xs
xsm
sm
md
lg

“สัก” เย้ยพลังแม้วเลิกคิดแทรกศาล อุ้มคดีนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษก คตส.เย้ยประเด็นแก้ข้อกล่าวหาคดี “แม้ว” แค่เตะถ่วง ย้ำ คตส.เป็นองค์กรที่ชอบด้วย กม. ยันพลังแม้วเร่งแก้ไข รธน.ไม่ส่งผลคดีย้อนหลัง แนะให้เลิกคิดแทรกแซงชั้นศาลช่วยคดีนายใหญ่

วันนี้ (7 มี.ค.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงการเข้าแก้ข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการได้มาซึ่งทรัพย์สินจำนวน 77,000 ล้านบาทว่า ประกาศฉบับที่30 ของคปค. ซึ่งมีผลเป็นกฎหมายเท่ากับพรบ. ให้ทำงานถึง 30ก.ย.50 แล้วก็มีพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่30 ในปี50 ขยายเวลาไปถึงวันทึ่ 30 มิ.ย.51 ซึ่งเป็นกฎหมายถึงผ่านสนช. มีผลเป็นกฎหมายแล้ว

“ในรัฐธรรมนูญปี50 ได้รับรองไว้ในมาตรา 309 ว่าบรรดาการกระทำใดๆที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี49 เป็นการชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกรณีดังกล่าวไม่ว่าจะก่อนหรือหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าชอบด้วยรัฐธรรมนุญปี50”

นายสัก กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา309 เพื่อลบล้างตรงนี้ ก็ต้องดูด้วยว่ามีผลเมื่อไหร่ เพราะไม่มีผลย้อนหลัง ไม่อย่างนั้นคดีต่างๆที่ศาลตัดสินไปแล้วจะเพิกถอนได้หรือ อะไรที่ผ่านไปแล้ว ศาลตัดสินไปแล้ว หรือกระบวนการที่ดำเนินการไปแล้วก็ถือว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญไปแล้ว ถ้าจะแก้ก็น่าจะแก้สิ่งที่ไม่มีผลย้อนหลัง

ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีการอ้างว่าประกาศคปค.ฉบับดังกล่าว มีความมุ่งหมายใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง คือครอบครัวของพ.ต.ท.ทักษิณและผู้ที่เกี่ยวข้อง นายสัก กล่าวว่า มันใช้โดยทั่วไป ไม่ได้ใช้กรณีใดกรณีหนึ่ง ใช้ในการตรวจสอบการกระทำที่ทุจริตประพฤติมิชอบ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฯลฯ เราก็ตรวจสอบทุกอย่างที่เข้าข่ายว่าจะตรวจสอบได้ อย่างเรื่อง รถดับเพลิงก็ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้ หลายเรื่องก็เป็นเรื่องของชุดอื่น แล้วก็ไม่ใช่ครอบครัวนี้ครอบครัวเดียว มีหลายคนที่ร่วมกระทำผิดไม่ว่าจะเป็นบอร์ดต่างๆ ไปจนถึงเอกชนด้วย ทั้งหมดไม่ได้บอกว่าให้ตรวจสอบเฉพาะครอบครัวนี้ครอบครัวเดียว กฎหมายไม่ได้เขียนไว้อย่างนั้นนี่

ส่วนกรณีที่อ้างว่าคตส.ไม่ยอมให้รู้เห็นตรวจสอบพยานเอกสารที่นำมากล่าวหาว่าทำผิด นายสัก กล่าวว่า ปกติการแจ้งข้อกล่าวหาก็แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาได้ แต่การที่จะขอตรวจสอบเอกสารทุกฉบับที่มีอยู่นั้น รวมทั้งรายละเอียดที่มาที่ไปอย่างไร ให้ทราบถึงข้อความในเอกสารทั้งหมดที่ใช้ มันกว้างจนกระทั่งปฏิบัติไม่ได้ โดยหลักแล้วเขามายื่นคำร้องในคดีแพ่ง เรื่องการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือได้มาโดยไม่สมควร จะเป็นเรื่องที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เป็นการดำเนินการทางแพ่งไม่ใช่คดีอาญา ฉะนั้นสิทธิขั้นพื้นฐานก็คงจะสามารถข้อเท็จจริงตรวจสอบเอกสารตามข้อกล่าวหา ถ้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาแล้วสงสัยตรงไหนขอดูเราก็ยินดี แต่ที่จะมาขอดูทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้

ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีการระบุว่า คตส.มีสองมาตรฐานขัดแย้งกันเองจะเก็บภาษีของพานทองแท้ ก็บอกว่าหุ้นเป็นของนายพานทองแท้ พอจะบอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวยผิดปกติก็บอกว่าหุ้นเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ นายสัก กล่าวว่า ตามประมวลรรัษฎากร เก็บจากผู้มีชื่อในหุ้น เมื่อหุ้นใส่ชื่อลูก เวลาประเมินก็ต้องประเมินชื่อที่มีในหุ้น แต่ถ้าผู้ถูกประเมินอ้างว่าไม่ใช่เจ้าของหุ้น แต่เป็นพ่อ ก็ต้องแสดงหลังฐานถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปประเมินคุณพ่อ แต่ลูกยอมรับตามหลักฐานไม่ได้ขัดแย้งอะไรเลยก็ต้องประเมินลูก

“คตส.ตรวจสอบตามพยานหลักฐาน ไม่ได้ตรวจสอบตามการเมือง แล้วก็ไม่มีใครจะมาสั่งคตส.หรือคตส.รับคำสั่งใครทั้งสิ้น คตส.ทั้งหมดตัดสินใจด้วยพยานหลักฐาน ด้วยเอกสารหลักฐานที่เชื่อได้ถึงได้ดำเนินการ อยู่ที่การชี้แจงข้อกล่าวหาและพยานหลักฐานหักล้าง ถ้าคำชี้แจ้งฟังขึ้นคตส.ก็สั่งยุติข้อกล่าวหาก็มีหลายเรื่อง ถ้าหลักฐานพอก็ส่งให้อัยการฟ้อง ถ้าไม่พอก็ยุติ อย่างคดีหลีกเลี่ยงภาษี เราแจ้งข้อกล่าวหา6คน แต่เราส่งฟ้อง3คน” นายสัก ระบุ

นายสัก กล่าวว่า ทุกวันนี้ คตส.ทำงานด้วยความเข้มแข็ง และพยานหลักฐานที่รวบรวมเพื่อดำเนินการส่งฟ้องถือว่าหนักแน่น และถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งภายใน 1-2 เดือน คตส.ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลา ส่วนการขอความร่วมมือกับภาครัฐ ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เพราเกือบทุกคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอ และอยู่ในชั้นรวบรวมก่อนสรุปและส่งฟ้องต่อไป

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ถามความเห็นในฐานะที่อยู่วงการกฎหมายนี้มานาน คิดว่าเมื่อคดีไปถึงศาลแล้วจะสามารถแทรกแซงได้หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้หรือทำได้ง่าย อย่างที่เคยเป็นข่าวที่เกิดขึ้นแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ ในคดีที่เป็นข่าวไปแล้ว มีความพยายามที่จะแทรกแซงแต่ไม่สำเร็จ คิดว่ากระบวนการยุติธรรมในส่วนของศาลยังมั่นคงหนักแน่น แล้วคดีอาญาของนักการเมืองที่ศาลฎีกาใช้องค์คณะ 9 คน ก็เป็นศาลสูงสุดแล้ว แล้วเป็นศาลที่มีองค์คณะใหญ่ที่สุด ฉะนั้นการจะแทรกแซงก็คงจะทำไมได้ง่ายๆ ทั้ง9ท่าน เราเชื่อในความหนักแน่นถูกต้องครบถ้วน สมบูรณ์และความนิ่ง

โดยวานนี้ (6 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ ทนายความเดินทางเข้าแก้ข้อกล่าวหาแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ต่ออนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ธุรกิจแต่ตัวเองและพวกพ้อง ร่ำรวยผิดปกติ และได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร ได้ พร้อมทั้งมอบเอกสารเล่มใหญ่หนากว่า 1 พันหน้า โดย 200 หน้าแรกเป็นเอกสารแก้ข้อกล่าวหา ส่วนที่เหลือเป็นเอกสารหลักฐานแนบประกอบคำแก้ข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ ในหนังสือแก้ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ขอแก้ข้อกล่าวหา 3 ประเด็น คือ กรณียังคงไว้ซึ่งหุ้นในบริษัท ชินคอร์ปอรชั่น จำกัด (มหาชน) ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ ธุรกิจสัมปทานของบริษัท ชินคอร์ป และร่ำรวยผิดปกติ ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมีทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควรจำนวน 77,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากการขายหุ้น และเงินปันผลของหุ้น โดยยืนยันว่าได้กระทำการด้วยความสุจริตเปิดเผย ไม่ได้มีการวางแผนเตรียมการกระทำความผิด ไม่มีเจตนาปกปิดหุ้น หรือใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป เพราะในปี 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ ให้โอนขายหุ้นทั้งหมดให้บุคคลต่างๆ ก่อนการเลือกตั้ง ก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2544

กำลังโหลดความคิดเห็น