“ชัยเกษม” สั่งดีเอสไอ สอบสวนเพิ่มเติม คดีเอสซีแอสเสท เน้นพยานเอกสารจากต่างประเทศ โดยให้สรุปผลการสอบสวนก่อนนัดสั่งคดี 3 เม.ย. ขณะเดียวกัน สั่งตั้งกรรมการอัยการ ร่วมกับ คตส.สอบเพิ่มเติมคดีหวยบนดิน – กล้ายาง หากสำนวนส่งฟ้องไม่สมบูรณ์
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เวลา 13.30 น. นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการสั่งคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า อัยการนัดคุณหญิงพจมาน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และผู้ต้องหาอื่นรวม 4 คน ฟังการสั่งคดีในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ซึ่งแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปต่างประเทศก็ไม่เป็นเหตุที่อัยการจะต้องเลื่อนนัด โดยก่อนหน้านี้ทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า ต้องไปทำธุรกิจต่างประเทศ ดังนั้นหากอัยการมีความเห็นแล้วก็สามารถสั่งคดีได้ทันทีซึ่งถ้าสั่งฟ้องก็จะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณไปส่งฟ้องต่อศาลภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาสำนวนนั้น ตนได้ประสานกับนายเศกสรรค์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบสำนวนแล้วทราบว่าเตรียมสั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาทั้งหมดและมีหลายประเด็นส่วนใหญ่เกี่ยวพยานเอกสารที่ได้รับมาจากต่างประเทศซึ่งต้องมีการแปลและรับรองเอกสารให้ถูกต้อง โดยคดีนี้เป็นคดีสำคัญเชื่อว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษก็จะเร่งดำเนินการให้ทันภายในกำหนดนัดสั่งคดี แต่ถ้าพนักงานสอบสวนดีเอสไอส่งผลสรุปสอบสวนเพิ่มเติมกลับมาให้อัยการไม่ทันก็จำเป็นต้องเลื่อนสั่งคดีออกไปก่อน อย่างไรก็ดี ในส่วนของการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในการสั่งคดีนั้น ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้ต้องหารวม 4 คนยังไม่ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ต้องหาทั้งสี่จะยื่นหนังสือเข้ามาระหว่างการพิจารณาในขณะนี้ก็ยังสามารถทำได้
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้ง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, นายสุทธิ ภู่เอี่ยม รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4, นายประจวบ ปัญญากำพล อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 และนายโกวิท เกิดศิริรักษ์ อัยการอาวุโสฝ่ายคดีภาษีอากร 2 เป็นคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนสั่งคดีข้าราชการกรมสรรพากร จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นางเบญขา หลุยเจริญ น.ส.สำรัส แหยมสร้อยทอง น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ นายกริช วิปุลานุสาสน์ และน.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 154, 157 ด้วย กรณีที่ข้าราชการทั้งห้าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่จัดเก็บภาษีนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ที่ได้มีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากบริษัท แอมเพิร์ล ริช อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด ซึ่ง คตส.ส่งสำนวนให้อัยการเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนความคืบหน้าคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ขณะนี้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งอัยการ 5 คนเป็นคณะกรรมการร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ในสำนวนแล้ว โดยอัยการทั้ง 5 คนดังกล่าวเป็นชุดเดียวกับคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ประกอบด้วยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีล้มละลาย, นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 8, นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 และ ม.ล.ศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขานุการรองอัยการสูงสุด
นายธนพิชญ์ กล่าวด้วยว่า การที่อัยการสูงสุดเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายเพื่อให้สำนวนพยานหลักฐานเกิดความสมบูรณ์ ซึ่งประเด็นที่เสนอให้สอบสวนเพิ่มเติม 3 ประเด็นหลักนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ซึ่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมนั้นอัยการสามารถเสนอให้ คตส. ทำได้ เพราะอัยการอยู่ในฐานะที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีทั้งหมดหากมีการฟ้องคดีต่อศาล เมื่ออัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ คตส.ต้องพิจารณาทำให้สมบูรณ์ขึ้นมา ทั้งนี้ยืนยันด้วยว่าประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเฉพาะผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 45 รายที่ปรากฏในสำนวนไม่ได้มีการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“การมีความเห็นเสนอให้ คตส.ร่วมสอบสวนเพิ่มเติมทั้งในคดีหวยบนดิน และคดีกล้ายางนั้นเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นจริงๆ เปรียบเทียบตัวอย่างคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก เมื่ออัยการเห็นว่ามีความสมบูรณ์แล้วเราจึงยื่นฟ้อง ซึ่งคณะทำงานอัยการชุดที่สั่งคดีที่ดินรัชดาฯ เป็นชุดเดียวกับคดีหวยบนดินและกล้ายาง” โฆษกสำนักงานอัยการกล่าวชี้แจง
ขณะเดียวกัน นายธนพิชญ์ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดประเด็นที่จะให้ตรวจสอบสถานภาพของนายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รวมทั้งประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมต่างๆ อย่างไรก็ดี นายธนพิชญ์พยายามที่จะปฏิเสธถึงเรื่องความขัดแย้งกับ คตส. โดยกล่าวว่าที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งพนักงานอัยการช่วยแก้ต่างคดีให้กับ คตส.ซึ่งถูก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายด้วยกันถึง 6 คดี ซึ่ง คตส.ชนะคดีแล้ว 1 สำนวนที่คุณหญิงพจมานยื่นฟ้องนายนาม ยิ้มแย้ม ปนะธาน คตส.กับพวกรวม 5 คน เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมาให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีไม่ได้ เพราะนายนามกับพวกซึ่งเป็น คตส.เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากจะฟ้องต้องฟ้องหน่วยงานตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเพียงการแสดงความเห็นตามข้อเท็จจริง จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ส่วนคดีที่เหลืออีก 5 สำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาล
ทั้งนี้ สำหรับคดีหวยบนดินที่ คตส.แต่งตั้งทนายความยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองนั้น โฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า อัยการก็หมดหน้าที่แล้ว ส่วนเรื่องที่อัยการจะต้องทำหน้าที่แก้ต่างคดีให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ คดีหวยบนดินหรือไม่นั้น ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งถูกฟ้องยื่นเรื่องเข้ามาอัยการต้องพิจารณาว่าต้องทำอย่างไร เพราะ พ.ร.บ.ข้าราชการพนักงานอัยการ ระบุชัดเจนให้อัยการมีหน้าที่แก้ต่างคดีให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฟ้องเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ที่คู่กรณีไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เรื่องนี้อัยการเองกำลังหารือกันและกำลังตัดสินใจอยู่ แต่อย่างไรก็ดี อัยการสูงสุดยังไม่มีคำสั่งหรือวางแนวทางในเรื่องนี้