xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ปัดดัดจริต ตอก “หมัก” อย่าใช้ช่อง รธน.แสวงตนเพื่อพวกพ้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.
“อภิสิทธิ์” ค้านแนวคิดหมักอย่ามั่ว ยัน รธน.จำเป็นต้องมีลายลักษณ์อักษร ยอมรับคนที่มาจากการเลือกตั้งมักจะตัวสร้างปัญหา ยันไม่ได้ดัดจริตคค้านแก้ รธน. แต่ไม่เห็นด้วยผู้มีใช้อำนาจใช้ช่องโหว่เพื่อพวกพ้อง

วันนี้ (2 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างร่วมสัมมนาในหัวข้อ “สถานการณ์รัฐธรรมนูญไทย” จัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ว่า อยากจะเรียนว่าปัญหาสถานการณ์รัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้น ต้องมีการลำดับที่มาที่ไปว่าเกิดจากอะไร ทั้งนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐธรรมนูญพระ และรัฐธรรมนูญประเทศอังกฤษ ไม่ต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องบอกว่ารัฐธรรมนูญนั้นเป็นกฎหมายหลักของประเทศกำกับกติกาว่าบ้านเมืองจะบริหารอย่างไร ซึ่งอังกฤษไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่สามารถดำเนินมาได้เพราะคนเคารพเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เคารพประชาธิปไตย และไม่ได้คำนึงถึงกฎกติกาที่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น แต่คำนึงถึงมารยาททางการเมืองด้วย

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายหลักของประเทศที่กำลังมีสถานการณ์ในตอนนี้ เราต้องการให้ได้กติกาที่มีความเป็นประชาธิปไตย ที่ทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าตามเจตนารมณ์ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ ที่มาของปัญหาสถานการณ์รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ต้องเริ่มต้นจากปี 2540 ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ทั้งนี้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2475 ถึง 2540 ปัญหารัฐธรรมนูญจะมีการถกเถียงกัน ระหว่างฝ่ายที่มีอำนาจระหว่างฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้ง และคนที่ไม่ได้จากการเลือกตั้งและมีการปรับปรุงให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่โจทย์รัฐธรรมนูญก่อนปี 2540 จนถึงปัจจุบัน คือคนที่มาจากการเลือกตั้งมาสร้างปัญหาทางการเมืองเสียเอง จึงมีความคิดว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญให้แตกต่างจากแนวคิดเดิมที่เป็นระบบรัฐสภาล้วนๆ ว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่ผู้แทนของประชาชนหรือส.ส.

“ผมไม่ดัดจริตที่จะบอกว่าพวกผมเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ประกาศสนับสนุนรัฐธรรมนูญ 2540 เพราะยอมรับแล้วว่าการเมืองวิกฤตถึงทางตันเป็นเพราะอำนาจของนักการเมืองไม่สามารถถูกตรวจสอบกำกับได้ พอรัฐธรรมนูญ 2540 มีแนวคิดให้เพิ่มสิทธิเสรีภาพประชาชน องค์กรอิสระ ขึ้นมาดูแลการทุจริตของนักการเมือง ผมสนับสนุนทันที คนที่คัดค้านไปดูอภิปรายได้ว่าไม่ยอมรับแนวคิดตรงนี้ ว่าถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งจะถูกตรวจสอบ”

ทั้งนี้ เราไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2540 ทุกเรื่อง แต่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างทางการเมืองเพิ่มการตรวจสอบจากองค์กรอิสระและจากประชาชน แต่มีหลายเรื่องที่ไม่ได้เห็นด้วย เช่นการให้ส.ส.จบปริญญาตรี ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การท้วงติงที่เกิดขึ้นเพื่อชี้ว่าฉบับปี 2540 ไม่ได้ดีไปหมด รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่า ส.ว. ที่มาจากการเลือกโดยตรง เป็นเรื่องยากมากที่จะส.ว.มีความเป็นกลางทางการเมือง เพราะใครที่ผ่านมาประสบการณ์ทางการเมืองก็จะรู้ว่าถ้าผ่านการเลือกตั้งก็จะรู้ว่าฐานเสียงจะมีโอกาสเข้ามาเกี่ยวข้องสูง โดยเฉพาะการให้อำนาจ ส.ว. ในการถอดถอนก็ยิ่งทำให้คิดว่าพรรคการเมืองต้องมีส่วนได้ส่วนเสียแน่นอน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2540 ประกาศใช้เดือนต.ค. 2540 ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ถูกบังคับใช้ตั้งแต่ตอนนั้น ยกเว้นเรื่องการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะต้องรอการเลือกตั้งทั่วไป แต่เรื่ององค์กรอิสระต่างๆ ก็เข้ามาทำงานทันที ซึ่งตรงนี้คือความเห็นที่แตกต่าง เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ พอรัฐธรรมนูญ 2540 ประกาศใช้ มีการเลือกตั้ง มีเศรษฐีเข้ามา มีนโยบายดีมีเสียงข้างมาก ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะส่วนตัวเป็นพรรคฝ่ายค้านมีเสียงข้างน้อยเราก็ยอมรับ ไม่ได้คิดว่าหน้าที่ฝ่ายค้านคือ ต้องการล้มล้างรัฐบาล เพราะขณะนี้อภิปรายนายกรัฐมนตรีได้เราก็ไม่ได้คิดว่าจะอภิปราย แต่ดูสถานการณ์ความจำเป็นหลัก

“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่ตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2549 คนมีอำนาจบิดเบือนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัดเจน มีการแทรกแซงองค์กรอิสระตั้งแต่กระบวนการสรรหา และก้าวก่ายชี้นำในการตัดสินคดีหลายคดี องค์กรที่จะเป็นกลางทางการเมืองอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นกลางหรือไม่ และเหตุผลที่เราไม่ลงเลือกตั้ง 2549 ที่เราไม่เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง และเห็นหรือไม่ว่าศาลอุทธรณ์ได้ยืนคำพิพากษาว่ากตต. ไม่เป็นกลาง นั่นหมายความกระบวนการ เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ถูกละเมิด และนี่คือที่มาของปัญหา และเป็นที่มาของวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้น 2-3 ปีที่ผ่านมา”

หากคนมีอำนาจมีความเก่งกาจสามารถมีเงินทอง มีการดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการบิดเบือนกฎหมายและเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัวก็ยืนยันว่าวันนี้รัฐธรรมนูญ 2540 จะยังอยู่ แต่วิกฤตที่เกิดขึ้น คงจำได้ว่ามีการขายหุ้น มีการประท้วง มีการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมด้วยรัฐธรรมนูญ และ มีการปะทะกันของมวลชน 2 ฝ่าย อยากจะย้ำคนที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญ 2540 ยังยืนยันว่าเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญดี แต่ในปี 2548-2549 เราได้ประกาศว่าต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ครั้งให่

“หากยังทำได้ ก่อนการเลือกตั้ง 2 เม.ย. ในขณะที่เราลังเลจะลงสมัครรับเลือกตั้ง เราก็ยังประกาศว่ายินดีจะลงรับเลือกตั้งถ้าทุกพรรคยืนยันว่าจะยกเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2540 กัน หลายพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ก็ลงสัตยาบันกับเรา แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ลงสัตยาบันก็ยังอุตส่าห์เรียกพรรคน้อยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าคนที่อยู่ในการเมืองขณะนี้เกือบทั้งหมดเห็นแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2540 มีปัญหาจำเป็นต้องแก้ไข เพราะฉะนั้น การจะมาพูดเพียงว่าเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมา เท่ากับไม่ได้มีการเรียนรู้เลยว่ามีการละเมิดเจตนารมณ์ มีการสร้างปมเงื่อนที่ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาปัจจุบัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ปาฐกถาในเรื่องสถานการณ์รัฐธรรมนูญไทย ว่า ท้าให้ไปดูข่าว ที่ตอนแรกตนเป็นคนแรกไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องการให้บ้านเมืองกลับมาสู่ระบบประชาธิปไตยอย่างราบรื่นที่สุด และเฝ้าดูว่าการจัดทำ รธน.ทำกันอย่างไร และเมื่อมีการรธน.ก็มีการแสดงความคิดเห็นอยู่ตลอดอะที่เห็นด้วยกัยสสร.2 และไม่เห็นด้วยเราก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ และอย่างน้อยที่สุดมีการจัดทำรธน.เสร็จก็มีการลงประชามติ ซึ่งมีการรับรองคะแนนเสียง 14ล้านต่อ 10ล้าน คืนวันลงปประชามติ ตนเป็นคนแรกที่ให้รับรธน.เพื่อกลับมาสู่กระบวนการประชาธิปไตยโดยเร็ว

แต่ยืนยันว่ามีบางบทบัญญัติต้องแก้ไข เพราะคำพูดที่กล่าวหาว่าฝ่ายค้านไม่คิดจะแก้รธน.ไม่เป็นความจริง ตนชวนทุกพรรคการเมืองตั้งแต่วันลงประชามติ แต่ประเด็นจะแก้เรื่องอะไร วันนั้นคงเป็นประเด็นเรื่องส.ว. ซึ่งตน ก็เห้นว่าไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยเพราะเปิดโอกาสคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่สามารถถอดถอนคนที่มาจาการเลือกตั้ง แต่จะคิดแก้ไปทางไหนก็ต้องคุยกัน ทางออกที่ดีสุดเป็นอย่างไรจะมาคิดง่ายโดยนำปี 40 ท่านจำไม่ได้หรือว่าปี 40มีการวิจารณ์ว่าเป็นสภาทาส และทำให้กรับวนการตรวจสอบการถ่วงดุลพังลงมาทั้งหมด

“ผมกล้าจะพิสูจน์จุดยืนทางการเมืองพรรคการเมืองทุกพรรคแล้วดูสิว่ายังยืนยันสอดคล้องเหมือนเดิมหรือไม่ พรรคการเมืองวันนั้นนอกจากพูดเรื่องรธน ยังพูดกฎหมายความมั่นคงจำได้หรือไม่บอกว่าเผด็จการยิ่งกว่ารธน.ปี 50เสียอีก แต่พอวันนี้หัวหน้าพรรคตัวเองเป็นผอ.กอ.รมน.ไม่พูดแล้วจะแก้กฎหมายความมั่นคงเราต้องเอาความจริงมาพูด”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนบอกว่าได้รธน.50ไม่สมบูรณ์แน่นอน และหลายเรื่องก็เหมือนจะพยายามไปแก้อุดช่องโหว่งของปี 40 แล้วอาจจทำเกินเลยจนมีปัญหาได้ ดังนั้นจะต้องคุยกัน แต่หลายปัญหาที่บอกว่าทำให้การเมืองเดินไม่ได้ไม่มีเสถียนภาพ ตนถามว่ามันจริงหรือไม่ เลือกตั้งเขตเล็กเขตใหญ่มีทั้งข้อดีและเสีย แต่ที่ต่อว่าครั้งนั้นเลือกตั้งเขตใหญ่จะทำให้เบี้ยหัวแตกรัฐบาลไม่เสถียนภาพ

ถามว่ามันนี้เบี้ยหัวแตกหรือไม่ พรรคการเมืองก็เหลือน้อยพรรค พรรคผสมก็มีความมั่นคง 316 เสียง ต่อ164เสียง ตนถือว่ามั่นคง ฝ่ายค้านใช่สิทธิไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่เพื่อล้มรัฐบาล รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งมีปัญหาหรือไม่ ว่ารธน.เป็นข้อจำกัดที่จะไปแก้ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้ เช่นของแพง ความไม่สงบใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่แต่เป็นปัญหาของรัฐบาลที่ไม่จัดอับดับความสำคัญการแก้ไขปัญหา หากบอกว่สไปเสียเวลาไปทำกฎหมายที่รธน.บังคับใช่ยังไม่มีการเสนอกฎหมายแม้แต่ฉบับเดียวมาสู้สภาฯ

“ถามจริง รธน.มีข้อบกพร่องไหม ขณะนี้สร้างปัญหาทางการเมืองหรือไม่ ผมตอบได้เลยไม่ได้สร้าง จุดยืนของผมและพรรคฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์คือแก้ไขรธน.ได้แต่แก้ไขเพื่อวางรากฐานที่ดีสำหรับอนาคต และวิธีการที่ดีสุดเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเมือสักครู่นายกฯ บอกว่าจะไม่เอาเป็นเรื่องของรัฐบาลแล้ว แต่เป็นเรื่องของรัฐสภา ตนก้ถามท่านว่าหากเป้นเรื่องของสภาจริง ทำไมท่านไปตั้งคณะกรรมธิการให้มีทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลไปร่วมกันทำไมประชุมแค่6พรรคเพราะคิดว่าเสียงพอที่จะทำให้แก้รธน.ได้ หากคิดว่าอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องของสภาฯ ตนคิดว่าควรให้ ส.ว.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และคนข้างนอกทั้งนักวิชาการ ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม ดังนั้นตนเห็นว่ามีทางแก้ 2ทาง 1. ให้มีกรรมธิการประกอบด้วยผู้แทนทุกฝ่ายมาศึกษาประเด็นเสียก่อน และจะเห็นข้อบกพร่องของรธน.ตรงไหน เพื่อผลักดันกติกาสูงสุดให้ดี 2.แก้ไขเคยทำกันมาตั้งแต่ ปี 38 คือทำกระบวนการส.ส.ร. ที่สามารถเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมยึดโยงอยู่กับสภา

“ถ้าการแก้ไขรธน.เป็นอย่างที่ผมพูดอย่างนี้ไม่เชื่อว่าจะมีใครเดินขบวนขัดค้าน ผมไม่เชื่อว่าใครจะมีปัญหา และจะไม่มีสถานการณ์รัฐประหาร เอาความจริงมาพูดว่าสถานการณ์การแก้รธน.นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนทำสถานการณ์ขึ้นมาคือรัฐบาลเหมือนที่บอกว่าใบแดงจะเล่นงานคนนั้นจะมีแต่การปฏิวัติมีแต่รัฐบาลพูดกำลังสร้างปมขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาเอง”“

กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ที่นายกฯพูดปี 50ระบบเลือกตั้งไม่ดีที่เขายกร่างก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเปลี่ยนใจทั้งฉบับที่หลังท่านเคยเห็นหรือไม่ ไม่แตะเลยครับระบบการเลือกตั้ง ไม่แตะเลยครับเรื่องส.ว. แก้257 และ309 แล้ววันนี้ที่ยกร่างทั้งฉบับ จะบอกว่าไม่หวังผลกับกระบวนการตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรมผมว่าไม่ใช่ เพราะบทเฉพาะกาลเขียนไว้เลยบางองค์กรอยู่ได้จนครบวาระ แต่หลายองค์กรเขาก็ไม่ให้อยู่เขาจะให้ตั้งใหม่ เช่น ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชัดหรือไม่ยังงี้จึงเกิดสถานการณ์รธน.ขึ้นเพราะหลักบริหารที่ดี หลักนิติรัฐ หลักของประชาธิปไตย ซึ่งเคารพเรื่องของธรรมาพิบาลถ้ามีอำนาจคิดเอากฎหมายที่มากติกาไปแก้โดยใช้อำนาจของตัวเองเพื่อลบล้างความผิดผู้คนรับไม่ได้”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากตนจะพูดว่ามีความพยายามอย่างมากให้ใบแดงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ตนรู้หลายสำนวนจบไปแล้วและได้รื้อขึ้นมาใหม่ตอนนี้ เพื่อหลอกว่าประชาธิปัตย์จะได้โดนด้วย และวันนี้คนของพลังประชาชนมาให้ข่าวท้าทายประชาธิปัตย์โดนบ้างแล้วจะว่าอย่างไร ตนตอบได้เลยให้กกต.ให้ศาลตัดสินไปตามเนื้อผ้า ตามข้อเท็จจรองตามหลักฐาน ถ้ามีแน้วโน้มว่าผิดหรือผิด พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีความคิดแก้รธน.แก้กฎหมายเพื่อตัวเองเพราะนี้คือสิ่งสำคัญที่เราต้องรักษาหลักการเอาไว้

ฉะนั้นตนอยากสรุปง่ายๆว่าการแก้รธน.เป็นเรื่องสำคัญจะมาคิดอ่านกันเพื่อประโยชน์ตนประโยชน์พวกประโยชน์กลุ่มไม่ได้ จะมาทำกันแบบไม่เรียนรู้ ทำแบบมักง่ายไม่ได้เราสนับสนุนให้แก้ไข รธน.เพิ่มเติมเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เรื่องของสว.จะปรับปรุงอย่างไร เรื่องของสิทธิเสรีภาพ จะปรับปรุงไม่ให้มีบทบัญญัติมัดตัวรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งมากจนเกินไปอันนี้ทำได้ ปรับปรุงที่มาของส.ว. หรืออำนาจของส.ว.จะมาถกเถียงเรื่องระบบเลือกตั้งจะไม่ว่าเลย แต่ขอให้ยึดประโยชน์อย่างแท้จริงและมีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและฝ่ายต่างๆของสังคม เพื่อให้การแก้รธน.ให้เป้นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาของประเทศและเป็นส่วนหนึ่งที่จะประคับประคองให้การกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเ ป็นประมุข ที่เราได้รัฐสภาจาการเลือกตั้งคืนมาเดินหน้าไปได้

“ผมเป็นฝ่ายค้านผมไม่ประสบความสำเร็จจาการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ผมยืนยันทุกเวทีและปฏิบัติอยู่ทุกวันต้องการประคับประคองให้บ้านเมืองเดินไปด้วยความสงบสุขและรักษาระบอบประชาธิปไตย หากแก้รธน.เพื่อจุดประสงค์นี้ฝ่ายค้านยืนยันเห็นด้วยแน่นอน แต่แก้รธน.เพื่อประโยชน์พวกพ้องนั้นไม่ใช่การแก้รธน.ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการแก้รธน.เพื่อสร้างปัญหาที่เป็นอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น