแพทย์และสาธารณสุขไทยเห็นประโยชน์ของคนไข้เป็นที่หนึ่ง ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ 2 ลาภ ยศ สรรเสริญ จะมีแด่ท่านเองโดยมิต้องแสวงหา

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตหัวหน้าแผนกอายุรกรรมด้านโรคไต โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยโรคไตมา 20 ปี สามารถแบ่งค่าใช้จ่ายการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ค่าวัสดุอุปกรณ์ อาทิ น้ำยาฟอกเลือด ตัวกรอง น้ำเกลือ ฯลฯ ต้นทุนประมาณ 600-700 บาทต่อการฟอกต่อครั้งต่อคน 2.ค่าบริการจัดการ ค่าธุรการ ค่าภาษี ประมาณ 200 บาทต่อครั้งต่อคน 3.ค่าบริการของบุคลากรทางการแพทย์ อาทิ แพทย์ พยาบาล เป็นส่วนที่เหลือ ซึ่งการที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตั้งราคากลางไว้ที่ 1,500 บาท เท่ากับว่า มีค่าบุคลากรประมาณ 600-700 บาท เท่ากับเป็น 50% ของค่าใช่จ่ายทั้งหมด

“แน่นอนว่า ปัจจุบันราคาก็อาจไม่เท่ากับในอดีต ซึ่งหมอและพยาบาลอาจจะได้มากกว่านี้ แต่ปริมาณผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร อีกทั้งถ้ายึดหลักการคนเจ็บป่วยได้เข้าถึงการบริการ ไม่ได้ยึดถึงประโยชน์ทางธุรกิจ ลดความเห็นแก่ตัวลง ก็สามารถดำเนินการได้”นพ.นิรันดร์ กล่าว

นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากต้นทุนแล้ว ค่าวัสดุอุปกรณ์ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการขาดทุน แต่ที่ลดลงคือ ค่าบริการของแพทย์และพยาบาลที่ลดลง แต่ปริมาณการรับบริการเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือ การช่วยชีวิตผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี หากไม่ต้องคิดเรื่องสิทธิหรือหลักประกันสุขภาพใดๆ แค่คิดเรื่องที่ได้ทำบุญในฐานะคนวงการสาธารณสุขก็เป็นเรื่องที่สุขใจแล้ว ตามที่พระราชดำรัสของบิดาแห่งการแพทย์และสาธารณสุขไทยว่า จงเห็นประโยชน์ของคนไข้เป็นที่หนึ่ง ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ 2 ลาภ ยศ สรรเสริญ จะมีแด่ท่านเองโดยมิต้องแสวงหา

นพ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ธุรกิจฟอกไตผ่านเครื่องไตเทียมต้องเปลี่ยนแนวคิดว่าที่จะหวังได้กำไร มาเป็นธุรกิจที่มีส่วนช่วยเหลือชีวิตคนได้แล้ว แม้ว่าสมาคมโรงพยาบาลเอกชนจะมีสิทธิแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าว โดยที่ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ ในฐานะนายกสมาคมทำหนังสือเวียนว่าไม่ให้โรงพยาบาลเอกชนทำสัญญาร่วมโครงการกับ สปสช.แต่ก็ไม่ควรชี้นำ เพราะบุคลากรสาธารณสุขทุกคนมีวิจารณญาณพิจารณาเองได้

“การดำเนินการในนามของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะการเคลื่อนไหวใดๆ หมายความรวมถึงการเป็นตัวแทนของสถานพยาบาลเอกชน แต่การดำเนินการครั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานพยาบาลเอกชนทั้งหมดจะคิดเห็นเช่นนี้เสมอไป จึงอยากให้ทุกฝ่าย ลดความอยากในผลตอบแทนที่สูงลง ให้นึกถึงชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลัก”นพ.นิรันดร์ กล่าว

ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า เมื่อราคากลางที่ สปสช.กำหนดให้กับสถานพยาบาลที่ร่วมโครงการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมในราคา 1,500 บาท ดังนั้น ราคาที่กรมบัญชีกลางและสำนักงานประกันสังคม เบิกจ่ายให้ผู้ป่วยในระบบสวัสดิการสังคมและประกันสังคมในราคา 2,000 บาท จึงน่าตั้งคำถามว่าทั้ง 2 ระบบนี้เป็นราคาที่สมเหตุสมผลหรือไม่ ขณะเดียวกัน สมาคมโรงพยาบาลเอกชนก็ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อผู้ป่วยด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ห่วงแต่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น