“บุญทัน” ย้ำ กก.บห.ชาติไทย-มัชฌิมาฯ ทุจริตเลือกตั้งเป็นการกระทำส่วนตัว พรรคไม่เกี่ยว เชื่อ กกต.มีทางออกที่ดี ขณะที่ที่ปรึกษากม. กกต.นัดหารือวันนี้ คาดตีความตามกฤษฎีกาที่เคยมีไว้เกี่ยวกับถ้อยคำที่เกี่ยวเนื่อง และดูตามเจตนารมย์ ม. 237 ของ รธน.เผยหากไม่มีข้อสรุปจริงๆ อาจส่งเรื่องให้กฤษฎีกา วินิจฉัย ด้านเลขาฯกกต. ยันพิจารณาตามกม.ไม่มีใบสั่งจากใคร
นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานอนุกรรมการพิจารณายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายจะประชุมเพื่อเสนอ ความเห็นให้ กกต.พิจารณาเรื่องยุบพรรคฯ ว่า หากที่ปรึกษากฎหมายมีมติออกมา อย่างไรไม่ว่าจะเสนอให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ตนก็เคารพ แต่ก็ยังขอยืนยันมติของอนุกรรมการที่มีไป เพราะขณะที่เราสืบสวนสอบสวนนั้นพบว่าการกระทำของ กรรมการบริหารพรรคทั้ง 2 พรรคเป็นการกระทำส่วนตัว พรรคไม่เกี่ยว ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้ ที่ปรึกษากฎหมายและกกต.น่าจะมีทางออกที่ดี
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 นั้น เห็นว่า ความจริงรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนการร่าง และส่วนตัวมองว่า ควรแก้ไขทั้งฉบับ โดยมีการนำผลงานวิชาการมาเทียบเคียงเพื่อแก้ไข แต่ถ้าพรรคการเมืองเห็นว่าประเด็นใดมีความเร่งด่วนและไม่เป็นธรรมก็สามารถ แก้ไขได้ เพราะในสังคมไทยไม่ควรมีกฎหมายที่ไม่ให้ความเป็นธรรม
“ใจผมอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ถ้ามองให้ดีและนำหลักวิชาการ มาพิจารณา 7 วันก็น่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของคณะที่ปรึกษาของ กกต.ที่จะมีขึ้นวันนี้เวลา 16.00 น. ที่ประชุมจะนำการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เคยตีความเกี่ยวกับมติ ครม.เกี่ยวกับถ้อยคำที่เกี่ยวเนื่องและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่อดีต ส.ส.ร. ส่งรายงานการประชุมที่บันทึกเจตนารมณ์การร่างรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยกฎหมายมาตราดังกล่าวมีเจตนารมณ์ เพื่อต้องการให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นจึงควรที่ กรรมการบริหารพรรคต้องควบคุมพฤติกรรมของลูกพรรครายอื่น หากกรรมการบริหารพรรคไม่ควบคุมก็อาจจะมีความผิดไปด้วย ซึ่งในการประชุมครั้งที่ผ่านมาที่ปรึกษากฎหมายได้หารือในประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวางและค่อนข้างมีความแตกต่าง
“หากการประชุมของที่ปรึกษากฎหมายได้แสดงความเห็นแล้วไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน โดยอาจมีปัญหาเรื่องถ้อยคำที่ไม่ชัดเจน เช่นคำว่า ให้ถือว่า หรือคำว่า ผู้ใด ในรัฐธรรมนูญ และ มาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ก็อาจจะมีการเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย เพราะหากคณะที่ปรึกษากฎหมาย เสนอความเห็นทางกฎหมายในการตีความถ้อยคำดังกล่าวไป ก็ไม่มีผลผูกพันหน่วยงาน ดังนั้นการให้กฤษฎีกาตีความถ้อยคำที่เป็นปัญหาก่อนอาจจะทำให้การ เสนอความเห็นทางกฎหมายของที่ปรึกษากฎหมายรอบคอบขึ้น”
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิเสธข่าวเรื่องมือที่มองไม่เห็นและการตั้งธงยุบพรรคการเมืองว่า ไม่เป็นความจริง โดย กกต. ยืนยันมาตลอดว่า กกต. ไม่เคยได้รับใบสั่งจากใครและไม่มีการตั้งธงที่จะทำลายพรรคการเมืองใด เพราะกกต. ได้พิจารณทุกอย่างตามกฎหมาย ส่วนจะยุบพรรคหรือไม่นั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วจะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุม กกต. นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.ได้พิจาณา สำนวนเรื่องร้องคัดค้านการสรรหา ส.ว.ซึ่งมีจำนวน 4 เรื่อง และได้สั่งยุติ 3 เรื่อง เนื่องจากพบว่า ผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย และรับคำร้อง 1 เรื่อง กรณีการร้อง คุณสมบัติขององค์กรที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหา นอกจากนี้ยังได้พิจารณา สำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. โดยได้สั่งยุติการสืบสวนสอบสวนสำนวน การทุจริตเลือกตั้งที่จ.อำนาจเจริญ และจ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ส่วนวันที่ 26 มี.ค.เวลา 13.30 น. นี้ กกต.จะมีการประชุมพิจารณารับรอง ส.ว. ซึ่งเหลืออีก 5 จังหวัด โดย กกต.จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้
นายบุญทัน ดอกไธสง ประธานอนุกรรมการพิจารณายุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายจะประชุมเพื่อเสนอ ความเห็นให้ กกต.พิจารณาเรื่องยุบพรรคฯ ว่า หากที่ปรึกษากฎหมายมีมติออกมา อย่างไรไม่ว่าจะเสนอให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ตนก็เคารพ แต่ก็ยังขอยืนยันมติของอนุกรรมการที่มีไป เพราะขณะที่เราสืบสวนสอบสวนนั้นพบว่าการกระทำของ กรรมการบริหารพรรคทั้ง 2 พรรคเป็นการกระทำส่วนตัว พรรคไม่เกี่ยว ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้ ที่ปรึกษากฎหมายและกกต.น่าจะมีทางออกที่ดี
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 นั้น เห็นว่า ความจริงรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนการร่าง และส่วนตัวมองว่า ควรแก้ไขทั้งฉบับ โดยมีการนำผลงานวิชาการมาเทียบเคียงเพื่อแก้ไข แต่ถ้าพรรคการเมืองเห็นว่าประเด็นใดมีความเร่งด่วนและไม่เป็นธรรมก็สามารถ แก้ไขได้ เพราะในสังคมไทยไม่ควรมีกฎหมายที่ไม่ให้ความเป็นธรรม
“ใจผมอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ถ้ามองให้ดีและนำหลักวิชาการ มาพิจารณา 7 วันก็น่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของคณะที่ปรึกษาของ กกต.ที่จะมีขึ้นวันนี้เวลา 16.00 น. ที่ประชุมจะนำการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เคยตีความเกี่ยวกับมติ ครม.เกี่ยวกับถ้อยคำที่เกี่ยวเนื่องและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่อดีต ส.ส.ร. ส่งรายงานการประชุมที่บันทึกเจตนารมณ์การร่างรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยกฎหมายมาตราดังกล่าวมีเจตนารมณ์ เพื่อต้องการให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นจึงควรที่ กรรมการบริหารพรรคต้องควบคุมพฤติกรรมของลูกพรรครายอื่น หากกรรมการบริหารพรรคไม่ควบคุมก็อาจจะมีความผิดไปด้วย ซึ่งในการประชุมครั้งที่ผ่านมาที่ปรึกษากฎหมายได้หารือในประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวางและค่อนข้างมีความแตกต่าง
“หากการประชุมของที่ปรึกษากฎหมายได้แสดงความเห็นแล้วไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน โดยอาจมีปัญหาเรื่องถ้อยคำที่ไม่ชัดเจน เช่นคำว่า ให้ถือว่า หรือคำว่า ผู้ใด ในรัฐธรรมนูญ และ มาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ก็อาจจะมีการเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้วินิจฉัย เพราะหากคณะที่ปรึกษากฎหมาย เสนอความเห็นทางกฎหมายในการตีความถ้อยคำดังกล่าวไป ก็ไม่มีผลผูกพันหน่วยงาน ดังนั้นการให้กฤษฎีกาตีความถ้อยคำที่เป็นปัญหาก่อนอาจจะทำให้การ เสนอความเห็นทางกฎหมายของที่ปรึกษากฎหมายรอบคอบขึ้น”
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิเสธข่าวเรื่องมือที่มองไม่เห็นและการตั้งธงยุบพรรคการเมืองว่า ไม่เป็นความจริง โดย กกต. ยืนยันมาตลอดว่า กกต. ไม่เคยได้รับใบสั่งจากใครและไม่มีการตั้งธงที่จะทำลายพรรคการเมืองใด เพราะกกต. ได้พิจารณทุกอย่างตามกฎหมาย ส่วนจะยุบพรรคหรือไม่นั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วจะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุม กกต. นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.ได้พิจาณา สำนวนเรื่องร้องคัดค้านการสรรหา ส.ว.ซึ่งมีจำนวน 4 เรื่อง และได้สั่งยุติ 3 เรื่อง เนื่องจากพบว่า ผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย และรับคำร้อง 1 เรื่อง กรณีการร้อง คุณสมบัติขององค์กรที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหา นอกจากนี้ยังได้พิจารณา สำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. โดยได้สั่งยุติการสืบสวนสอบสวนสำนวน การทุจริตเลือกตั้งที่จ.อำนาจเจริญ และจ.เพชรบูรณ์ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
ส่วนวันที่ 26 มี.ค.เวลา 13.30 น. นี้ กกต.จะมีการประชุมพิจารณารับรอง ส.ว. ซึ่งเหลืออีก 5 จังหวัด โดย กกต.จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 เม.ย.นี้
