xs
xsm
sm
md
lg

สภากาชาดยันต้องเข้มคัดผู้บริจาค เผยพบเชื้อเอดส์ ไวรัสตับอักเสบในเลือด 2%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภากาชาดยันต้องมีวิธีคัดกรองเลือดเพื่อความปลอดภัย และรักษาสิทธิของผู้ป่วย ชี้ มีคนอาศัยช่องการบริจาค ตรวจเลือดตัวเอง ทั้งที่เป็นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ย้ำจำเป็นต้องทำ เพราะน้ำยาสามารถตรวจเชื้อหลังรับเชื้อ 22 วันเท่านั้น หากได้รับก่อนเสี่ยงสูงติดผู้อื่น เผยราคาตรวจสอบเลือดแต่ละถุง 800 บาท เจอต้องสูญเงิน พบเชื้อในผู้บริจาคปีก่อนมีเชื้อเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ 2%

จากกรณีสภากาชาดไทยยืนยันที่จะไม่รับบริจาคเลือดจากกลุ่มคนรักร่วมเพศ เพราะถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะพบเชื้อโรคติดต่อ เช่น HIV หรือ ไวรัสตับอักเสบ ทำให้คณะกรรมการสิทธิฯเตรียมยื่นหนังสือต่อสภากาชาดไทย ว่า เลือกปฏิบัติ และฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ เหตุขัดบันทึกเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญ ม.30 ที่ห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งเพศนั้น

พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชิต สภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาดไทยมีหน้าที่ในการจัดหาโลหิตบริจาคให้มีปริมาณเพียงพอแก่ผู้ป่วย แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพ และความปลอดภัยของโลหิตที่ได้รับบริจาค ซึ่งขอขอบคุณคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ได้ช่วยย้ำเตือนสังคมให้ตระหนักต่อความรับผิดชอบในการบริจาคโลหิต ที่ต้องมีคุณภาพและปลอดภัยให้กับผู้ป่วย เพราะการบริจาคโลหิตนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบของผู้บริจาคด้วย เพราะลำพังสภากาชาด แม้จะมีมาตรการตรวจอย่างละเอียดแต่บางครั้งก็มีเลือดที่มีความเสี่ยงได้

“น้ำยาที่ตรวจสอบเชื้อต่างๆ แม้ว่าจะมีคุณภาพดีมากเพียงใด แต่ขณะนี้ก็สามารถตรวจหาเชื้อได้เพียง 22 วัน หลังได้รับเชื้อ แต่ระหว่างนั้นหากได้รับเชื้อก่อนหน้าจะบริจาคโลหิตไม่เกิน 22 วัน ก็ไม่สามารถหาเชื้อพบ เพราะเชื้อยังอยู่ในระหว่างการฟักตัว ที่ผ่านมาผู้บริจาคบางคนก็ไม่ทราบว่าเลือดตนเองมีเชื้อ และบางส่วนก็ทราบว่าตัวเองมีความเสี่ยง แต่ต้องการเพียงพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง สิทธิของผู้ป่วยด้วย” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว

พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันมีเลือดที่รับบริจาค ร้อยละ 2 ที่ตรวจพบโรคต่างๆ อาทิ ไวรัสตับอักเสบบี ที่พบมากเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ เป็นไวรัสตับอักเสบซี ซิฟิลิส และเอชไอวี/เอดส์ โดยการบริจาคเลือดนั้น ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม สภากาชาดต้องการได้รับเลือด แต่จะคิดถึงปริมาณ โดยละเลยเรื่องคุณภาพได้ การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิต ตามแบบสอบถามดังกล่าวมิได้เป็นการแบ่งแยกหรือกีดดันทางเพศแต่อย่างใด เป็นการแจ้งให้ทราบว่าก่อนที่ท่านจะบริจาคโลหิต หากมีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ต้องไม่บริจาคโลหิต และยอมรับความจริงกับตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน

“การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตก่อนรับบริจาค ผู้บริจาคต้องตอบแบบสอบถาม 19 ข้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เหมือนประเทศอื่นทั่วโลก และใช้มาแล้ว 20 ปี เพื่อคัดกรองความเสี่ยงทั้งตัวเองและผู้อื่น เช่น เรื่องน้ำหนัก อายุ โรคประจำตัว ประวัติสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ว่าเพศชาย หญิง หรือคนรักเพศเดียวกัน หากมีพฤติกรรมเสี่ยงก็ไม่ควรบริจาค ควรมีความรับผิดชอบ เพราะการบริจาคเลือดถือเป็นการทำบุญ ต้องเลือกว่าจะทำบุญหรือบาป” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว

พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวต่อว่า ค่าใช้จ่าย ตั้งแต่การรับเลือดถึงการตรวจสอบเลือดแต่ละถุงอยู่ที่ประมาณ 600-800 บาท เมื่อได้รับเลือด จะนำเลือดไปแยกเป็น เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด พลาสม่า เพราะผู้ป่วยจะมีความต้องการเลือดในลักษณะต่างกันตามโรค เช่น ไข้เลือดออกจะต้องการเพียงเกร็ดเลือด เพราะฉะนั้น เลือด 1 ถุง จะสามารถใช้ได้กับผู้ป่วย 3 คน แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่า เลือดจากบุคคลดังกล่าวมีเชื้อใดๆ จะต้องทิ้งทั้งหมดทันที ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก

“เคยมีกรณี มีผู้มาบริจาคเลือดเคยบริจาคมาแล้วหลายครั้ง แต่มาตรวจพบเชื้อภายหลัง เพราะเพิ่งมีพฤติกรรมเสี่ยง เมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวีจะมีการแจ้งให้เจ้าตัวทราบ และให้มาพบ โดยบางคนที่มาพบยอมรับว่า เกินครึ่งมีพฤติกรรมเสี่ยง คือมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งที่ตรวจพบเอชไอวีส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และคงพูดไม่ได้ว่าเขาโกหก กรอกข้อมูลไม่ครบ แต่คงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และคิดว่าตนเองมีสุขภาพที่ดีแล้ว” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว

พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมา มีการคิดวิจัยทำให้มีน้ำยาตรวจหาเชื้อได้เร็วที่สุด 11 วันหลังรับเชื้อ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 350 บาทต่อ 1 ตัวอย่าง ดังนั้น คิดว่า จะมีการนำน้ำยาตัวใหม่มาใช้ในอนาคต แต่ต้องพิจารณางบประมาณในการดำเนิน โดยส่วนตัวเห็นว่าคุมค่า เพราะแม้งบประมาณจะเพิ่มขึ้น หากตรวจพบเพียงแค่รายเดียวก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่ผู้รับบริจาคโลหิต จากการทดลองสามารถคัดครองผู้บริจาคโลหิตที่ติดเชื้อเอชไอวี เพิ่มขึ้นอีก 5 ราย จากการตรวจด้วยน้ำยาปกติ ซึ่งถ้าหากไม่ใช้น้ำยานี้ตรวจ โลหิตจากผู้บริจาค 5 ราย จะสู่ผู้รับบริจาค 20 ราย

พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวต่อว่า จากรายงานของวารสารทางการแพทย์ มีการศึกษาพฤติกรรมความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ของผู้บริจาคโลหิตในกลุ่มต่างๆ ในประเทศออสเตรเลีย พบว่า กลุ่มรักร่วมเพศมีความชุกของการติดเชื้อ ร้อยละ 10 ส่วนกลุ่มรักต่างเพศมีความชุกของการติดเชื้อ ร้อยละ 0.04 การนำเสนอข่าวดังกล่าวถือว่ามีผลดีต่อสังคมไทย ทำให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการคัดกรองเลือดที่ปลอดภัยของสภากาชาดไทย เป็นการรักษาสิทธิของผู้ป่วย และเป็นการให้ข้อมูลต่อสังคมว่า หากต้องการบริจาคโลหิต ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม

“ก่อนหน้านี้ ได้ชี้แจงข้อมูลนี้ให้นายนที ธีระโรจนพงษ์ ผอ.กลุ่มเกย์การเมืองไทย ก็เข้าใจดีแล้ว ส่วนที่มีบางฝ่ายระบุว่า เกย์หรือกะเทยบางคนก็เป็นคนดีในสังคม เป็นบุคคลมีชื่อเสียงนั้น ต้องยอมรับว่า ในสังคมมีคนดีเยอะมาก บางคนก็เปิดเผยตัวตน บางคนก็ไม่เปิดเผยตัว ดังนั้น อย่าคิดว่าการปฏิเสธเป็นการเลือกปฏิบัติ แต่อยากให้คิดว่าเป็นคำนึงผู้รับบริจาคเลือก การปฏิเสธการรับบริจาคเลือดไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อีกทั้งแบบสอบถามก็ใช้คำสุภาพมากที่สุด” พญ.สร้อยสอางค์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น