“ไชยา” บีบ “หมอวินัย” กลางที่ประชุม ลดเบี้ยประชุมบอร์ด สปสช.

“ไชยา” รุก “หมอวินัย” ทั้งขู่ทั้งบีบกลางที่ประชุม ลดเบี้ยประชุมบอร์ด สปสช.ระบุ ช่วยประหยัดงบปีละ 4 ล้านบาท กระจายเงินให้ สสจ.ผู้ตรวจราชการ สธ.แทน เตือนเลขาฯ สปสช.คนใหม่ อย่าเป็นเด็กหัวดื้อ ถ้าไม่ให้จะใช้อำนาจตามมาตรา 23 พร้อมมุ่งให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

วานนี้ (27 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมผู้บริหารส่วนกลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ เพื่อติดตามปัญหาอุปสรรค และการจัดบริการประชาชนในทุกจังหวัด โดย นายไชยา ได้มีการมอบนโยบาย 7 ข้อให้กับข้าราชการเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ในการประชุมนายไชยา มุ่งเน้นถึงแนวคิดให้ลดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการบริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จากเดิม 6,000-12,000 บาท ให้เหลือเพียง 2,000-3,000 บาท เพื่อนำเงินส่วนต่างที่เหลือกระจายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักตรวจราชการ สธ. สามารถนำไปใช้ประโยชน์พัฒนาพื้นที่เพิ่มขึ้น

นายไชยา กล่าวช่วงหนึ่งในการประชุมเกี่ยวกับปัญหาในการประสานงานระหว่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กับหน่วยงานในสังกัด สธ.โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่ สปสช.กับโรงพยาบาล และสำนักงานนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ว่า สธ.เปรียบเป็นผู้กำหนดนโยบาย เป็นผู้ขายบริการ ส่วน สปสช.เป็นผู้ถืองบประมาณเป็นผู้ซื้อบริการ การทำงานจึงต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน เพราะหากไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันก็จะทำให้การทำงานเหนื่อยและยากลำบาก ขณะที่ตนเป็นรัฐมนตรีก็เปรียบเสมือนพ่อ ที่มีลูกชาย 2 คน คนซ้าย คือ สธ.คนขวา คือ สปสช.ซึ่งคงต้องฝากลูกคนขวาว่า อย่าถือว่าใครเป็นผู้ถือเงินแล้วมีอำนาจเกินไป

“สำหรับแนวคิดลดเบี้ยประชุมของบอร์ด สปสช.ขออย่าไปโกรธ สสจ.เลย อยากให้คิดว่าเป็นการทำประโยชน์ให้กับประชาชนในต่างจังหวัดมากกว่า อย่างเบี้ยประชุมของผมก็จะเหลือเพียงครั้งละ 3,000 บาท ส่วนบอร์ดเหลือ 2,000 บาท แต่จะช่วยประหยัดเงินได้เดือนละ 300,000 บาท ตกปีละ 4 ล้านบาท พอผมพูดเรื่องนี้ก็มีแต่คนเข้าข้างผมทั้งนั้น จึงอยากฝาก หมอวินัย สวัสดิวร ว่าที่เลขาธิการ สปสช.ที่ได้คะแนนโหวตเอกฉันท์ 24 คะแนน ถ้าเทียบเป็นเด็กนักเรียนสอบได้เกรด 4 แต่ขออย่าให้มีเกรด 5 คือ อย่าเป็นลูกหัวดื้อมากนัก เรื่องเบี้ยประชุม จะบีบหมอวินัยก็ได้ หากไม่เชื่อฟังไม่ปฏิบัติตามโดยอาจจะใส่ในเงื่อนไขการลดเบี้ยประชุมลงไปในสัญญาว่าจ้างที่ผมต้องเป็นผู้เซ็นลงนาม สิ่งที่ผมทำแบบนี้ไม่ได้โกรธเคืองอะไร แค่อยากให้ สธ.กับ สปสช.เดินแนวทางเดียวกัน ซึ่งผมก็เป็นคนกล้าพูด กล้าทำอยู่แล้ว” นายไชยา กล่าวทีเล่นทีจริง

นายไชยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องงบประมาณที่งบบริหารส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ สปสช. หาก สสจ.หรือโรงพยาบาลต่างๆ จะใช้ก็ต้องไปเบิกจ่ายที่สำนักงาน สปสช.ในพื้นที่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2551 ผ่านมาไม่ถึง 6 เดือน มีการใช้ไปแล้วในสมัย นพ.มงคล ณ สงขลา จำนวน 430 ล้านบาท เหลือเงินมาถึงสมัยตนเป็นรัฐมนตรีไม่ถึง 20 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น เงิน สปสช.จะต้องเกลี่ยงบประมาณให้ดี

“ที่ผมพูดเรื่องเงินงบประมาณไม่ได้ต้องการจะให้โยกงบจาก สปสช.มาไว้ที่ สธ.เพราะเรื่องนี้เป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่อยากให้ สปสช.มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับ สสจ.ในพื้นที่ เพื่อลดปัญหาในการทำงานหรือการเบิกจ่ายงบประมาณ” นายไชยา กล่าว

จากนั้น นายไชยา ได้สอบถามในที่ประชุมว่า เรื่องเบี้ยประชุม ตนสามารถใช้อำนาจสั่งการได้ตามมาตรา 23 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้ใช่หรือไม่

ด้านนพ.วินัย ได้ตอบว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขแล้วแต่จะพิจารณา ซึ่งตนจะรับนโยบายของรัฐมนตรีกลับไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ตนมีนโยบายหลักในการทำงาน คือ ประสานงานระหว่างองค์กรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริการประชาชนมีประสิทธิภาพ ในทางปฏิบัติก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา ส่วนงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2552 จะเสนอของบบริหารเป็นเงิน 1,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินสำหรับลงพื้นที่ประมาณ 200 ล้านบาท ขอให้รัฐมนตรีให้การสนับสนุนด้วย