ตามคาด “อัยการสูงสุด” ยังไม่มีความเห็นสั่งคดี ทักษิณปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ ซ้ำรอยคดีหวย-ทุจริตกล้ายาง เสนอ คตส.ตั้งคณะกรรมการร่วม ย้ำ พร้อมฟ้องคดีให้ คตส.หากสำนวนสมบูรณ์
วันนี้ (9 พ.ค.) นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ คณะทำงานพิจารณาสำนวนการทุจริตปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ให้กับรัฐบาลพม่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในชั้น คตส.เผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ได้ส่งหนังสือลับแจ้งไปยัง คตส.แล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอัยการสูงสุด เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมอัยการ กับ คตส.เพื่อสอบเพิ่มเติม เนื่องจากอัยการเห็นว่า สำนวนคดียังไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะมีความเห็นสั่งคดีได้ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง โดยอัยการ 5 คนที่เตรียมจะให้ร่วมเป็นคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วย ตนเอง นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูง เขต 8, นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีล้มละลาย, ม.ล.ศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขานุการรองอัยการสูงสุด และ นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝายคดีพิเศษ 1
อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า การเสนอตั้งคณะกรรมการร่วมอัยการ-คตส.คดีนี้ คตส.จะมีความเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร จะเห็นด้วยหรือไม่ตนคงตอบแทนไม่ได้ หาก คตส.จะไม่ตั้งคณะกรรมการร่วม เพราะมั่นใจสำนวนและยืนยันตามความเห็นของ คตส.เอง และจะเลือกฟ้องคดีเอง ก็ทำได้ แต่อัยการยืนยันว่า สำนวนยังขาดความสมบูรณ์ ซึ่งการสอบเพิ่มเติมเพื่อให้พยานหลักฐานและประเด็นสำคัญแห่งคดีที่จะใช้นำสืบในชั้นศาลพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหานั้นเกิดความสมบูรณ์ที่สุดทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงแห่งคดี
“รายละเอียดประเด็นที่ อัยการสูงสุด เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมสอบเพิ่มเติม เป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้ แต่ถ้าจะยกคดีหวยบนดิน และทุจริตกล้ายางพารา ขึ้นมาเทียบเคียงแล้วประเด็นที่อัยการตั้งข้อสังเกตให้สอบเพิ่มเติมคดีนี้ มีไม่มากเท่าสองคดี เพราะคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียว แต่ประเด็นมีความสำคัญต่อการพิสูจน์ความผิดซึ่งอัยการพร้อมเสมอที่จะฟ้องคดีให้ คตส.หากสำนวนสมบูรณ์” นายเศกสรรค์ กล่าว
ด้านนายชัยเกษม หล่าวว่า ตนยืนยันว่าสำนวนของ คตส. ยังไม่สมบูรณ์จริง ๆ และจำเป็นต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเพื่อให้เกิดความชัดเจนในบางประเด็น
“ อัยการมีมาตรฐานในการพิจารณาสำนวนคดี ก่อนมีความเห็นว่าสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งคดีนี้มีอดีตนายก ฯ เป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงคนเดียว หาก คตส.สอบเพิ่มก็ไม่น่าจะทำให้เสียเวลามากนัก คงใช้เวลาไม่เกิน 3-5 วัน” อัยการสูงสุดกล่าวและว่า อย่างไรก็ดีการสอบสวนเพิ่มเติมต้องรอฟังผลประชุมร่วมคณะกรรมการอัยการและ คตส. ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.นี้ อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมนั้นมีรายงานแจ้งว่า ประเด็นหลัก คือ คำให้การพยาน ซึ่งอัยการต้องการให้มีการเรียกพยานสำคัญในคดีนี้ ที่มี 2-3 ปาก อาทิ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงของเอ็กซิมแบงค์ มายืนยันคำให้การที่เคยให้ไว้ในชั้น คตส. รวมทั้งต้องการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มในบางประเด็นให้เกิดความชัดเจน เช่น การปล่อยกู้มีการออกคำสั่งจาก รัฐมนตรี หรือ ผู้บริหาร คนใด หรือไม่ อย่างไร รวมทั้งประเด็นที่มีเพิ่มวงเงินกู้ที่มีการเจรจาระหว่างไทย –พม่า จาก 3,000 เป็น 4,000 ล้านบาท
คดีนี้ คตส.ชี้มูลความผิดกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิด เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ 157 ที่เห็นชอบให้เอ็กซิมแบงก์อนุมัติปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า เพื่อหวังประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียมที่มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ จากบริษัทชินแซทเทิลไลท์ บริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตร โดยคดีนี้ คตส.มีเอกสารหลักฐานชี้มูลความผิด 4 แฟ้มพร้อมสำเนาอีก 4 แฟ้ม รวม 1,294 แผ่น