สมาคมโรคไตเผยพบคนไทยกว่า 88 เปอร์เซ็นต์ ขาดความรู้โรคไต เข้าไม่ถึงการรักษา ห่วงกลุ่มเสี่ยง 10 ล้านคนเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงเสี่ยงไตวาย รุกจัดโครงการเชิงรุกค้นหาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังรายใหม่ใน 10 จังหวัด พร้อมขยายสิทธิประโยชน์สู่บัตรทอง
ศ.พญ.ลีนา องอาจยุทธ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พ.อ.หญิง รศ.ประไพพิมพ์ ธีรคุปต์ ประธานคณะอนุกรรมการวิจัย พญ.อติพร อิงค์สาธิต หัวหน้าโครงการประเมินความชุกของโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย และนพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมแถลงข่าวสรุปผลงานของโครงการเพื่อประเมินความชุกของโรคเรื้อรังไตเรื้อรังในประชากรไทย ณ โรงเรียนวัดธาตุทอง
โดย ศ.พญ.ลีนา กล่าวว่า โครงการประเมินความชุกของโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา เพื่อประเมินความชุกโรคไตวายเรื้อรังในกลุ่มประชากรไทย เก็บข้อมูลใน 10 จังหวัด คือ ชลบุรี ลพบุรี พะเยา แพร่ ภูเก็ต สงขลา สกลนคร มหาสารคาม หนองบัวลำภู และกรุงเทพฯ รวม 3,000 คน ดำเนินการโดยทีมอายุรแพทย์ สาขาโรคไตทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก สปสช.
พ.อ.หญิง รศ.ประไพพิมพ์ กล่าวว่า โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 ถึง มิถุนายน 2551 กิจกรรมคัดกรองหาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง พบว่า ยังมีประชากรจำนวนมาก เข้าไม่ถึงการตรวจรักษา เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องโรคไต บางรายที่เริ่มเป็นก็ขาดความรู้เกี่ยวกับอาการของโรค จึงไม่ได้เข้ารับการรักษา บางรายรักษาโดยวิธีแผนโบราณซึ่งใช้ยาสมุนไพรรักษาตามอาการ ซึ่งทำให้อาการของโรคไตยิ่งแสดงอาการรุนแรงทรุดหนักมากขึ้น
พญ.อติพร กล่าวว่า การจัดกิจกรรมคัดกรองค้นหาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่วัดธาตุทอง วันนี้ ถือเป็นจังหวัดสุดท้าย ซึ่งการออกหน่วยตรวจใน 9 จังหวัด พบว่า มีประชากรที่สมัครเข้ารับการตรวจร่างกายทั้งสิ้น 2,833 คน พบโรคไตในขั้นที่ต้องได้รับการรักษาประมาณร้อยละ 20 และในจำนวนนี้ไม่เคยเข้าถึงการรักษาคิดเป็นร้อยละ 88.4 เนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ทราบว่าตนเองมีโรคไตซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นไปตามทางโครงการที่คาดไว้ว่ายังมีประชากรส่วนหนึ่งในสังคมไทยเช่นเดียวกับในต่างประเทศทั้งในยุโรปและอเมริการวมทั้งเอเชีย ที่ยังไม่เข้าถึงการรักษา
นพ.ประทีป กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 เห็นชอบให้ขยายสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในเรื่องการผ่าตัดปลูกถ่ายไตในกรณีที่สามารถหาไตบริจาคได้ รวมถึงการล้างไตทางหน้าท้องอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ป่วยรายเก่า และผู้ป่วยรายใหม่ ซึ่ง สปสช.เริ่มให้บริการล้างไตทางหน้าช่องท้องตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีหน่วยบริการให้บริการแล้วจำนวน 83 แห่ง โดยจะขยายให้ครบ 100 รพ.ทั่วประเทศ ซึ่งจะครอบคลุมในทุกจังหวัด ทั้งนี้ ผู้ป่วยไตวายส่วนใหญ่เกิดจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งมีผู้ป่วยประมาณ 10 ล้านคน จะต้องควบคุมอาการเพื่อไม่เกิดโรคแทรกซ้อนจนนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งจะต้องฟอกไตเพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ตลอดชีวิต
