บอร์ด สปสช.เร่งขยายบริการล้างไตผ่านช่องท้องเพิ่มอีก 60 รพ.ดีเดย์ 1 มิ.ย.นี้ และจะขยายเป็น 100 รพ.ครอบคลุมทุกจังหวัดภายในปีนี้ รองรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังให้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน ร่วมมือกับสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล โรงเรียนแพทย์ และกระทรวงสารณสุขพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งการผลิตพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการล้างไตผ่านช่องท้องรุ่นแรก 80 คน พร้อมจัดทำตำราเพื่อพัฒนาระบบบริการที่มีคุณภาพ ตั้งเป้าภายในปี 2552 มีผู้ป่วยได้รับบริการ 3,000 ราย
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า หลังจากที่ สปสช.ได้บรรจุบริการการล้างไตผ่านช่องท้องเข้าระบบบริการเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโรคไต เริ่มให้บริการตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2551 ในโรงพยาบาล 23 แห่งทั่วประเทศที่มีความพร้อมแล้วนั้น ซึ่งแผนการขยายขั้นต่อไปนั้น จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 60 รพ.ทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 นี้ จะขยายให้ครบ 100 รพ.ทั่วประเทศซึ่งจะครอบคลุมในทุกจังหวัด โดยตั้งเป้าให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรับบริการจำนวน 600 ราย เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2551 ขณะนี้มีผู้ป่วยมารับบริการแล้วจำนวน 397 ราย และภายในปี 2552 จะมีผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้รับบริการล้างไตผ่านช่องท้อง 3,000 ราย
เลขาฯ สปสช.กล่าวต่อว่า สำหรับการรองรับการขยายพื้นที่ ที่จะพัฒนาระบบบริการและการเตรียมความพร้อมการพัฒนาบุคลากร โดย สปสช.ร่วมกับ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดระบบการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องสำหรับพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อผลิตและพัฒนาพยาบาลด้านการล้างไตผ่านช่องท้อง ตามหลักสูตรมาตรฐาน 4 เดือนที่สภาการพยาบาลรับรองรุ่นแรก จำนวน 80 คน เริ่ม 30 มิถุนายน 2551 นี้ และจัดทำตำราการล้างไตผ่านช่องท้องเป็นคู่มือเผยแพร่
“นอกจากนั้น จะมีการประชุมวิชาการระดับชาติเรื่องการล้างไตผ่านช่องท้องในวันที่ 10-12 สิงหาคม 2551 นี้ จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเวทีระดมความรู้และการจัดการด้านการล้างไตผ่านช่องท้องในประเทศไทย โดยทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ต้องได้รับการล้างไตเข้าถึงบริการล้างไตผ่านช่องท้องอย่างมีประสิทธิภาพ และหน่วยบริการก็ได้รับการพัฒนาระบบบริการและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอย่างมีคุณภาพด้วย” นพ.วินัย กล่าว
อนึ่ง รายชื่อ รพ.จำนวน 60 แห่ง ที่จะเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 1 มิถุนายนนั้น สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนบัตรทอง โทร.1330 ตลอดเวลา
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า หลังจากที่ สปสช.ได้บรรจุบริการการล้างไตผ่านช่องท้องเข้าระบบบริการเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโรคไต เริ่มให้บริการตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2551 ในโรงพยาบาล 23 แห่งทั่วประเทศที่มีความพร้อมแล้วนั้น ซึ่งแผนการขยายขั้นต่อไปนั้น จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 60 รพ.ทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 นี้ จะขยายให้ครบ 100 รพ.ทั่วประเทศซึ่งจะครอบคลุมในทุกจังหวัด โดยตั้งเป้าให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรับบริการจำนวน 600 ราย เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2551 ขณะนี้มีผู้ป่วยมารับบริการแล้วจำนวน 397 ราย และภายในปี 2552 จะมีผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้รับบริการล้างไตผ่านช่องท้อง 3,000 ราย
เลขาฯ สปสช.กล่าวต่อว่า สำหรับการรองรับการขยายพื้นที่ ที่จะพัฒนาระบบบริการและการเตรียมความพร้อมการพัฒนาบุคลากร โดย สปสช.ร่วมกับ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดระบบการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องสำหรับพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อผลิตและพัฒนาพยาบาลด้านการล้างไตผ่านช่องท้อง ตามหลักสูตรมาตรฐาน 4 เดือนที่สภาการพยาบาลรับรองรุ่นแรก จำนวน 80 คน เริ่ม 30 มิถุนายน 2551 นี้ และจัดทำตำราการล้างไตผ่านช่องท้องเป็นคู่มือเผยแพร่
“นอกจากนั้น จะมีการประชุมวิชาการระดับชาติเรื่องการล้างไตผ่านช่องท้องในวันที่ 10-12 สิงหาคม 2551 นี้ จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเวทีระดมความรู้และการจัดการด้านการล้างไตผ่านช่องท้องในประเทศไทย โดยทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ต้องได้รับการล้างไตเข้าถึงบริการล้างไตผ่านช่องท้องอย่างมีประสิทธิภาพ และหน่วยบริการก็ได้รับการพัฒนาระบบบริการและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอย่างมีคุณภาพด้วย” นพ.วินัย กล่าว
อนึ่ง รายชื่อ รพ.จำนวน 60 แห่ง ที่จะเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 1 มิถุนายนนั้น สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนบัตรทอง โทร.1330 ตลอดเวลา
