xs
xsm
sm
md
lg

สับเละกลางสภา กทม.จวกยับผู้ว่าฯเหลวจัดงบ สน.โยธาฯอ่วมทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมสภา กทม.อภิปรายงบประมาณประจำปี 52 สับเละการทำงานของผู้ว่าฯ บริหารจัดการงบเหลว ขณะที่สำนักการโยธา สำนักป้องกันอ่วมคดีทุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร โดยมีนายธวัชชัย ปิยนนทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภา กทม.สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 3) ประจำปี พ.ศ. 2551 มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.คณะผู้บริหาร กทม. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภา โดย นายอภิรักษ์ ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ให้ที่ประชุมพิจารณา

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา กทม.ได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนากทม.ซึ่งแผนงานและโครงการบางส่วนได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่บางส่วนยังอยู่ระหว่างดำเนินการในลักษณะโครงการต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้ยุทธศาสตร์การพัฒนา กทม.บรรลุเป้าหมาย จึงได้ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายแบบสมดุล คือ รายจ่ายประจำเท่ากับรายได้ประจำที่จะจัดเก็บได้ โดยเป็นงบประมาณที่ กทม.จัดเก็บจากภาษีต่างๆ จำนวน 46,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 76.13 และ เงินอุดหนุนจากรัฐบาล จำนวน 14,420.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.87

ทั้งนี้ กทม.จะนำงบประมาณดังกล่าวไปสนับสนุนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้านดังนี้ ยุทธศาสตร์ด้านเมืองแห่งความสะดวกปลอดภัย จำนวน 12,835 ล้านบาท เพื่อผลักดันโครงการด้านระบบขนส่งมวลชนเพิ่มโครงข่ายถนน แก้ปัญหาจุดตัดบริเวณทางแยก สร้างถนนใหม่ และการเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ยุทธศาสตร์มหานครแห่งสิ่งแวดล้อม จำนวน 3,473 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดปัญหาภาวะโลกร้อน การบริหารจัดการขยะและสิ่งปฏิกูล การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งการจัดการคุณภาพอาการและเสียง ยุทธศาสตร์ด้านมหานครแห่งการเรียนรู้ จำนวน 11,648 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างปรับปรุงอาคารเรียน บ้านพักอาศัย โรงพลศึกษา อาคารอเนกประสงค์ ก่อสร้างและปรับปรุงห้องน้ำโรงเรียน กิจกรรมที่สนับสนุนโครงการ SMART SCHOOL เช่น การพัฒนาครูแกนนำเพื่อเป็นต้นแบบปฏิรูปการเรียนรู้ โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา และโครงการโรงเรียนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริยุทธศาสตร์ด้านเมืองสุขภาพดีผู้คนมีความสุข งบประมาณ 2,093 ล้านบาท เพื่อดำเนินการต่อเนื่องด้านการแพทย์ อนามัย และการพัฒนาสังคม อาทิ การก่อสร้างอาคารผู้ป่วย การพัฒนาคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉิน

ยุทธศาสตร์ด้านมหานครเปี่ยมเสน่ห์ งบประมาณ 529 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับนักท่องเที่ยว การปรับปรุงภูมิทัศน์ย่านสำคัญในพื้นที่ของ กทม.และการบูรณะ ปรับปรุงโบราณสถานและสืบสานวัฒนธรรม ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชุมชนเมืองบนความพอเพียง งบประมาณ 298 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการโรงเรียนต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการแผนชุมชนพึ่งตนเอง โครงการกองทุนชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง โครงการบัญชีเงินออมเพื่อชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและการพัฒนาองค์การเพื่อการให้บริการประชาชน งบประมาณ 5,651 ล้านบาท ประกอบด้วยการพัฒนาเพื่อการบริการประชาชน การเพิ่มศักยภาพบุคลากร การก่อสร้างและปรับปรุงอาคารสำนักงาน และการสำรองเป็นงบกลางรายการต่างๆ ที่จำเป็น

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า และเพื่อให้การพัฒนา กทม.ในปีงบประมาณ 2552 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาและวาระกรุงเทพฯ สีเขียว รวมทั้งกรอบแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากรุงเทพมหานครปี 2552-2555 กทม.จึงได้กำหนดกรอบการพัฒนาจากเดิมเป็น 5 แนวทาง (Five Big Moves) ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของมหานครเพื่อก้าวทันการแข่งขันทางเศรษฐกิจ วิทยาการ (Knowledge-based Economic) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างเสน่ห์กรุงเทพมหานครเพื่อความสวยงาม ร่มรื่น น่าอยู่ ปลอดภัย มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีความสุข มีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการบริการประชาชนและการจัดการเมือง เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบด้านการบริหารมหานคร

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปราย โดยนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ก.เขตห้วยขวาง พรรคพลังประชาชน อภิปรายโจมตีการทำงานของคณะผู้บริหาร กทม.ของ นายอภิรักษ์ ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาในการทำงาน กทม.ใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 170,000 ล้านบาท หากรวมงบประมาณปี 2552 นี้ด้วยจะไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท นับว่าได้ใช้งบประมาณไปอย่างมากมายเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน แต่สิ่งที่สมาชิกได้เห็นกลับไม่มีโครงการใดปรากฏเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย ทั้งที่สภาเคยได้ทักท้วงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการนำงบประมาณไปใช้ในโครงการใหญ่ๆ แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนอง โดยเฉพาะงานในส่วนของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ต้องเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับเป็นที่น่าเสียใจที่สภาได้อนุมัติงบประมาณจำนวนมากแต่กลับไม่เห็นผลงานที่เด่นชัด ที่ชัดเจนคือโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งสภาเห็นถึงความสำคัญและได้อนุมัติงบประมาณก่อหนี้ผูกพันไปให้ แต่รถกลับยังจอดแช่อยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง และอีกส่วนหนึ่งบริษัทเอกชนได้นำไปจอดไว้ที่ จ.นนทบุรี

นายประเดิมชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เมื่อเห็นว่า กระบวนการตามสัญญาการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงมีความครบถ้วนและมีผลสมบูรณ์ เพราะมีการลงนามครบทุกฝ่าย มีการเปิดแอลซี ตรวจรับรถต้นแบบ และสินค้าส่งมาถึงไทยเรียบร้อย เหตุใดเราจึงไม่นำรถมาใช้ ทั้งที่ได้รับอนุมัติงบประมาณไปแล้ว ส่วนปัญหาเรื่องการทุจริตควรปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายรับผิดชอบและพิสูจน์ต่อไปว่ามีการจัดซื้อแพงเกินจริง หรือจะผิดจะถูก ทั้งนี้หากเราได้เห็นสภาพของรถที่จอดอยู่ไม่ได้จอดภายในโรงเป็นกิจจะลักษณะ แต่จอดอยู่กลางแจ้งและใกล้แหล่งน้ำเค็ม ซึ่งแน่นอนว่าตัวถังรถ อะไหล่ และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ จะต้องมีสภาพความชำรุดทรุดโทรมอยู่แล้ว หากปล่อยให้รถจอดตากแดดไปอีกปีหรือสองปี โดยกทม.ต้องจ่ายเงินภาษีของประชาชนไปตามสัญญาการเปิดแอลซีก็จะไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นจึงอยากเห็นความกล้าหาญของผู้ว่าฯกทม. ก่อนหมดวาระ ด้วยการนำรถออกมาใช้

ส.ก.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า ส่วนการทำงานของสำนักการโยธา ตนอยากชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องจำนวนมาก ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณจำนนมากที่สุด แต่ก็มีเรื่องค่อนข้างมากและปรากฏเป็นข่าวฉาว คืองานควบคุมอาคารที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีคนทำผิดหรือละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะอาคารก่อสร้างประเภทที่พักอาศัย คอนโดมิเนียมในเขตจตุจักร ที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังหาตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้ มีการก่อสร้างสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด หากไม่มีการตรวจสอบจากสื่อมวลชนบริษัทเอกชนก็คงจะนำพื้นที่ในอากาศไปขายให้กับประชาชนที่ไม่รู้เรื่องสร้างรายได้มหาศาล อีกทั้งทราบว่าขณะนี้เอกสารหลักฐานต่างๆ ก็ไม่มียืนยัน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในหน่วยงานนี้

นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงความล้มเหลวในการใช้งบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ในกทม. ที่มีการขอเข้ามาถึง 90,000 ล้านบาท ทั้งที่มีงบเพียง 46,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยหน่วยงานส่วนใหญ่ทำเรื่องเสนอของบประมาณเข้ามาแต่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการงบให้มีดี ไม่มีการเร่งรัดใช้งบประมาณให้เสร็จทันตามเป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะสำนักการโยธา (สนย.) หลายปีที่ผ่านมาของบประมาณไปแล้วแต่กลับไม่ดำเนินการ ดังนั้นหากรายการใดดำเนินการไม่ทัน หน่วยงานควรจะต้องถอนออกไป เพื่อให้หน่วยงานอื่นนำงบประมาณไปใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นดีกว่า

ทั้งนี้ หลังจากที่สมาชิกได้ลุกขึ้นอภิปรายกันครบถ้วนแล้ว ในที่สุดที่ประชุมก็ได้มีมติผ่านความเห็นชอบร่างข้อบัญญัติดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการวิสามัญ 49 คนขึ้นมาพิจารณาเป็นเวลา 45 วัน


กำลังโหลดความคิดเห็น