“หมอวิชัย” งง! ถูกสั่งปลดกลางอากาศ ไม่รู้สาเหตุ ระบุ รมว.สธ.ออกปากชมบริหารดีเยี่ยม เตรียมหารือบอร์ดชุดเดิมว่าจะดำเนินการอะไรต่อ ด้านสหภาพฯ อภ.ห่วงโรงงานยาเอดส์ และโรงงานวัคซีนชะงัก ล่าช้า ขณะที่เอ็นจีโอเสียดายชี้ใช้คนไม่เหมาะสมทำให้ชาติเสียผลประโยชน์ จับตาระวังบอร์ดชุดใหม่3เดือน ขณะที่ “ไชยา” ทำไม่รู้เรื่องอ้างไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.ติดงานต่างหวัด
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงคำสั่งแต่งตั้งบอร์ด อภ.ใหม่ของ ครม. และทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ไม่ได้แจ้งว่าจะมีการนำเรื่องแต่งตั้งบอร์ด อภ. เข้าสู่ที่ประชุมครม. แต่อย่างใด ซึ่งตามกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จะต้องมีบอร์ด อภ. ปฏิบัติหน้าที่อยู่ระหว่าง 9-15 คน ซึ่งปัจจุบัน อภ.ก็มีบอร์ดปฏิบัติหน้าที่อยู่ 9 คน ตามที่กฎหมายกำหนด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบอร์ดใหม่ทั้งชุด แต่เมื่อมีคำสั่งดังกล่าวออกมาก็เท่ากับเป็นการออกคำสั่งปลดบอร์ด อภ.ชุดเก่าทั้งชุด ดังนั้นจะหารือร่วมกับบอร์ดชุดเดิมที่ถูกปลอดออกจากตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าน่าจะยังไม่ทราบเรื่องเช่นเดียวกัน ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
“คำสั่งดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำตามอำนาจโดยชอบธรรมหรือไม่ จะถูกต้องหรือไม่ก็ต้องดูต่อไป และคงต้องฟังเหตุผลของคุณไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าเป็นอย่างไร ใช้เหตุผลอะไรมาปลดบอร์ดชุดเก่า เพราะคุณไชยาเองเคยออกปากชมการทำงานของบอร์ด อภ.ว่ามีหน้าที่ได้ดี ที่สำคัญบอร์ดชุดนี้มีผลงานดีเยี่ยม ในปี 2550 สามารถทำกำไรได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งที่ อภ.มีการลดราคายาหลายรายการ ซึ่งถือว่าเป็นกำไรมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้ง อภ.มาเกือบ 50 ปี รวมถึงทริสได้ประเมินผลงานให้ อภ.ได้คะแนน 4 กว่า จากคะแนนเต็ม 5” นพ.วิชัย กล่าว
ด้านนายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า น่าเป็นห่วงงานต่างๆ ที่คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ชุดเก่าดำเนินการไว้หลายเรื่องๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ เพราะกลัวว่าโครงการเหล่านี้จะหยุดชะงักแม้ว่าขณะนี้จะมีการตอกเสาเข็มดำเนินการก่อแล้วก็ตาม เนื่องจากเคยมีการหยุดชะงักเพราะการเปลี่ยนบอร์ดมาแล้ว
“การเปลี่ยนบอร์ด อภ.ชุดใหม่ครั้งนี้ทำอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครรู้มาก่อน ก็กลัวว่าจะมีผลกระทบที่ทำให้โครงการก่อสร้างโรงงานล่าช้าหรือไม่ ส่วนเรื่องการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) คงไม่มีผลอะไร เพราะทำซีแอลต้องเดินหน้าต่อไปยุติไม่ได้แล้วซึ่งคงต้องช่วยกันจับตาเพราะการเกิดโรงงาน หรือซีแอล เป็นเรื่องยาก ลำบาก” นายระวัยกล่าว
นายระวัย กล่าวด้วยว่า การเป็นนักบริหารต้องยึดหลักผลประโยชน์ขององค์กรโดยรวม ยิ่ง อภ.เป็นองค์กรที่มีภาระกิจหน้าที่ที่ชัดเจน ก็ต้องเป็นไปตามกรอบอยู่แล้ว ซึ่งการตัดสินใจของคณะกรรมการบอร์ดไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูนโยบายของบอร์ดอภ.ชุดใหม่ก่อนว่าเป็นอย่างไร
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า น่าเสียดายที่ อภ.จะเสีย นพ.วิชัย จากตำแหน่งประธานบอร์ด เพราะ นพ.วิชัยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการยาหลายสมัย เป็นผู้ที่ความเข้าใจ เชี่ยวชาญ ทราบว่ายาชนิดใดสำคัญและจำเป็น รวมถึงทีมงานที่เป็นคณะกรรมการบอร์ดจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับยาไม่อย่างนั้นก็ทำให้เสียโอกาส แต่รัฐบาลชุดนี้กลับเอาผู้ที่มีความชำนาญไว้ในจุดอื่น แม้จะกฎหมายจะแย้งไม่ได้ แต่ในเรื่องความเหมาะสม ถือว่าทำให้ประเทศชาติต้องเสียผลประโยชน์
“ต้องจับตามองว่ามีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้มีความเป็นห่วงตำแหน่ง ผอ.อภ.ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องนี้จะเกี่ยวกับซีแอลหรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่บริษัทยาต้องวิ่งเต้น เพราะขณะนี้ อภ.ได้พัฒนาศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับบริษัทยาแล้ว” นายนิมิตร์กล่าว
แหล่งข่าวจากกรรมการบริหาร อภ.กล่าวว่า รายชื่อบอร์ด อภ.ชุดใหม่ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้จัก แต่ก็ถือว่าเรื่องปกติและเป็นสิทธิของฝ่ายการเมืองที่จะเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อมีการเปลี่ยนฝ่ายการเมือง ก็จะเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ เช่น คณะกรรมการชุดก่อน นพ.มงคล ณ สงขลา ก็แต่งตั้งคนนอกเกือบทั้งหมด มีทั้งคนในภาคธุรกิจ เภสัชกร กฎหมาย แต่ก็ทำให้งานดำเนินไปได้ด้วยดี ฉะนั้นคงต้องรอดูผลการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้อีก 3 เดือนว่าจะเป็นอย่างไร สามารถทำให้งานเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ เพราะงานของ อภ.นั้นมีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ทั้งคิดค้นผลิตยาตัวใหม่ การทำตลาดให้สามารถแข่งกับบริษัทยาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าไม่รู้เรื่อง ไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ครม.และไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม.เพราะมีภารกิจในต่างจังหวัด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นายไชยาเดินทางมาที่กระทรวงสาธารณสุข และเดินทางกลับเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งภายหลังพยายามโทรศัพท์หาอีกหลายครั้งกลับตัดสายโทรศัพท์ทิ้งและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก