แพทย์อาวุโสรวมตัวออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภาวะข้าวยากหมากแพงซึ่งจะนำไปสู่วิกฤต อย่างจริงจังและจริงใจ แทนที่จะให้ความสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนพ้นผิดอย่างที่เป็นอยู่ ย้ำการแก้รัฐธรรมนูญควรได้รับความมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและควรทำในช่วงเวลาที่เหมาะสม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นพ.บรรลุ ศิริพานิช ให้สัมภาษณ์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นพ.มงคล ณ.สงขลา ให้สัมภาษณ์
เมื่อ 10.00 น. (6 พ.ค.) ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อดีตประธานสอบสวนการทุจริตยาในกระทรวงสาธารณสุขและอดีตประธานสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย,นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข,นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และพญ.จุรี นิงสานนท์ แพทย์สตรีอาวุโส ร่วมกันออกแถลงการณ์เครือข่ายแพทย์อาวุโส โดยนพ.บรรลุเป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ซึ่งในแถลงการณ์ระบุว่า
สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันกำลังเข้าสู่สภาวะวิกฤต รัฐบาลต้องเผชิญกับปัญหานานัปการ ที่รุมเร้าเข้ามาในทุกด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จนข้าวยากหมากแพง น้ำมันขึ้นราคา ผู้คนในสังคมต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาของแพงอย่างจริงจัง ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่นักการเมืองกลับสนใจแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าเป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนพ้นผิด
ในฐานะแพทย์อาวุโส ที่มีประสบการณ์ชีวิตมายาวนานพอสมควร ผ่านเหตุการณ์บ้านเมืองมาหลายยุคหลายสมัย รู้สึกห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเดินไปสู่ทางตัน หากนักการเมืองยังคงเดินหน้ารีบเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากผู้ปรารถนาดีและกลุ่มต่างๆ ในสังคม จะนำไปสู่การเผชิญหน้าของแต่ละฝ่ายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง จะนำพาบ้านเมืองเข้าสู่สภาวะวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง
จึงขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ทุ่มเทความรู้สติปัญญาความสามารถรีบเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนและความทุกข์ยากของชาวบ้าน บริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีธรรมาภิบาล ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั่วประเทศ
และเสนอให้นักการเมืองทุกคน ทบทวนกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ ให้ดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยขบวนการแก้ไขควรได้รับความมีส่วนร่วมจากประชาชนทุกภาคส่วน อีกทั้งสาธารณชนมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม สามารถพิจารณาคดีความต่างๆ อย่างเที่ยงตรง ยุติธรรม รวดเร็วทันการณ์ โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ปัญหาต่างๆ ในบ้านเมืองจะคลี่คลายและนำไปสู่ความสงบสุขอันเป็นที่ปรารถนาร่วมกัน
นพ.บรรลุ กล่าวต่อไปอีกว่า เครือข่ายแพทย์อาวุโส ถือเป็นกลุ่มที่ไม่อยู่ในอำนาจของใคร มีแต่ความจริงใจ เป็นห่วงบ้านเมือง เมื่อรัฐบาลได้ฟังคำแนะนำแล้วเห็นเป็นเช่นไรก็แล้วแต่ เพราะเชื่อว่า นักการเมืองมีสติปัญญา เก่ง มีความสามารถ มากกว่าตนเอง อีกทั้งได้รับการเลือกตั้งเข้ามา จึงแค่มาเตือนสติเท่านั้น ซึ่งหากจะแก้รัฐธรรมนูญจริงๆ ก็สามารถทำได้ไม่ว่ากัน แต่ต้องทำในช่วงเวลาที่เหมาะสม
"เมื่อปี 2549 เครือข่ายแพทย์อาวุโสเคยออกมาแนะนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ชักไม่ดี เข้าสู่วิกฤตที่ไม่ธรรมดา เหมือนเมฆมันมาเหมือนฝนจะตก มีสิ่งบอกว่าเหตุอย่างมดไต่ย้ายรังจากดิน แต่ก็พูดยากว่าเมฆมืดกว่าในอดีตหรือไม่ เพราะสถานการณ์ไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจรุนแรงกว่าก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม"นพ.บรรลุกล่าว
นพ.บรรลุ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เราวางตัวเป็นกลาง ที่ออกมาเพราะเห็นว่า ปัจจุบันสถานการณ์ไม่ธรรมดา แต่เข้าสู่ภาวะวิกฤต เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาแทนที่จะมีความสุข สนุกสนาน กินข้าวอร่อย กลับไม่เป็นเช่นนั้น ส่วนการแก้ไขปัญหา หมอประเวศ (นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส) บอกวิธีแก้ไขผ่านหนังหนังสือพิมพ์แบบเป็นรายสัปดาห์อยู่แล้ว เราเตือนเพียงว่าหากรัฐบาลยืนยันจะแก้รัฐธรรมนูญตอนนี้ มันจะยุ่ง จึงขอให้คิดให้ดี
นพ.บรรลุ กล่าวด้วยว่า แถลงการณ์ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้ว 3 ข้อหลักๆ ว่า 1.ขอให้รัฐบาลตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อประเทศชาติ 2. ให้รัฐบาลใจเย็นๆ หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องให้ทุกภาคส่วนต่างๆ มีส่วนรวมด้วย และข้อ 3 ให้มั่นใจในการพิจารณาคดีของศาล โดยมั่นใจว่า หากทำได้จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข
ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา อดีต รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลลำดับความสำคัญของการทำงาน เอาเรื่องปากท้องของประชาชนมาเป็นเรื่องแรก เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง เช่น เรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งสูงขึ้นจนทำให้ราคาสินค้าทุกอย่างขึ้นตาม ประชาชนจะกินจะอยู่ก็ได้รับความเดือดร้อน ปัญหาดังกล่าวจะไม่สิ้นสุดในช่วงระยะเวลาอันสั้น แต่จะยิ่งแผ่ขยายออกไปทุกหัวระแหง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องทุ่มเทในเรื่องนี้ให้มาก และอย่าเสียเวลาให้กับเรื่องอื่น ซึ่งหากจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรคลี่คลายปัญหาปากท้องของประชาชนให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
“โดยเฉพาะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญที่คนคิดเห็นไม่ตรงกัน นอกจากจะสร้างวิกฤตยังทำให้ปัญหาที่มีอยู่เดิมหนักขึ้น กลัวเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา จึงต้องออกมาเตือนให้สติแก่สังคม ก็สุดแล้วแต่ว่านักการเมืองจะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร การแก้ไขรัฐธรรมนูญถ้าทุกคนเห็นตรงกันก็เป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าไม่เห็นด้วยจะนำสู่ข้อขัดแย้ง และวิกฤตที่หนักขึ้น และปัญหาแทรกซ้อน เพราะการแก้กฎหมายถ้าเห็นไม่ตรงกันวิกฤตก็จะเกิดขึ้นง่าย ประกอบกับมีปัญหาเรื่องปากท้องมารุมเร้ายิ่งกดดันให้เกิดความรุนแรงตามบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญมาจากประเด็นเรื่องของการยุบพรรค เพราะที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 จึงต้องการยกระดับประเทศไทยให้พ้นจากวงจรที่ไม่สวยงาม ซึ่งมีการโกงกิน คอร์รัปชัน ซื้อเสียงเลือกตั้ง จากนั้นก็ปฏิวัติและเลือกตั้งใหม่ ก็ซื้อเสียงและกลับมาโกงกินเหมือนเดิม เมื่อใดจะยกระดับประเทศชาติได้ หากวงจรแบบนี้ก็ไม่เป็นประชาธิปไตยเสียที มีแต่การเลือกตั้งจากนั้นก็ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกเลย จะแก้ไขได้คงต้องอยู่ที่นักการเมือง โดยให้ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวทำให้ไม่เกิดประชาธิปไตย จึงจำเป็นต้องมีบทลงโทษ ส่วนคดีความต่างๆ ของให้เชื่อในศาลและมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ให้ศาลเป็นผู้ลงโทษ ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไป
“อยากให้ทุกฝ่ายทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คิดให้รอบคอบ มีสติทำแล้วเป็นผลดี ผลเสียกับประเทศชาติส่วนรวมอย่างไร อย่าคิดแต่เฉพาะส่วนตัว ขณะนี้ประเทศต้องการผู้ทุ่มเทพลังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ” นพ.มงคล กล่าว
ต่อข้อถามว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะนำสู่การเกิดปฏิวัติหรือไม่ นพ.มงคล กล่าวว่า การที่ออกมาเตือนสติ ก็เพราะว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น กลัวไม่อยากให้มีการต่อสู้ หรือนองเลือดกัน
ด้านพญ.จุรี นิงสานนท์ แพทย์สตรีอาวุโส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ ระดับ 9 กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังร่วมแถลงการณ์เครือข่ายแพทย์อาวุโสว่า หากรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนเสียก่อน ว่าต้องการให้แก้ไขหรือไม่ และช่วงเวลาใด และที่สำคัญต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขด้วยการต้องมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 ซึ่งจะทำให้ได้รัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการอย่างแท้จริง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่นักการเมืองต้องการ ไม่ใช่แค่มีไม่กี่คนยกมือในสภาให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทั้งนี้ทำให้เป็นกระบวนการที่ได้รับการยอมรับจากสังคมและชาวโลก
“หากรัฐบาลดึงดันไม่เชื่อฟังการเตือนสติ ยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ วิกฤตการณ์จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้จะไม่เชื่อก็ได้ แต่หากเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะรุนแรงและยาวนานกว่าในอดีต เพราะขณะนี้เป็นการเมืองเสียงข้างมาก และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นการนำประชาชนต่อสู้กับประชาชน ขณะที่ในอดีตความขัดแย้งเป็นเรื่องของประชาชนกับทหารที่มีปืน แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องของอำนาจเงิน ซึ่งทำให้เกิดความรุนแรงได้ง่าย และนำสู่หายนะมากขึ้นกว่าอดีตด้วย” พญ.จุรี กล่าว
พ.ญ.จุรี กล่าวว่า ที่ออกมาแถลงการณ์ในครั้งนี้ ไม่กลัวการโจมตีกลับ เพราะเครือข่ายแพทย์ฯ ทำด้วยความถูกต้อง บริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรซ่อนเร้น ไม่ลบหลู่หรือว่ากล่าวใคร ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถ แพทย์ก็ทำหน้าที่แพทย์ นักการเมืองก็ทำหน้าที่การเมือง แต่การเมืองเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน ที่ต้องมีความรู้ ไม่ใช่ให้นักการเมืองชี้แนะทุกอย่าง ส่วนตัวคงไม่มีสิทธิ์ชี้แนะประชาชน เพราะไม่มีอำนาจ และเป็นเรื่องยาก แต่ขอให้ทุกคนฟังข่าวสารข้อมูลต่างๆ ด้วยใจเป็นธรรม ไม่มีอคติ โน้มเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายแพทย์อาวุโส ที่ร่วมลงนามในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ได้แก่ นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอดีตประธานสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย,นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัดสธ.และอดีตรมว.สธ.,นพ.ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตปลัดสธ.และอดีตรมว.สธ.และพญ.จุรี นิงสานนท์ แพทย์สตรีอาวุโส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ ระดับ 9 กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.อารี วัลยะเสวี อดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดีและอดีตคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งหกล้มต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ อดีตปลัดสธ.และอดีตรมว.สธ.และนพ.ปัญญา สอนคม อดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ.