“หมอวิชัย” เตรียมฟ้อง “ไชยา” ปลดพ้นบอร์ด อภ. ด้าน พรีม่า ตีปีกยกยอ “สมัคร” มีวิสัยทัศน์ไม่ทำซีแอลยา ด้าน “สารี” เตรียมเข้าให้กำลังใจหมอวิชัย วอนข้าราชการประจำ ความเข้มแข็ง ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง
ภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) กล่าวว่า รู้สึกยินดีกับแนวความคิดของ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เห็นว่า การประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ยาในอนาคตนั้นคงไม่จำเป็น เพราะได้ดำเนินการทำซีแอลกับยาที่จำเป็นแล้ว และถือว่า นายไชยา เป็นผู้มีมารยาทในการทำงานอย่างมาก เพราะสิทธิบัตรยาเป็นเรื่องที่ต่างประเทศได้ทุ่มเงินในการลงทุนวิจัยอย่างมหาศาล แต่อยู่ดีๆจะมายึดเอาทรัพย์สินทางปัญญาไปเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ การที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาการเข้าถึงระบบยาที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และที่มีผู้มาวิพากษ์วิจารณ์นั้นว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้ามาเป็นกรรมการนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด เนื่องจากคณะกรรมการนี้เป็นคณะกรรมการระดับชาติที่ดูทั้งระบบ ทั้งสุขภาพ การค้า พาณิชย์ อุตสาหกรรม สิทธิบัตร ฯลฯ ดังนั้น เมื่อมีสัดส่วนเช่นนี้ก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว และขอตำหนิคนที่วิจารณ์ ว่า ไม่มีความเข้าใจและไม่มีวิสัยทัศน์ เหมือนกับนายกรัฐมนตรีและนายไชยาที่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างจริง การตั้งคณะกรรมการร่วมฯ เป็นความถูกต้อง และดีกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาอย่างมาก
ภก.ธีระ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการร่วมระหว่าง สธ.กับ พรีม่า ที่มี นพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธานที่เคยตั้งมาก่อนหน้านี้นั้น ก็ไม่ใช่คณะทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนอย่างแท้จริง มันใช้ไม่ได้ เพราะผู้มีอำนาจในขณะนั้นไม่ได้ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านยาอย่างจริงจัง ส่วนคณะกรรมการการร่วมฯ ที่ตั้งโดยนายสมัครนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้หนังสือแจ้งนัดการประชุมคณะกรรมการร่วมฯแต่อย่างใด หากได้รับหนังสือก็ยินดีเข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอนและจะเดินทางไปด้วยตนเองในนามนายกพรีม่าและนายกเภสัชกรรมสมาคม พร้อมด้วย พญ.กิติมา ยุทธวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรีม่าด้วย
ขณะที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวว่า ในวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปพร้อมกับทนายความส่วนตัวในการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองในกรณีที่นายไชยา เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ปลดบอร์ด อภ.เพื่อเป็นบรรทัดฐานของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ จะขออนุญาตศาลปกครองให้พิจารณาไต่สวนฉุกเฉินด้วย เพราะหากปล่อยไว้คาราคาซังจะทำให้เรื่องราวยืดยาว ประเทศชาติจะเสียผลประโยชน์ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ซึ่งขอน้อมรับ โดยอดีตบอร์ด อภ.อีกประมาณ 5 คนก็ร่วมลงนามในการฟ้องร้องด้วย
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จะเดินทางไปให้กำลังใจ นพ.วิชัย ที่จะเดินทางไปฟ้องศาลปกครอง และขอเรียกร้องไปถึงข้าราชการประจำ ให้มีความเข้มแข็ง ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาการพูดและคิดของนายไชยา ทำให้น่าคิดว่า มีผู้หนุนหลังอยู่หรือไม่ เพราะการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง เหมือนไม่รู้สึก รู้สา ยืนยันความถูกต้องตัวเองตลอดเวลา ทั้งที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) , คณะกรรมการการเลือกตั้ง(ก.ก.ต.), และประชาชนอีก 2 หมื่นคน เห็นตรงกันว่าไม่ถูกต้อง
"พวกเราไม่เคยเกลียด หรืออยากกลั่นแกล้งนายไชยา แต่เห็นว่าไม่ถูกต้องเท่านั้น ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลว่าจะปล่อยให้คนเป็นรัฐมนตรีทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องสนใจความรู้สึกหรือเกรงใจประชาชนหรืออย่างไร”น.ส.สารีกล่าว
น.ส.สารี กล่าวถึงความชอบธรรมในการบริหารงานและออกคำสั่งต่างๆ ของนายไชยา หลังจากก.ก.ต.ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินด้วยว่า คนเป็นผู้บริโภคและประชาชน คงไม่มีทางออกมากนักในการเรียกร้องในเรื่องดังกล่าว นอกจากใช้ช่องทางการลงนามเพื่อให้ถอดถอนได้เท่านั้น แต่สิ่งที่ได้ยินจากนายไชยา ทุกครั้งในเรื่องความเหมาะสมในการทำหน้าที่ คือ คำว่า “ไม่สนใจ”และยังพูดอยู่เสมอว่าตนเองถูกต้อง คงต้องตั้งคำถามว่า เหตุใด จริยธรรมนักการเมือง จึงมีปัญหาได้ขนาดนี้ และไม่อยากให้นายไชยา ออกคำสั่งอะไรอีก เช่น การตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาการเข้าถึงยาระบบยาที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน หรือการไม่ใช้ซีแอลเป็นเครื่อฝมือต่อรองราคายาอีก
ภก.ธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) กล่าวว่า รู้สึกยินดีกับแนวความคิดของ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เห็นว่า การประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) ยาในอนาคตนั้นคงไม่จำเป็น เพราะได้ดำเนินการทำซีแอลกับยาที่จำเป็นแล้ว และถือว่า นายไชยา เป็นผู้มีมารยาทในการทำงานอย่างมาก เพราะสิทธิบัตรยาเป็นเรื่องที่ต่างประเทศได้ทุ่มเงินในการลงทุนวิจัยอย่างมหาศาล แต่อยู่ดีๆจะมายึดเอาทรัพย์สินทางปัญญาไปเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ การที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาการเข้าถึงระบบยาที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และที่มีผู้มาวิพากษ์วิจารณ์นั้นว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวไม่มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้ามาเป็นกรรมการนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่อย่างใด เนื่องจากคณะกรรมการนี้เป็นคณะกรรมการระดับชาติที่ดูทั้งระบบ ทั้งสุขภาพ การค้า พาณิชย์ อุตสาหกรรม สิทธิบัตร ฯลฯ ดังนั้น เมื่อมีสัดส่วนเช่นนี้ก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว และขอตำหนิคนที่วิจารณ์ ว่า ไม่มีความเข้าใจและไม่มีวิสัยทัศน์ เหมือนกับนายกรัฐมนตรีและนายไชยาที่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างจริง การตั้งคณะกรรมการร่วมฯ เป็นความถูกต้อง และดีกว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาอย่างมาก
ภก.ธีระ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการร่วมระหว่าง สธ.กับ พรีม่า ที่มี นพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธานที่เคยตั้งมาก่อนหน้านี้นั้น ก็ไม่ใช่คณะทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนอย่างแท้จริง มันใช้ไม่ได้ เพราะผู้มีอำนาจในขณะนั้นไม่ได้ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านยาอย่างจริงจัง ส่วนคณะกรรมการการร่วมฯ ที่ตั้งโดยนายสมัครนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้หนังสือแจ้งนัดการประชุมคณะกรรมการร่วมฯแต่อย่างใด หากได้รับหนังสือก็ยินดีเข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอนและจะเดินทางไปด้วยตนเองในนามนายกพรีม่าและนายกเภสัชกรรมสมาคม พร้อมด้วย พญ.กิติมา ยุทธวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรีม่าด้วย
ขณะที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวว่า ในวันที่ 12 มิ.ย.เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปพร้อมกับทนายความส่วนตัวในการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองในกรณีที่นายไชยา เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ปลดบอร์ด อภ.เพื่อเป็นบรรทัดฐานของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ จะขออนุญาตศาลปกครองให้พิจารณาไต่สวนฉุกเฉินด้วย เพราะหากปล่อยไว้คาราคาซังจะทำให้เรื่องราวยืดยาว ประเทศชาติจะเสียผลประโยชน์ ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นกับดุลยพินิจของศาล ซึ่งขอน้อมรับ โดยอดีตบอร์ด อภ.อีกประมาณ 5 คนก็ร่วมลงนามในการฟ้องร้องด้วย
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า จะเดินทางไปให้กำลังใจ นพ.วิชัย ที่จะเดินทางไปฟ้องศาลปกครอง และขอเรียกร้องไปถึงข้าราชการประจำ ให้มีความเข้มแข็ง ไม่ใช่ปล่อยให้นักการเมืองใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาการพูดและคิดของนายไชยา ทำให้น่าคิดว่า มีผู้หนุนหลังอยู่หรือไม่ เพราะการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง เหมือนไม่รู้สึก รู้สา ยืนยันความถูกต้องตัวเองตลอดเวลา ทั้งที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) , คณะกรรมการการเลือกตั้ง(ก.ก.ต.), และประชาชนอีก 2 หมื่นคน เห็นตรงกันว่าไม่ถูกต้อง
"พวกเราไม่เคยเกลียด หรืออยากกลั่นแกล้งนายไชยา แต่เห็นว่าไม่ถูกต้องเท่านั้น ต้องถามกลับไปยังรัฐบาลว่าจะปล่อยให้คนเป็นรัฐมนตรีทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องสนใจความรู้สึกหรือเกรงใจประชาชนหรืออย่างไร”น.ส.สารีกล่าว
น.ส.สารี กล่าวถึงความชอบธรรมในการบริหารงานและออกคำสั่งต่างๆ ของนายไชยา หลังจากก.ก.ต.ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินด้วยว่า คนเป็นผู้บริโภคและประชาชน คงไม่มีทางออกมากนักในการเรียกร้องในเรื่องดังกล่าว นอกจากใช้ช่องทางการลงนามเพื่อให้ถอดถอนได้เท่านั้น แต่สิ่งที่ได้ยินจากนายไชยา ทุกครั้งในเรื่องความเหมาะสมในการทำหน้าที่ คือ คำว่า “ไม่สนใจ”และยังพูดอยู่เสมอว่าตนเองถูกต้อง คงต้องตั้งคำถามว่า เหตุใด จริยธรรมนักการเมือง จึงมีปัญหาได้ขนาดนี้ และไม่อยากให้นายไชยา ออกคำสั่งอะไรอีก เช่น การตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพัฒนาการเข้าถึงยาระบบยาที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน หรือการไม่ใช้ซีแอลเป็นเครื่อฝมือต่อรองราคายาอีก
