xs
xsm
sm
md
lg

รองผู้ว่าฯ กทม.เดือดข่าวโกง BRT ยันโปร่งใส สั่งรวมข้อมูลหาทางฟ้อง “คุณหญิงณฐนนท”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สั่งปลัด กทม.หารือกับสำนักงานกฎหมายฯ กทม. รวบรวมข้อมูลหาทางฟ้องร้อง “คุณหญิงณฐนนท” หากพบ Make เรื่องให้ดีเอสไอโดยจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ขณะที่ “รองพนิช” แจงละเอียดยิบ ชี้ให้เห็นรถบีอาร์ทีกทม.พิเศษกว่ารถเมล์ ขสมก.ขนาดไหน เผยขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจากดีเอสไอเลย

วันนี้ (2 เม.ย.) นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) รักษาการผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม.นายพงศ์ศักดิฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม.สำนักการจราจรและขนส่ง และผู้แทนจากบริษัทที่ปรึกษา ร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกี่จัดซื้อตัวรถโดยสารในโครงการรถเมลด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ของกทม.ภายหลังจากที่ คุญหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม.ได้นำเอกสารหลักฐานไปร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาถึงการจัดซื้อตัวรถที่แพงเกินจริงจากราคาท้องตลาดกว่า 4 ล้านบาท แต่ กทม.จัดซื้อในราคากว่า 7 ล้านบาท รวมถึงสเปครถโดยสารแตกต่างไปจากสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจากที่เดิมที่กำหนดให้มี 37 ที่นั่ง แต่ส่งมอบรถ 34 ที่นั่ง

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯกทม.ในฐานะที่กำกับดูแลโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที กล่าวชี้แจงว่า การจัดซื้อรถบีอาร์ทีของกทม.ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามระเบียบราชการ กทม.ทุกขั้นตอน โดยรถโดยสารมีขนาด 12 เมตร เพื่อให้มีความปลอดภัยในการเดินทางโดยข้อสรุปดังกล่าวได้ผ่นการเห็นชอบในการประชุมร่วมกับ บก.จร.เนื่องจากรถดังกล่าวต้องเบี่ยงรถเพื่อขึ้นสะพานพระราม 3 สะพานข้ามแยก แต่รถขนาด 18 เมตร ไม่เหมาะสมกับเส้นทางนี้ แต่เส้นทางอื่นสามารถใช้รถขนาด 18 เมตรได้สามารถจุผู้โดยสารได้ 80 คน มีที่นั่งอย่างต่ำ 20 ที่นั่ง ดังนั้นที่ผู้ร้องร้องว่ารถบีอาร์ทีกทม.จะต้องมีจำนวนที่นั่ง 34 ขึ้นไปนั้นไม่เป็นความจริงเพราะกทม.กำหนดในร่างขอบเขตงาน หรือ TOR ขั้นต่ำ 20 ที่นั่งเท่านั้น แต่บริษัทที่จะยื่นประมูลราคาได้ต้องเคยผ่านการส่งมอบรถจำนวน 35 ที่นั่ง ขึ้นไปตามร่างประกาศคุณสมบัติผู้ประกวดราคา

ในส่วนของราคาตัวรถโดยสารจำนวน 45 คัน สามารถประกวดราคาได้ที่ 387,540,000 ล้านบาทโดยบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) จากการประมูลครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกต้องยกเลิกแม้จะมีเอกชนรับซองไปถึง 18 รายแต่เมื่อถึงกำหนดยื่นซองกลับไม่มีเอกชนรายใดมายื่นเลยโดยกทม.ได้สอบถามเหตุผลและทราบว่าเหตุที่ไม่มายื่นเพราะราคากลางที่ตั้งไว้ 388.5 ล้านบาท ต่ำเกินไป ค่าปรับสูง คุณสมบัติไม่ตรงตามเงื่อนไข หรือจัดเตรียมเอกสารไม่พร้อม รวมถึงขอซื้อแบบไปดูเท่านั้น จนทำให้ กทม.ต้องยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่ใช้ TOR เดิมซึ่งปรากฎว่ามีเอกชนมารับซองไปจำนวน 18 รายเป็นรายเดิมกับครั้งแรก 12 ราย รายใหม่ 6 ราย และมายื่นซองประกวดราคาจริง 2 รายและทั้ง 2 รายได้ผ่านคุณสมบัติทุกประการจึงเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาจนได้ผู้ชนะการประกวดราคาจัดหารถบีอาร์ทีคือบริษัท เบสท์ริน

โดยทางบริษัทได้ออกแบบตัวรถจาก TOR ที่ กทม.กำหนดไว้คือเครื่องยนต์ยี่ห้อ Cummins CEG250-30, เครื่องยนต์ CNG 6 สูบ มาตรฐานยูโร 3 ใช้เกียร์ T305R เอดิสัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนระดบดิสก์เบรกใช้ของ ZF ระบบพวงมาลัยใช้ ZF 8098 และ Chassis ใช้ของ ZF จากประเทศเยอรมนี โดยจะประกอบตัวรถทั้งหมดที่ประเทศจีน ทั้งนี้ ตัวรถรวมภาษีมูลค่าเพิ่มจะตกที่คันละ 7,525,000 บาท บวกค่าบำรุงรักษา 3 ปี อีก 1,011,150 บาท ขณะที่รถโดยสารประจำทางทั่วไป เช่น รถปอ.8 แบบใหม่ซึ่งเป็นข้อมูลจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปี 2549 ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 5,200,000 บาท ค่าบำรุงรักษา 3 ปี 2,049,804 บาท หรือวันละ 1,872 บาท ดังนั้นค่าบำรุงรักษารถบีอาร์ทีของกทม.จึงถูกกว่า 1,038,690 บาท แต่หากตรวจสอบราคารถโดยสารบีอาร์ทีของต่างประเทศอย่าง Kansus City MAX และ Palm Trans Florida สหรัฐอเมริกา ราคาอยู่ที่ 325,000-525,000 เหรียญ หรือ 10-17 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

นายพนิช กล่าวอีกว่า ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของรถบีอาร์ทีได้ออกแบบใหม่ให้มีความทันสมัย มีความโค้งมนตามหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งผู้ผลิตต้องทำ Mold ตัวถังรถใหม่ทั้งหมด ขณะที่รถเมล์ทั่วไปเป็นหน้าตัดแบบธรรมดา ส่วนประตูรถบีอาร์ทีเป็นประตูบานเลื่อนไฟฟ้าขนาด 1.5 เมตร พร้อมระบบ Jam Protection มาตรฐานเดียวกับรถไฟ้ฟ้าซึ่งประตูจะไม่หนีบผู้โดยสารถ้ายังเข้าไม่หมด รถเมล์ทั่วไปประตูบานพับธรรมดาขนาด 1 เมตร

นอกจากนี้ รถบีอาร์ทียังมีระบบนำร่องเข้าจอดที่สถานี (Guidance System) โดยติดตั้งระบบ Mechanical Guidance เพื่อบังคับให้รถสามารถเข้าจอดที่ชิดชานชาลาสถานีได้โดยระยะห่างระหว่างพื้นขอบกับขอบชานชาลาไม่เกิน 7.5 ซม.เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยูโร 3 แต่รถเมล์ทั่วไปใช้ยูโร 2 ซึ่งยูโร 3 จะมีการปล่อยมลพิษต่ำกว่ายูโร 2 ถึง 30% ขณะที่ระบบเบรกของบีอาร์ทีใช้ระบบดิสก์เบรกหน้าหลังซึ่งมีความปลอดภัยกว่าระยะเบรกสั้นกว่า โดยมีทั้งระบบเบรค EBS และ ABS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบกระจายแรงเบรก รถเมล์ไปใช้ Drum Break หน้าหลังในรถรุ่นเก่า รวมถึงมีระบบกันสะเทือนด้วยถุงลม และระบบป้องกันความสะเทือน แต่รถเมล์ทั่วไปเป็นระบบกันสะเทือนแบบแหนบ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดที่นั่งคนขับแบบห้องคนขับเพื่อป้องกันอันตราย มีระบบลล็อคเก้าอี้ล้อเลื่อนสำหรับผู้พิการ แต่รถเมล์ทั่วไปไม่มี ที่สำคัญมีการติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมเครื่องบันทึกภาพระบบดิจิตอลเก็บภาพนาน 72 ชั่วโมง และมีกล้องส่องถอยหลังติดตั้งอีกด้วย มีการติดตั้งป้ายอิเล็คทรอนิกส์ สำหรับแสกงข้อมูลสถานีที่จะถึงถัดไปจำนวน 2 ป้าย แต่รถเมล์ธรรมดาไม่มี สำหรับพื้นชานชาลาสถานีบีอาร์ทีสูงจากพื้น 90 ซม.ซึ่งผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องใช้บันไดสามารถเข้าไปในตัวรถได้เลยเพราะตัวรถได้ออกแบบมาสูงจากพื้น 90 ซม.เช่นกันซึ่งจะสะดวกมากสำหรับผู้พิการและเป็นไปตามมาตรฐานรถบีอาร์ทีระดับโลก

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ส่วนการรับประกันคุณภาพตัวรถบีอาร์ทีหากใช้เวลาซ่อมเกิน 3 วันกำหนดปรับวันละ 20,000 บาท สำหรับคันแรกและหากเสียเกินเวลาเกินกว่า 2 คันในเวลาเดียวกันต้องเสียค่าปรับวันละ 40,000 บาทต่อคัน หรือต้องหารถที่เหมือนกันมาทดแทน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแม้รถลบีอาร์ที ของกทม.จะมีราคาเบื้องต้นที่สูงกว่ารถโดยสารประจำทางทั่วไปแต่คุณลักษณะดีกว่ารถเมล์ทั่วไปมาก เช่น ระบบความปลอดภัยของรถที่เหนือกว่า รูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ความมั่นใจในการให้บริการที่สูงกว่า และค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อว่า ในส่วนการจัดซื้อรถโดยสารบีอาร์ทีกทม.ได้ตั้งคณะกรรมการ 4 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณากำหนดรายละเอียดการจัดหารถโดยสารบีอาร์ทีโดยมีนายรัฐพล เป็นประธาน มีกรรมการจำนวน 10 ท่านซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภายในและภายนอก เช่น จากกรมการขนส่งทางบก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ,คณะกรรมการร่างขอบเขตงาน (TOR) โดยมี นายวินัย ลิ่มสกุล รอง ผอ.สจส.เป็นประธาน มีกรรมการ 5 ท่าน, คณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายวินัย เป็นประธานเช่นเดียวกัน มีกรรมการอีก 5 ท่าน และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุโดยมีนายรัฐพล เป็นประธาน มีกรรมการ 5 ท่าน ทั้งนี้ ในกระบวนการจัดซื้อ กทม.ได้นำ TOR ลงประกาศในอินเตอร์เน็ตเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบ 2 ครั้งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม

“ผมขอยืนยันว่า ขณะนี้ทาง กทม.ยังไม่มีการตรวจรับรถบีอาร์ทีแต่อย่างใดแม้กระทั่งรถต้นแบบ กทม.ก็ยังไม่ได้ตรวจรับตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างกับทางดีเอสไอซึ่งบริษัทผู้รับจ้างจะนำโมเดลรถต้นแบบมาให้ กทม.พิจารณาภายในวันที่ 10 เม.ย.นี้ และกำหนดส่งรถต้นแบบในวันที่ 31 พ.ค.ดังนั้น ที่ผู้ร้องกล่าวอ้างจึงไม่เป็นความจริงโดย กทม. และหากผู้ร้อง Make เรื่องให้กับดีเอสไอเพื่อให้ กทม.เดือดร้อนจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับผู้ร้องโดยได้มอบหมายให้ปลัด กทม.ไปหารือกับสำนักงานกฎหมายและคดี กทม.ว่า กทม.ได้รับความเสียหายอย่างไรบ้างก่อนที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป แต่ขณะนี้ได้ก่อให้เกิดความใจผิดกับประชาชนและกทม.เสียหายซึ่งไม่ขัดกับตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 15 วัน โดยปลัด กทม.เป็นผู้ตรวจสอบแน่นอนซึ่งหากตรวจสอบพบว่าไม่ถูกต้อง กทม.มีสิทธิยกเลิกสัญญาโดยไม่ต้องรับปิดชอบแต่อย่างใด

แต่ระหว่างนี้ไม่จำเป็นต้องหยุดการก่อสร้างตัวสถานี ผมไม่ทราบตัวผู้ร้องมีอะไรหรือเปล่าที่ไปร้องเรียนกับดีเอสไอซึ่งทำให้กทม.ต้องชะลอกระบวนที่เกี่ยวข้องกับตัวรถถึง 15 วัน แต่ผมจะพยายามให้เปิดให้บริการประชาชนให้ได้ภายในเดือนสิงหาคมเพราะไม่อยากเลื่อนออกไปอีก แต่ส่วนตัวตัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่ผู้ร้องที่อดีตเป็นถึงปลัดกทม.ออกมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็แล้วแต่ความคิดเห็นแต่ละบุคคล ส่วนที่ระบุว่าได้เอกสารมาจากข้าราชการกทม.อาจจะเป็นการกล่าวอ้างก็ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้รับเอกสารจากดีเอสไอแต่อย่างใดซึ่งหากส่งมาก้พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงอยู่แล้ว”

ด้านปลัด กทม.กล่าวว่า เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้น ตนได้สั่งระงับการดำเนินโครงการนี้และการมอบหมายให้นายรัฐพล รองปลัด กทม.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้นโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันแล้ว ทั้งนี้ ตนไม่ได้รู้สึกหนักใจในการสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใดเพราะทำไปตามข้อกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น