“สมัคร” เย้ยนักวิจารณ์ไม่มีวันเลิกรายการ “สนทนาประสาสมัคร” แถม ไม่รับว่าตัวเองพูดหยาบ ย้อนถามพวกกล่าวหาให้บอกหน่อยหยาบตรงไหน อ้างคำว่า “มึง”ภาษาอังกฤาแปลว่า you ย้ำถ้าจะตำหนิใครคงไม่ต้องดัดจริตใช้คำสุภาพ ด้าน ปชป. ซัด “สมัคร”ทำงานเกือบ 3 เดือนไร้ผลงานมีแต่ตำหนิฝ่ายตรงข้าม และสื่อ แนะให้เคารพหน้าที่ซึ่งกันและกัน จวก “เป็ดเหลิม” ดูแต่ดูแลทุกข์สุขครอบครัวตัวเองไม่สนใจตามเล่นงานกลุ่มจากจ้วง “ป๋าเปรม” เตือน หน้าเหมือน “วาสนา” เข้าไปทุกที ส่วน พปช.อ้างมือที่สามยั่วยุให้ป่วน จี้ผู้เกี่ยวกับจัดการโดยเฉพาะพวกนำอวัยเพศออกมาโชว์เป็นพวกขาดสติ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เริ่มต้นรายการ สนทนาประสาสมัคร ทางช่อง NBTและวิทยุในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ด้วยการกล่าวในหัวข้อ ขออภัยท่านผู้วิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายที่รายการสนทนาประสาสมัครยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพื่อตอบโต้เสียงวิจารณ์ของรายการนี้ว่า ไม่มีความ เหมาะสมหลายประการว่า เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์เหลือเกิน ว่ากล่าวเหมือนว่า ถ้ามันเลิกรายการนี้ซะได้พวกนักวิจาร์ทั้งหลายคงมีความสุข แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่มีโอกาส ไปทำโพลตรวจสอบอะไร แต่ในโพลบอกว่าตนนั้นพูดคำหยาบ ก็มันจะตรงไหนหละครับก็ช่วยยืนยันมาหน่อยว่าในรายการนี้คำหยาบมันอยู่ตรงไหน ไหนบอกหน่อย
นายสมัคร กล่าวว่าเคยกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลก โดยการใช้คำว่า มึง นั้น ขอชี้แจงว่า พูดถึงตรงนี้ก็มีคนว่ากล่าวหาว่าพูดจาหยาบคาย ตนขอบพระคุณอาจารย์สุขุม นวลสกุล เมื่อเช้านี้ได้ยินท่านว่านายสมัครจะพูดอะไรไปก็ภาษาอังกฤษก็แปลคำว่า มึง ว่า you ซึ่งตนใช้คำว่า มึง เป็นสำนวนคนธรรมดา เขาใช้คำว่า มึง ก็ว่าพูดจาหยาบคาย อาจารย์สุขุมฯ บอกว่าก็แปลว่า you คนไทยรู้สึกเดือดร้อน กลายว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด
“ผมมือใหม่หัดขับครับ ไม่ได้เกิดมาเป็นนักการทูตมาแล้วเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกครับ สำเนียงการทูตก็เรียนลัด แต่ไปทำหน้าที่มาแล้วไปมาแล้ว 7 ประเทศ ยังจะไปอีก 2 ประเทศ จะต้องไปจีนไปญี่ปุ่น ต้องไปยุโรปจะไปอเมริกา ก็มือใหม่หัดขับครับ ผมขับคล่องเข้าก็คงไม่นั่นหรอกครับ แต่สำนวนโวหาร ถ้ามันขายน้ำมันกันบ้าเลือดดุเดือด เห็นไหมครับสำนวนใช้เขาเรียกว่า “มัน” ขายน้ำมันกันดุเดือดเลือดพล่าน เราจะตำหนิใครแล้วมานั่งพูดดัดจริตใช้ถ้อยคำอย่างนี้ ขอประทานโทษเขาบอกไม่อยากให้ผมพูดคำว่าดัดจริตบ่อย”
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พฤติกรรมของ นายสมัคร สุนทรเวช ฃในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้สร้างผลงาน การแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาน รวมถึงการสร้างความสมานฉันท์ กับสถานการณ์ทีเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้กับผสมโรงเข้ากับอีกฝ่าย ทำให้สถานการณ์เพิ่มความ รุนแรงขึ้น ซึ่งคนเป็นนายกรัฐมนตรีเวลาพูดเรื่องอะไรไปก็จะมีน้ำหนักและมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของคนทั้งในและต่างประเทศ เช่น การปฏิวัติหรือ ยุบสภา ทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งสำคัญ มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน แม้จะมีความพยายาม ป้ายความผิดให้กับสื่อมวลชน แต่ต้นเหตุเกิดจากนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนให้สัมภาษณ์
“อยากเรียกร้องให้นายกฯลดพฤติกรรมพูดง่ายๆ พูดไปเรื่อย ตำนิฝ่ายตรงข้าม ไม่เคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของนายกรัฐมนตรี หรือเรียกง่ายๆ ว่าความคิดที่แตกต่างและขอให้เคารพการทำหน้าที่ของส่วนต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นสื่อมวลชน ที่ต้องอดทนกับพฤติกรรมเหล่านี้ของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องคอย ติดตามและนำเสนอข่าวสาร ให้กับประชาชน และเคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่ค้านคอยตรวจสอบซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสิน อยากให้นายกฯหันมาแก้ปัญหาบ้านเมืองให้มากขึ้น”
นายสาธิต กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่า ไม่สามารถดำเนินการกับกลุ่มที่ออกมาโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้จนกว่าจะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดที่เกิดขึ้นแล้วกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น รมว.มหาดไทย มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องดำเนินการ ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ ความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ชน ติณสูลานนท์ ได้จนกว่าจะ ทำให้เกิดความสามานฉันท์ในประเทศ
“จึงขอเรียกร้องไปยัง รมว.มหาดไทยว่า ตราบใดที่ยังใช้อำนาจดูแลคนใน ครอบครัว ควรที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนทั้งประเทศด้วย เพราะขณะนี้หน้าตาของ ร.ต.อ เฉลิม คล้ายกับ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานกกต.เข้าไปทุกทีแล้ว”
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและมีกลุ่มคนบุกไปด่าว่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนนตรี และรัฐบุรุษ ที่บริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า ขณะนี้มีฝ่ายเสี่ยมยั่วยุทำลายรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน โดยพรรคประชาธิปัตย์ ก็ใช้ ยุทธวิธียั่วยุจนมีสื่อตั้งฉายาให้นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นดาวยั่ว กลุ่มพันธมิตรฯก็ยั่ว
ร.ต.กุเทพ อ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯมีแกนนำ 5 คนจึงควบคุมกันเองให้นิ่งได้ ไม่เหมือนพวกเรา อย่างกลุ่มของนายประชา ประสบดี ส.ส.สมุทรปราการ แกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย พอถูกฝ่ายตรงข้ามยั่วถ้าไปรับลูกยั่วก็แสดงอาการออกให้คนมองว่าพวกเราไม่นิ่ง ในส่วนพวกที่ไปยั่วพล.อ.เปรม ไปยั่วกลุ่มพันธมิตรฯมันไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมรัฐบาลมีอำนาจอยู่ในมือไม่จัดการร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เราเรียกร้องว่าใครไปทำอย่างนั้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ประ
“ขอบอกตามตรงรัฐบาลอยากทำงาน จะไม่ไปเสียเวลาไปยั่วยุใครคนที่ไปยั่วยุ เปิดอวัยวะเพศโชว์ เป็นวิธีที่สกปรก เลอะเทอะ ขอประณามหน่อยมันไม่ใช่คนที่มี วุฒิภาวะอยู่ฝ่ายรัฐบาลคนอย่างนี้ขอร้องร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการให้เป็นตัวอย่างตัดความเชื่อมโยงให้เห็น ไม่อย่างนั้นจะถูกกล่าวหาว่า ปากว่าตาขยิบ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่จัดการต่อไปอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า จะพัฒนาไปสู่ความน่าเกียด ทำให้รัฐบาลเสียหน้ารัฐบาลไม่ได้อะไรเลย รัฐบาลจะได้เมื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ถ้ารัฐบาลได้อำนาจจากประชาชน มาแล้วยังใช้วิธีสนับสนุนให้ใครไปใช้วิธีการที่กักฬะเลวๆ อย่างนั้น มันเสียภาพพจน์รัฐบาลอยู่แล้วดังนั้นรัฐบาลพูดอย่างเดียวไม่พอ ต้องกล้าจัดการ อย่าปล่อย ให้มีการด่าหรือยั่วยุ ใช้วิธีการเคลื่อนไหวนอกรูปแบบ ที่ไปสร้างหัวเชื่อการปฏิวัติจะเข้าทางอำนาจนอกระบบได้หวั่นม็อบปะทะม็อบหัวเชื้อปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ารัฐบาลไม่จัดการจะนำไปสู่การปฏิวัติได้ ร.ท.กุเทพ ตอบว่าถ้ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จะขยายไปเป็นการเผชิญหน้ากันทุกวันถ้าบ้านเมืองมีคนสองกลุ่มปะทะ ด่ากันอยู่ทุกวัน แล้วทำวิธีแปลกๆ หยิบอวัยวะเพศออกมาโชว์ เกิดเป็นที่ขบขัน เป็นที่น่ารังเกียดของสังคมโลกยั่วยุกันจนบรรลุผล ผู้คนขาดสตินำไปสู่การปะทะกัน โดยรัฐบาลควบคุมอะไรไม่ได้แล้วทหารจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอยู่อย่างนี้เหรอ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรี ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ทหารมองว่าฝ่ายการเมืองที่คุมอำนาจทหารอยู่ไม่สามารถจัดการอะไรได้เรียบร้อยแสดงว่ามันมีช่องว่างที่จะใช้อำนาจ
“รัฐบาลต้องจัดการกับการก่อกวน ก่อหวอดการทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แผนยั่วยุจะต้องอย่าทำให้มันบรรลุผลยั่วยุคนจนถึงขั้นทำให้คนขาดสติ ปะทะกันโดยรัฐบาลควบคุมไม่ได้พูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องทำให้เห็นด้วยไม่ให้คนที่เชียร์รัฐบาล ไปทำอย่างนั้นถ้ามีใครไปทำต้องบอกเป็นแผนของมือที่สาม”
ส่วนกระแสข่าวการปฎิวัตินั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชน วันที่ 29 เม.ย.นี้จะหยิบยกขึ้นวิเคราะห์ เพื่อหาทางออกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นแต่ไม่ควร ให้เกิดขึ้นเลยโดยไม่ว่าฝ่ายใดจะทำเพราะทำให้ประเทศชาติถอยหลัง
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เริ่มต้นรายการ สนทนาประสาสมัคร ทางช่อง NBTและวิทยุในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ด้วยการกล่าวในหัวข้อ ขออภัยท่านผู้วิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายที่รายการสนทนาประสาสมัครยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เพื่อตอบโต้เสียงวิจารณ์ของรายการนี้ว่า ไม่มีความ เหมาะสมหลายประการว่า เนื่องจากถูกวิพากษ์วิจารณ์เหลือเกิน ว่ากล่าวเหมือนว่า ถ้ามันเลิกรายการนี้ซะได้พวกนักวิจาร์ทั้งหลายคงมีความสุข แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่มีโอกาส ไปทำโพลตรวจสอบอะไร แต่ในโพลบอกว่าตนนั้นพูดคำหยาบ ก็มันจะตรงไหนหละครับก็ช่วยยืนยันมาหน่อยว่าในรายการนี้คำหยาบมันอยู่ตรงไหน ไหนบอกหน่อย
นายสมัคร กล่าวว่าเคยกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลก โดยการใช้คำว่า มึง นั้น ขอชี้แจงว่า พูดถึงตรงนี้ก็มีคนว่ากล่าวหาว่าพูดจาหยาบคาย ตนขอบพระคุณอาจารย์สุขุม นวลสกุล เมื่อเช้านี้ได้ยินท่านว่านายสมัครจะพูดอะไรไปก็ภาษาอังกฤษก็แปลคำว่า มึง ว่า you ซึ่งตนใช้คำว่า มึง เป็นสำนวนคนธรรมดา เขาใช้คำว่า มึง ก็ว่าพูดจาหยาบคาย อาจารย์สุขุมฯ บอกว่าก็แปลว่า you คนไทยรู้สึกเดือดร้อน กลายว่าไม่รู้จักสำนวนการพูด
“ผมมือใหม่หัดขับครับ ไม่ได้เกิดมาเป็นนักการทูตมาแล้วเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกครับ สำเนียงการทูตก็เรียนลัด แต่ไปทำหน้าที่มาแล้วไปมาแล้ว 7 ประเทศ ยังจะไปอีก 2 ประเทศ จะต้องไปจีนไปญี่ปุ่น ต้องไปยุโรปจะไปอเมริกา ก็มือใหม่หัดขับครับ ผมขับคล่องเข้าก็คงไม่นั่นหรอกครับ แต่สำนวนโวหาร ถ้ามันขายน้ำมันกันบ้าเลือดดุเดือด เห็นไหมครับสำนวนใช้เขาเรียกว่า “มัน” ขายน้ำมันกันดุเดือดเลือดพล่าน เราจะตำหนิใครแล้วมานั่งพูดดัดจริตใช้ถ้อยคำอย่างนี้ ขอประทานโทษเขาบอกไม่อยากให้ผมพูดคำว่าดัดจริตบ่อย”
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พฤติกรรมของ นายสมัคร สุนทรเวช ฃในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้สร้างผลงาน การแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาน รวมถึงการสร้างความสมานฉันท์ กับสถานการณ์ทีเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้กับผสมโรงเข้ากับอีกฝ่าย ทำให้สถานการณ์เพิ่มความ รุนแรงขึ้น ซึ่งคนเป็นนายกรัฐมนตรีเวลาพูดเรื่องอะไรไปก็จะมีน้ำหนักและมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของคนทั้งในและต่างประเทศ เช่น การปฏิวัติหรือ ยุบสภา ทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งสำคัญ มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุน แม้จะมีความพยายาม ป้ายความผิดให้กับสื่อมวลชน แต่ต้นเหตุเกิดจากนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนให้สัมภาษณ์
“อยากเรียกร้องให้นายกฯลดพฤติกรรมพูดง่ายๆ พูดไปเรื่อย ตำนิฝ่ายตรงข้าม ไม่เคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของนายกรัฐมนตรี หรือเรียกง่ายๆ ว่าความคิดที่แตกต่างและขอให้เคารพการทำหน้าที่ของส่วนต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นสื่อมวลชน ที่ต้องอดทนกับพฤติกรรมเหล่านี้ของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องคอย ติดตามและนำเสนอข่าวสาร ให้กับประชาชน และเคารพการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ที่ค้านคอยตรวจสอบซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสิน อยากให้นายกฯหันมาแก้ปัญหาบ้านเมืองให้มากขึ้น”
นายสาธิต กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่า ไม่สามารถดำเนินการกับกลุ่มที่ออกมาโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้จนกว่าจะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดที่เกิดขึ้นแล้วกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น รมว.มหาดไทย มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องดำเนินการ ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ ความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ชน ติณสูลานนท์ ได้จนกว่าจะ ทำให้เกิดความสามานฉันท์ในประเทศ
“จึงขอเรียกร้องไปยัง รมว.มหาดไทยว่า ตราบใดที่ยังใช้อำนาจดูแลคนใน ครอบครัว ควรที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนทั้งประเทศด้วย เพราะขณะนี้หน้าตาของ ร.ต.อ เฉลิม คล้ายกับ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธานกกต.เข้าไปทุกทีแล้ว”
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯและมีกลุ่มคนบุกไปด่าว่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนนตรี และรัฐบุรุษ ที่บริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า ขณะนี้มีฝ่ายเสี่ยมยั่วยุทำลายรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน โดยพรรคประชาธิปัตย์ ก็ใช้ ยุทธวิธียั่วยุจนมีสื่อตั้งฉายาให้นายเทพไท เสนพงศ์ เป็นดาวยั่ว กลุ่มพันธมิตรฯก็ยั่ว
ร.ต.กุเทพ อ้างว่ากลุ่มพันธมิตรฯมีแกนนำ 5 คนจึงควบคุมกันเองให้นิ่งได้ ไม่เหมือนพวกเรา อย่างกลุ่มของนายประชา ประสบดี ส.ส.สมุทรปราการ แกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย พอถูกฝ่ายตรงข้ามยั่วถ้าไปรับลูกยั่วก็แสดงอาการออกให้คนมองว่าพวกเราไม่นิ่ง ในส่วนพวกที่ไปยั่วพล.อ.เปรม ไปยั่วกลุ่มพันธมิตรฯมันไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมรัฐบาลมีอำนาจอยู่ในมือไม่จัดการร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เราเรียกร้องว่าใครไปทำอย่างนั้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ประ
“ขอบอกตามตรงรัฐบาลอยากทำงาน จะไม่ไปเสียเวลาไปยั่วยุใครคนที่ไปยั่วยุ เปิดอวัยวะเพศโชว์ เป็นวิธีที่สกปรก เลอะเทอะ ขอประณามหน่อยมันไม่ใช่คนที่มี วุฒิภาวะอยู่ฝ่ายรัฐบาลคนอย่างนี้ขอร้องร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการให้เป็นตัวอย่างตัดความเชื่อมโยงให้เห็น ไม่อย่างนั้นจะถูกกล่าวหาว่า ปากว่าตาขยิบ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่จัดการต่อไปอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงเพิ่มมากขึ้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า จะพัฒนาไปสู่ความน่าเกียด ทำให้รัฐบาลเสียหน้ารัฐบาลไม่ได้อะไรเลย รัฐบาลจะได้เมื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ถ้ารัฐบาลได้อำนาจจากประชาชน มาแล้วยังใช้วิธีสนับสนุนให้ใครไปใช้วิธีการที่กักฬะเลวๆ อย่างนั้น มันเสียภาพพจน์รัฐบาลอยู่แล้วดังนั้นรัฐบาลพูดอย่างเดียวไม่พอ ต้องกล้าจัดการ อย่าปล่อย ให้มีการด่าหรือยั่วยุ ใช้วิธีการเคลื่อนไหวนอกรูปแบบ ที่ไปสร้างหัวเชื่อการปฏิวัติจะเข้าทางอำนาจนอกระบบได้หวั่นม็อบปะทะม็อบหัวเชื้อปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ารัฐบาลไม่จัดการจะนำไปสู่การปฏิวัติได้ ร.ท.กุเทพ ตอบว่าถ้ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จะขยายไปเป็นการเผชิญหน้ากันทุกวันถ้าบ้านเมืองมีคนสองกลุ่มปะทะ ด่ากันอยู่ทุกวัน แล้วทำวิธีแปลกๆ หยิบอวัยวะเพศออกมาโชว์ เกิดเป็นที่ขบขัน เป็นที่น่ารังเกียดของสังคมโลกยั่วยุกันจนบรรลุผล ผู้คนขาดสตินำไปสู่การปะทะกัน โดยรัฐบาลควบคุมอะไรไม่ได้แล้วทหารจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอยู่อย่างนี้เหรอ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพอยู่ภายใต้การควบคุมของนายกรัฐมนตรี ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ทหารมองว่าฝ่ายการเมืองที่คุมอำนาจทหารอยู่ไม่สามารถจัดการอะไรได้เรียบร้อยแสดงว่ามันมีช่องว่างที่จะใช้อำนาจ
“รัฐบาลต้องจัดการกับการก่อกวน ก่อหวอดการทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แผนยั่วยุจะต้องอย่าทำให้มันบรรลุผลยั่วยุคนจนถึงขั้นทำให้คนขาดสติ ปะทะกันโดยรัฐบาลควบคุมไม่ได้พูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องทำให้เห็นด้วยไม่ให้คนที่เชียร์รัฐบาล ไปทำอย่างนั้นถ้ามีใครไปทำต้องบอกเป็นแผนของมือที่สาม”
ส่วนกระแสข่าวการปฎิวัตินั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชน วันที่ 29 เม.ย.นี้จะหยิบยกขึ้นวิเคราะห์ เพื่อหาทางออกป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นแต่ไม่ควร ให้เกิดขึ้นเลยโดยไม่ว่าฝ่ายใดจะทำเพราะทำให้ประเทศชาติถอยหลัง
