คตส.ถก ป.ป.ช.ตั้งคณะกรรมการร่วมถ่ายโอนคดีโกงที่คนในรัฐบาลแม้วถูกดำเนินคดี เพื่อเตรียมการให้พร้อมหลังจาก คตส.ต้องหมดอายุลงหลังเดือนมิถุนายนนี้ เผยอาจดึงกรรมการ คตส.ที่เกาะติดแต่ละคดีมาร่วมทีมคณะทำงานใหม่ของ ป.ป.ช.เพื่อสกัดคนชั่วลอยนวล
วันนี้ (28 เมษายน) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อหารือถึงการถ่ายโอนคดีหลัง คตส.สิ้นสุดวาระในเดือนมิถุนายนว่า จะเสนอให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อรับหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับคดีต่างๆ ทั้งคดีที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาล และคดีที่ส่งฟ้องไปแล้ว
ประธาน คตส.มั่นใจว่า หลังจาก คตส.ส่งมอบคดีให้ ป.ป.ช.ก็น่าจะดำเนินการต่อได้ทันที และคงจะไม่มีการหารือถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล โดยเฉพาะบทเฉพาะกาลที่จะลดอายุการทำงานขององค์กรอิสระให้เหลือ 180 วัน แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อหน้าที่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องในชั้นศาลอาญา และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยแล้ว คดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน จงใจหลีกเลี่ยงภาษี และคดีการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือหวยบนดิน รวมทั้งคดีการทุจริตกล้ายาง ซึ่งเป็นคดีที่ คตส.ชี้มูลความผิดไปแล้ว แต่อัยการสูงสุดยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้อง คตส.จึงมีมติส่งฟ้องเอง และหากมีการถ่ายโอนคดีต้องเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดที่จะหารือเพื่อดำเนินการต่อไป
หลังการประชุม นายกล้านรงค์ จันทิก ซึ่งเป็นทั้ง คตส.และ ป.ป.ช.ได้แถลงว่า ทั้งสองหน่วยงานได้ลงมติตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อรับ-ส่งมอบงานในช่วงที่ถ่ายโอนมายัง ป.ป.ช.และบางคดีอาจมีการขอให้ คตส.บางคนมาร่วมทีมงาน ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะทำงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การทุจริต เพื่อวิเคราะห์และศึกษา เป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างบูรณาการ
